xs
xsm
sm
md
lg

กรมศุลการกรจับรถหรูเลี่ยงภาษี 10 คัน มูลค่ากว่า 129 ล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรมศุลกากรแถลงจับกุมรถยนต์หรู ลักลอบหนีศุลกากรและเลี่ยงอากร 10 คัน มูลค่า 129 ล้านบาท เผยลอบนำเข้าผ่านทางชายแดนภาคใต้

วันนี้(8 มิ.ย.) ที่กรมศุลกากร นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร และนายราฆพ ศรีศุภอรรถ รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมแถลงจับกุมรถยนต์หรูลักลอบหนีศุลกากรและหลีกเลี่ยงอากร 10 คัน รวมมูลค่า 129 ล้านบาท แบ่งออกเป็นความผิด 3 กรณี โดยกรณีแรกเป็นความผิดฐานสำแดงเท็จหลีกเลี่ยงอากร ประกอบด้วยรถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กินี่ อาเวนทาดอร์อาเวนทาดอร์ แอลพี 700-4 จำนวน 2 คัน กรณีที่ 2 ความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บน และเขตปลอดอากร ประกอบด้วยยี่ห้อเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่น ซี 200 จำนวน 2 คัน รุ่นซี 63 เอเอ็มจี จำนวน 1 คัน ยี่ห้อเลกซัส แอลเอส600 เอชแอล ไฮบริด 1 คัน ยี่ห้อปอร์เช่ รุ่น บ็อกซเตอร์ 1 คัน และกรณีสุดท้ายคือความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านชายแดนใต้ ประกอบด้วย ยี่ห้อเมอร์ซิเดสเบนซ์ รุ่นเอส350แอล 1 คัน ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น เอ็ม 6 จำนวน 1 คัน และรุ่น 745 แอลไอ จำนวน 1 คัน
นางเบญจา กล่าวว่า รถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กินี่ อาเวนทาดอร์ทั้ง 2 คัน มีความผิดฐานสำแดงเท็จหลีกเลี่ยงอากร ก็เพราะรถทั้งสองคันได้สำแดงเท็จว่าเป็นรุ่นกัลลาร์โด้ ซึ่งรถทั้งสองคันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามมานานแล้ว หลังจากสืบทราบว่าสำแดงผิดรุ่น ทางกรมศุลกากรก็ได้แจ้งให้มาชำระภาษีเพิ่มเติม แต่เจ้าของรถก็ไม่มาชำระภาษี อีกทั้งยังมีการนำรถไปซ่อน แต่หลังจากเจ้าของนำรถไปเข้าศูนย์ ทางเจ้าหน้าที่จึงสามารถติดตามจับกุมมาได้ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามจับกุมรถคันอื่นๆที่มีการสำแดงผิดรุ่นอยู่ ซึ่งในสัปดาห์หน้าคาดว่าน่าจะมีการเข้ามาชำระภาษีเพิ่มเติมอีก 4-5 คัน โดยเจ้าของรถน่าจะเป็นคนเดียวกัน สำหรับกรณีความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านชายแดนใต้นั้น มักจะเป็นการนำเข้ามาในฐานะท่องเที่ยว จากนั้นก็จะจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินทางกลับไป
นางเบญจา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีรถหรูที่ถูกไฟไหม้นั้น ทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ทางกรมศุลกากรก็ทำงานตามปกติ ไม่ยุ่งยากอะไร ไม่มีนักการเมืองมากดดัน หรือเกี่ยวข้อง โดยทางกรมศุลฯจะร่วมแบ่งปันข้อมูลกับดีเอสไอ ซึ่งรายที่แถลงจับกุมวันนี้ เชื่อว่าเป็นคนละกลุ่มกับรถที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งที่ผ่านมาผลการดำเนินคดีพบว่าบางส่วนผู้ต้องหายอมให้มีการชำระภาษีเพิ่ม ซึ่งบางบริษัทที่เคยถูกดำเนินคดีก็แอบไปเปิดชื่อบริษัทใหม่เข้ามาทำผิดอีก ทางกรมศุลกากรก็ต้องติดตามดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายราฆพ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมศุลกากรได้มีมาตรการในทำการติดตามจับกุมรถลักลอบหนีศุลกากรมาโดยตลอด 30 ปี อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว โดยในช่วง 1 ปีสามารถจับกุมได้ 100-200 คัน แต่ก็อาจจะมีหลุดลอดไปบ้าง เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำผิดมักจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ทางเจ้าหน้าที่ไปนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องพัฒนาความรู้ขึ้นไปเรื่อยๆ จะพยายามบูรณาการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันกับทางดีเอสไอ กรมสรรพสามิต กรมการขนส่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นออนไลน์ สามารถตรวจสอบรถต้องสงสัยได้ภายใน 1-2 นาที ซึ่งหากทำสำเร็จขบวนการพวกนี้ก็น่าจะหมดไป
นายราฆพ กล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวนี้เป็นความผิดฐานลักลอบ และนำพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีหรือของที่ยังไม่ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร หรือลักลอบนำของออกจากคลังสินค้าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงาน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบมาตรา 16 มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 มีโทษปรับเป็น 4 เท่าของราคาซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ














กำลังโหลดความคิดเห็น