แฉ "กิตติรัตน์ "จ่อชง ครม.ขอเงินเพิ่มทำจำนำข้าว หลังอนุมัติไปแล้ว 5 แสนล้าน ไม่พอ โยนขี้ธ.ก.ส.ไปกู้มาสำรองจ่าย แต่คลังไม่ค้ำประกัน สะท้อนรัฐถังแตก ด้าน "องอาจ" บี้นายกฯโชว์ความกล้าหาญ นั่งหัวโต๊ะประชุม กขช. ด้วยตัวเอง จับตามีคนเตรียมแต่งตัวเลขขาดทุนใหม่ ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุฯ 2 ชุดไต่สวน "บุญทรง" ขณะที่ 2 อดีตขุนคลัง อัด"ปู"ทำงานแบบสาวออฟฟิศ เตือน "เราจะพังกันหมด" เพราะจำนำข้าว "เด็จพี่" เอาสีข้างถู อ้างยุค"มาร์ค" ประกันราคาข้าว เจ๊ง 1.3 แสนล้าน เตรียมยื่นดีเอสไอ
วานนี้ (9 มิ.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายบุญทรง เตยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ยังไม่ยอมรับเรื่องการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่มีตัวเลขของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าวอย่างชัดเจน แต่กลับอ้างว่าไม่ขายไม่ขาดทุน ว่า สิ่งที่รมว.พาณิชย์พูด ไม่เป็นความจริง เพราะการปิดบัญชีมีการคาดการณ์แล้วว่า หากขายข้าวในสต็อกที่มีอยู่ทั้งหมดจะขาดทุนเท่าไร คำพูดของทั้งนายบุญทรง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ จึงเป็นการกล่าวเท็จต่อประชาชน เพราะความจริงคือ มีแต่จะขาดทุนมากขึ้น เพราะข้าวจะเสื่อมสภาพมากขึ้น จนถูกกดราคาจากผู้ซื้อ และความเสียหายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นายชวนนท์ กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายบุญทรง ยืนยันว่าจะไม่มีการกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อทำโครงการนี้นั้น ไม่เป็นความจริง โดยขอย้อนดูการใช้เงินกู้ของรัฐบาลในโครงการนี้แล้วรวม 4.1 แสนล้านบาท อีก 9 หมื่นล้าน ใช้สภาพคล่องธ.ก.ส. มาดำเนินการไปก่อน
การที่นายบุญทรงอ้างว่า จะไม่ขอกู้เพิ่มอีกนั้น ตนยืนยันว่านายบุญทรงโกหก เนื่องจากในวันนี้ (10 มิ.ย.) ขอให้จับตาการประชุมครม. เพราะคณะกรรมการกลั่นกรอง ชุดที่ 3 ที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่า วงเงินในโครงการจำนำข้าวไม่พอที่จะดำเนินโครงการ ขอให้ธ.ก.ส.รับภาระเอง หมายความว่า ถ้าต้องใช้เงินเพิ่มให้ธ.ก.ส.ไปกู้โดยไม่มีหลักเกณฑ์ เพราะรัฐบาลถังแตก ระบายข้าวไม่ได้ ผลักภาระให้ธ.ก.ส.โดยกระทรวงการคลัง ไม่ค้ำประกัน ซึ่งดอกเบี้ยจะแพง โดยระบุว่ารัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างของดอกเบี้ยให้ จึงต้องถามว่ารัฐบาลจะเอาเงินจากไหน เพราะไม่มีการจัดงบประมาณในส่วนนี้เอาไว้
"มีข้าราชการที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล ส่งเอกสารมาให้ ผมเห็นเอกสารนี้แล้วตกใจจริงๆ จึงต้องดูว่า ครม.จะอนุมัติหรือไม่ เพราะก่อนหน้าที่จะมีการสรุปเป็นมติของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หลายหน่วยงานไม่เห็นด้วย แต่ถูกบีบจากทางการเมืองจนไม่กล้าคัดค้าน ทำให้มีการผลักภาระให้ ธ.ก.ส. แบกรับภาระโครงการจำนำข้าวต่อไป ทั้งๆ ที่ ธ.ก.ส.มีเงินฝากของพี่น้องเกษตรกรอยู่ด้วย แต่รัฐบาลกำลังเอาเงินของเกษตรกรมาปั่นโครงการจำนำข้าว หาประโยชน์ให้กับตัวเอง ถือเป็นเรื่องที่อำมหิตจริงๆ และเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องติดตาม ทั้งนี้ในเอกสารดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ภายในวันที่ 31 ธ.ค.56 ให้รัฐหาเงินใช้ธ.ก.ส.ให้ได้ แต่ไม่มีกติกา วิธีการใดๆ ที่จะเป็นหลักประกันว่ารัฐบาลจะหาเงินมาคืน ธ.ก.ส.ได้ " นายชวนนท์ กล่าว
สำหรับกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะทำงานประชาสัมพันธ์ 5 ด้านนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเพราะเปลี่ยนโฆษกรัฐบาลมาแล้ว 4 คน เปลี่ยน รมต.หลายครั้ง แต่ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่การประชาสัมพันธ์ แต่อยู่ที่รัฐบาลไม่พูดความจริง ปกปิดข้อมูล บิดเบือนข่าวสาร ปิดหู ปิดตา ประชาชน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ปัญหา แค่พูดความจริงว่า จำนำข้าวเสียหายอย่างไร ปรองดองสอดไส้ล้างผิดคนโกง กล้าพูดหรือไม่ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องจริง ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาของรัฐบาลคือ ทำผิดกับประเทศ จะตั้งทีมประชาสัมพันธ์มากแค่ไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูกไปได้ และหากมั่นใจว่ามีผลงานก็ขอให้เปิดสภาแถลงผลงาน ถ้าแถลงผลงานไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะตั้งทีมประชาสัมพันธ์ใหม่
** จี้"ยิ่งลักษณ์"นั่งหัวโต๊ะถก กขช.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขาดทุนในโครงการจนำข้าวของรัฐบาล ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 แต่รัฐบาลไม่สามารถชี้แจงตัวเลขการขาดทุนที่ชัดเจนต่อสังคมได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ควรลอยตัวจากปัญหานี้ เนื่องจากเป็น ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ต้องเข้ามารับผิดชอบ ทำความจริงให้กระจ่างต่อสาธารณชน ว่าโครงการนี้มีตัวเลขการขาดทุนเท่าไร อย่างไร พรรคยืนยันว่า สนับสนุนการช่วยเหลือชาวนา แต่ต้องไม่เปิดโอกาสให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วย เพราะโครงการจำนำข้าวแม้จะช่วยชาวนา แต่ชาวนาก็ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ มีการรั่วไหลเกิดขึ้นจำนวนมาก และก่อให้เกิดปัญหาการทุจริต คอร์รัปชัน อย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการรับจำนำ การเก็บรักษาข้าว และการระบายข้าว แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการยับยั้งการทุจริตแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ก่อให้เกิดการขาดทุนอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทำให้เห็นว่ามีผลกระทบทั้งสองด้าน คือ ทุจริตและขาดทุน แต่นายกฯ กลับปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินต่อไป ดังนั้น นายกฯ ต้องออกมาดำเนินการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
"การชี้แจงของรัฐบาล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้ก่อให้เกิดความชัดเจนแต่อย่างใด ไม่ต่างอะไรจากลิงแก้แห ยิ่งชี้แจง ยิ่งมัดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อถูกถาม ก็ตอบไม่ได้ ใช้วิธีเลี่ยงบาลี แก้ตัวน้ำขุ่นๆ อ้างว่าเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้ งบประมาณที่ใช้จ่ายไม่ใช่งบลับ แต่เป็นงบแผ่นดินที่ผ่านการพิจารณาของสภาแล้วเป็นงบเปิดเผย ดังนั้นการดำเนินการรัฐบาลต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับทราบ โดยเฉพาะการที่อ้างว่าต้องเก็บข้อมูลเป็นความลับ จนกว่าจะปิดโครงการนั้น เป็นแค่การซื้อเวลา เพราะรัฐบาลสามารถบอกตัวเลขปัจจุบันได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อเวลา หรือรอปิดโครงการ ต้องบอกได้ว่า รับจำนำเท่าไร เก็บรักษาไว้เท่าไร ขายเท่าไร ขายให้ใคร ถ้ารัฐบาลยึดมั่นการทำงานแบบโปร่งใส ต้องกล้าเปิดเผยข้อมูลออกมา วันนี้อย่าว่าแต่สต็อกข้าวมีอยู่เท่าไร แม้แต่สัญญาซื้อขายข้าวรัฐบาลก็ไม่เปิดเผย ในขณะที่ประเทศอื่นไม่มีการปกปิดข้อมูลในเรื่องการค้าขายข้าวแต่อย่างใด แม้แต่รัฐบาลกัมพูชา สื่อมวลชนยังนำเสนอได้ว่า ขายข้าวให้ประเทศไทยมากเป็นอันดับสี่ รัฐบาลจึงต้องยุติพฤติกรรมอ้างว่าทุกอย่างเป็นความลับได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้จะกระทบความเชื่อมั่นประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการพิจารณาเพื่อจัดอันดับเครดิตประเทศด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของรัฐบาลก่อให้เกิดปัญหา" นายองอาจ กล่าว
อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุม คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยจะมีการพิจารณาเรื่องการรับจำนำข้าวทั้งระบบ รวมทั้งตัวเลขการดำเนินโครงการที่ขาดทุนอย่างมโหฬาร โดยเชื่อว่าจะมีความพยายามแก้ไขตัวเลขของทางราชการเกี่ยวกับการขาดทุนในโครงการนี้ เพื่อให้ตัวเลขการขาดทุนต่ำอย่างที่รัฐบาลต้องการ จึงฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่า อย่าปล่อยให้นักการเมืองที่ไม่มีความสามารถในการบริหารโครงการจำนำข้าว สมรู้ร่วมคิดกับข้าราชการบางคนดำเนินการเช่นนี้
"นายกฯ ต้องแสดงความกล้าหาญ พูดความจริงกับประชาชน เพื่อแก้ปัญหามากกว่าที่จะบิดเบือนข้อมูลและความจริง เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่รัฐบาลแต่กระทบประเทศชาติ การขายข้าว และชาวนา และไม่อยากให้ผลการประชุมออกมาเพียงแค่ว่าตัวเลขการขาดทุนที่ออกมาว่า 2.6 แสนล้านบาทเป็นเรื่องการติ๊กผิด แต่ต้องพูดความจริงกับประชาชน" นายองอาจ กล่าว
** "กรณ์"อัด"ปู"ทำงานเป็นสาวออฟฟิส
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Korn Chatikavanij" ถึงการชี้แจงเรื่องโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า
"เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 7 มิ.ย. ที่บริเวณวัดดอนเมือง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างการลงพื้นที่ช่วยนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตดอนเมือง ถึงการแถลงข่าวเรื่องจำนำข้าว ของนายบุญทรง แต่ได้รับการปฏิเสธว่า ไม่ได้ดู เพราะมีประชุมตลอดทั้งวัน และเวลานี้ก็เป็นเวลาเลิกงานแล้ว ไม่พูดเรื่องงาน มาหาเสียงดีกว่า
เมื่อถามว่า แต่ตัวเลขที่นายบุญทรง ชี้แจงไม่ชัดเจน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเลี่ยงว่า " มาหาเสียงมีแต่เลข 9 เลิกงานแล้ว" เมื่อถามต่อว่า จะนัดนายบุญทรง คุยเมื่อไหร่ นายกฯ ไม่ตอบได้แต่หันมายิ้ม" รายงานข่าวโดยมติชน 8 มิ.ย.
ผมคิดว่าที่ปรึกษาท่านนายกฯ ควรหาคำตอบที่ดีกว่านี้ให้กับท่าน การที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า การทำงานของนายกฯ ของประเทศมีการจำกัดเวลาเหมือนสาวออฟฟิศ เป็นเรื่องที่เสื่อมเสียต่อตำแหน่ง และตัวท่านนายกฯ เองอย่างมาก นอกจากนั้น การอ้างภาระการช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อมให้ลูกพรรค ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการติดตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีผลเสียหายมากมายต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ถ้าให้ท่านตอบอย่างนี้ รับได้ยากครับ
** เตือน "เราจะพังกันหมด"เพราะจำนำข้าว
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ในรัฐบาล"ยิ่งลักษณ์ 1" ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thirachai Phuvanatnaranubala โดยมีเนื้อหาบางส่วนระบุถึงการชี้แจงของ นายบุญทรง ในโครงการรับจำนำข้าว โดยระบุว่า มีผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จะเป็นต้นเหตุให้รัฐบาลพังหรือไม่ ตอบว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ชำนาญด้านการเมือง แต่อยากจะตอบว่า เราพังกันหมด ถ้าใช้ตัวเลขขาดทุน 2 แสนล้าน เฉลี่ยต่อคนสำหรับคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ก็เป็นเงินคนละเกือบ 3 พันบาท
ถ้าขาดทุนบานออกไปเป็น 3 แสนล้าน ภาระก็จะเพิ่มเป็นคนละ 6 หมื่นบาท รัฐมนตรีคลัง กับรัฐมนตรีพาณิชย์ ร่วมกันสร้างภาระให้แก่ประชาชนมากขนาดนี้ ก็ควรจะเปิดบัญชีให้เขาดู เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่า มันคุ้มค่ากับเลือดที่ไหลออกหรือไม่
**ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุฯ 2 ชุดไต่สวน "บุญทรง"
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่าขณะนี้ คณะกรรมการป.ป.ช. ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุดเพื่อ ไต่สวนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ และบุคคลอื่นที่ได้ร้องเรียนมา ซึ่งมีทั้งในภาพรวม และการให้ตรวจสอบการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพราะจากการตรวจสอบเอกสารที่ยื่นมานั้น พบว่ามีข้อมูลข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะตั้งอนุกรรมการไต่สวนนายบุญทรง ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว โดยมอบให้กรรมการ ป.ป.ช. 3 คน คือ นายวิชา มหาคุณ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง และ นายกล้านรงค์ จันทิก รับผิดชอบดำเนินการ
** ขู่ร้องDSIสอบประกันราคาข้าวยุคมาร์ค
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายอภิสิทธิ์ ออกมาโจมตีรัฐบาลในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวว่า การจำนำข้าวขาดทุน 260,000 ล้านบาท รวมถึงมองว่าเกษตรกรได้ประโยชน์จริงเพียง 80,000 ล้านบาท และมีเงินจากภาษีประชาชนหายไปถึง 170,000 ล้านบาทนั้น ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างวาทกรรมยกเมฆ นายอภิสิทธิ์ เอาตัวเลขมาตัดแปะจากการรายงานข่าว จากข้อมูลที่ยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ยังมีการดำเนินการออกมา แต่กลับนำเอาเรื่องเหล่านี้มาโจมตีรัฐบาล ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า โครงการจำนำข้าวเป็นประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งตนมองว่าต้องแยกเรื่องโครงการจำนำ กับการระบายข้าว การระบายข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขายข้าวได้ดีกว่ารัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์ ในโครงการประกันราคา
“ผมขอท้านายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้าโครงการจำนำข้าวไม่ดี ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ มีมติคว่ำโครงการจำนำข้าว โดยขึ้นป้ายทั่วประเทศ ไม่เอาโครงการจำนำข้าว เพราะที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ขัดขวางโครงการจำนำข้าวทุกวิถีทาง มั่วตัวเลขขาดทุน โดยหวังเพียงจะคว่ำโครงการ ผมเชื่อว่าโครงการที่ผ่านมาของรัฐบาล เกษตรกรได้ประโยชน์จากการจำนำข้าวเกือบ 5,000 บาทต่อตัน ต่างจากโครงการรับประกันที่ผ่านมา ทุกฤดูกาลผลิตจะมีเกษตรกรออกมาประท้วง ปิดถนน นั่นสะท้อนให้เห็นว่าโครงการประกันไม่ประสบความสำเร็จ แต่โครงการจำนำราคาไม่มีการประท้วง มีแต่การชื่นชมให้ดำเนินการต่อ”โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
ทั้งนี้ตนไปตรวจสอบเรื่องการประกันราคาสมัยนายอภิสิทธิ์ น่าจะขาดทุนถึง 130,000 ล้านบาท น่าจะส่อการทุจริต ตั้งแต่กระบวนการต้นทาง มีการสวมสิทธิเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบุคคลพวกพ้องตัวเอง รวมถึงมีกลุ่มโรงสี ข้าราชการ และนักการเมือง ที่สนับสนุนเข้ามามีส่วยเกี่ยวข้องกับการทุจริต ตนขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นเรื่องการเมือง และเชื่อว่าวันนี้การที่นายอภิสิทธิ์ มุ่งโจมตีโครงการจำนำข้าว เพื่อเป็นการปกปิดโครงการประกันราคาที่ล้มเหลวและส่อทุจริต รวมถึงการกล่าวอ้างตัวเลขของแหล่งข่าวลอยๆ สร้างความสับสนให้กับประชาชน ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์ เอามือไปชี้นิ้วด่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ควรหันกลับมาชี้นิ้วตัวเอง อย่าเอาแบบลักษณะหน้าหล่อเนื้อตัวมอมแมมแปดเปื้อนแบบนี้ไม่ถูกต้อง ตนเตรียมจะไปยื่นเรื่องการตรวจสอบโครงการประกันราคาต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 10 มิ.ย. เวลา10.00 น.
**"บุญทรง" นำทีมเดินสายแจง
วานนี้ ที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ต.ท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง พร้อมด้วยสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ร่วมเสวนา "จำนำข้าวสัญจร จับเข่าคุยเกษตรกรชาวนา" เพื่อชี้แจงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
นายบุญทรง กล่าวว่า ข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า ขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ขอยืนยันว่า ไม่จริง เป็นการนำเสนอที่ไม่มีข้อมูลยืนยัน เพราะขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ แต่การรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เม็ดเงินลงไปถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง จึงจะเดินหน้าโครงการต่อ โดยปีที่ 2 ของโครงการ ทั้งข้าวเปลือกนาปรังและนาปี รัฐใช้เงินไป 6 แสนล้านบาท มีข้าวเปลือกแปรสภาพเป็นข้าวสาร เพื่อระบายออก และนำเงินคืนรัฐบาลแล้ว 1.2 แสนล้านบาท
ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า โครงการจำนำข้าว หรือแทรกแซงราคา เป็นโครงการที่ไม่ประสงค์กำไร โลกของความเป็นจริง คือ ควักเงินของรัฐอุดหนุน ซึ่งหลังรัฐบาลเดินหน้ารับจำนำข้าว ดึงดูดให้ชาวนานำข้าวมาเก็บกับรัฐ เมื่อข้าวถูกดูดออกจากตลาด ขณะที่ความต้องการข้าวในประเทศ และตลาดต่างประเทศยังมีอยู่ ส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้น ชาวนาที่ไม่ได้จำนำข้าว ก็ได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากถามว่าขาดทุนไหม ขาดทุนแน่นอน แต่ที่เป็นข่าวใหญ่โต เพราะวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะอนุกรรมการปิดบัญชี อ้างถึงเอกสารลับ แต่กลับมาโผล่ในเฟซบุ๊คของรองนายกรัฐมนตรี สมัยที่แล้ว ว่าปีแรกของการจำนำรัฐขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ทั้งที่ข้อมูลของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี จะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อผ่านที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติหรือ กขช. ตัวเลข 2.6 แสนล้านบาท จึงไม่มีที่มาที่ไป
"คนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงข่าวโจมตีรัฐบาล บอกว่าขาดทุน 2.2 แสนล้านบาท และงบดำเนินการอีก 4 หมื่นล้านบาท แต่ไม่มีเอกสารชัดเจน จะเค้นกระทรวงพาณิชย์ตอบว่าขาดทุนเท่าไหร่ ก็สรุปไม่ได้ "
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตัวเลขจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) รายงานว่าเม็ดเงินถึงมือชาวนา ปีแรกมีข้าวเปลือกร่วมโครงการ 6.95 ล้านตัน โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกร 118,000 ล้านบาท ข้าวนาปรังฤดูการผลิต 2555 มีข้าวเข้าโครงการ 14.7 ล้านตัน โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกร 218,000 ล้านบาท รวมปีแรกมีข้าว 21.65 ล้านตัน โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกร 337,000 ล้านบาท
ปีที่สอง ฤดูการผลิต 2556 รอบแรกมีข้าวเข้าโครงการ 14.02 ล้านตัน โอนเงิน 228,000 ล้านบาท รอบที่สอง ข้าว 3.45 ล้านตัน โอนเงิน 52,000 ล้านบาท รวม 2 ปี โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกร 618,000 ล้านบาท ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสานที่ปลูกข้าวมาก