โฆษกเพื่อไทยเรียก ส.ส.แจงผลลงพื้นที่ 11 มิ.ย.พร้อมเข้มกล่อมจ้อนโยบายรัฐ ป้องกันฝ่ายค้านบิดเบือน สวน “อภิสิทธิ์” ยกเมฆตัวเลขขาดทุนจำนำข้าว ย้ำวาทะเดิมเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน โอ่ขายได้ดีกว่ารัฐบาลที่แล้ว เชื่อโจมตีหวังปิดโกงประกันรายได้ ใช้ก๊วนดีเอสไอสอบพรุ่งนี้ ยัน “ยิ่งลักษณ์” ไม่ลอยตัว ป้อง “ปลอดประสพ” ไม่ได้เบรกงบใต้ ปัดก๊วนชักใยแดงถล่มเวทีลำพูน
วันนี้ (9 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประชุมพรรคในวันที่ 11 มิถุนายนพรรคจะได้เรียก ส.ส. และสมาชิกพรรคประชุมภายหลังการลงพื้นที่ไปชี้แจงกับประชาชน รวมถึงใช้เวที “เพื่อไทยเพื่ออนาคตของประเทศไทย” เพื่อสะท้อนถึงกรณีที่ทางพรรคและรัฐบาลถูกโจมตีในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งคาดว่าหลังจากการหารือจะมีการกำชับในที่ประชุมเพื่อให้ดำเนินการชี้แจงเพิ่มเติมโดยอาจจะขยายจากเวทีระดับภูมิภาคไปสู่ระดับจังหวัดเพื่อมุ่งตรงไปยังอำเภอเพื่อชี้แจงโครงการของรัฐบาล พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 57 รวมถึงกรรมาธิการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ชุดจะพิจารณาเสร็จในสัปดาห์หน้าซึ่งคาดว่าจะนำข้อมูลดังกล่าวให้ ส.ส.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนก่อนจะมีการเปิดสมัยประชุมสามัญประจำปี
“ที่สำคัญเพื่อเป็นการป้องกันฝ่ายค้านจะบิดเบือนข้อมูลทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและม็อบที่จะออกมาเคลื่อนไหวปลุกระดมในพื้นที่ภาคต่างๆ โดยฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลได้ใช้กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก วิทยุชุมชน โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบางช่องปลุกกระแส รวมถึงมีกลุ่มบุคคลเข้าไปในแต่ละพื้นที่เพื่อปลุกระดมโจมตี จึงหวังให้ ส.ส.ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนการถูกกล่าวหาในเรื่องทุจริตของรัฐบาล การทำโครงการไม่โปร่งใส หรือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชนของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยแต่เป็นการทำประโยชน์ให้กับประชาชนเพื่อนำไปสู่ความปรองดองกับคืนมาในชาติ” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโจมตีรัฐบาลในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวว่าการจำนำข้าวขาดทุน 260,000 ล้านบาท รวมถึงมองเกษตรกรได้ประโยชน์จริงเพียง 80,000 ล้านบาท และมีเงินจากภาษีประชาชนหายไปถึง 170,000 ล้านบาทว่า ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างวาทกรรมลักษณะยกเมฆ นายอภิสิทธิ์เอาตัวเลขมาตัดแปะจากการรายงานข่าว จากข้อมูลที่ยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ยังมีการดำเนินการออกมา แต่กลับนำเอาเรื่องเหล่านี้มาโจมตีรัฐบาล เพราะขณะนี้จากการตรวจสอบของคณะทำงานพรรคเพื่อไทยการทำนโยบายโครงการรับจำนำข้าว พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งตนมองว่าต้องแยกเรื่องโครงการจำนำกับการระบายข้าว การระบายข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขายข้าวได้ดีกว่ารัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์ในโครงการประกันราคา
“ผมขอท้านายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ว่าถ้าโครงการจำนำข้าวไม่ดี ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ขอให้พรรคประชาธิปัตย์มีมติคว่ำโครงการจำนำข้าว โดยขึ้นป้ายทั่วประเทศไม่เอาโครงการจำนำข้าวเพราะที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ขัดขวางโครงการจำนำข้าวทุกวิถีทาง มั่วตัวเลขขาดทุนโดยหวังเพียงจะคว่ำโครงการ เชื่อว่าโครงการที่ผ่านมาของรัฐบาลเกษตรกรได้ประโยชน์จากการจำนำข้าวเกือบ 5,000 บาทต่อตัน ต่างจากโครงการรับประกันที่ผ่านมา ทุกฤดูกาลผลิตจะมีเกษตรกรออกมาประท้วงปิดถนน นั่นสะท้อนให้เห็นว่าโครงการประกันไม่ประสบความสำเร็จ แต่โครงการจำนำราคาไม่มีการประท้วงมีแต่การชื่นชมให้ดำเนินการต่อ แต่โครงการประกันราคาที่นายอภิสิทธิ์ภูมิใจหนักหนาเป็นการทำงานบนกระดาษตัวข้าวไม่เห็น” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายพร้อมพงศ์ระบุว่า ตนไปตรวจสอบเรื่องการประกันราคาสมัยนายอภิสิทธิ์ พบว่าน่าจะขาดทุนถึง130,000 ล้านบาท น่าจะส่อการทุจริต ตั้งแต่กระบวนการต้นทางมีการสวมสิทธิเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบุคคลพวกพ้องตัวเอง รวมถึงมีกลุ่มโรงสี ข้าราชการ และนักการเมืองที่สนับสนุนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ตนขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นเรื่องการเมืองและเชื่อว่าวันนี้การที่นายอภิสิทธิ์มุ่งโจมตีโครงการจำนำข้าวเพื่อเป็นการปกปิดโครงการประกันราคาที่ล้มเหลวและส่อทุจริต รวมถึงการกล่าวอ้างตัวเลขของแหล่งข่าวลอยๆ สร้างความสับสนให้ประชาชนทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนไม่อยากให้นายอภิสิทธิ์ เอามือไปชี้นิ้วด่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ควรหันกลับมาชี้นิ้วตัวเอง อย่าเอาแบบลักษณะหน้าหล่อเนื้อตัวมอมแมมแปดเปื้อนแบบนี้ไม่ถูกต้อง ตนเตรียมจะไปยื่นเรื่องการตรวจสอบโครงการประกันราคาต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 10 มิถุนายน เวลา 10.00 น.
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จะเดินทางไปภาคเหนือตอนล่างที่จังหวัดกำแพงเพชร ตนเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้พบปะกับประชาชนที่เป็นประโยชน์ รวมถึงการชี้แจงเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ตนเชื่อว่าการชี้แจงเหล่านี้จะเกิดประโยชน์การที่ไปประชุมจะสร้างความเจริญให้กับพื้นที่ เห็นได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีวุฒิภาวะในความเป็นผู้นำไม่เคยลอยตัวเหนือปัญหาของประชาชน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้าไปรับฟังปัญหาและความคิดความเห็นของประชาชน ทั้งนี้ตนอยากเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ทั้งฝั่งอันดามันหรือฝั่งอ่าวไทย ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เลือกปฏิบัติจะมีการกำหนดอีกครั้งหนึ่ง
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าจะทำให้พี่น้องภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตหลังมีการโจมตีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ว่ามีการเลือกปฏิบัติไม่เอางบไปลงในศูนย์ประชุมนานาชาติตนมองว่าเป็นแค่เกมการเมืองในการมุ่งโจมตีกัน แต่เรื่องดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดภูเก็ตในการแก้ปัญหาการจราจรโดยการสร้างอุโมงค์ทางแยก รวมทั้งการสร้างสะพานเกาะผี และการขยายสนามบินนานาชาติภูเก็ตงบประมาณถึง 5,000 ล้านบาท ตนไม่อยากให้มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติที่มีกับคนภาคใต้ ตนขอยืนยัน ว่าการที่ไม่ได้ก่อสร้างศูนย์ประชุมเนื่องจากเรื่องสิ่งแวดล้อม ถ้ามีการชี้แจงต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมได้คาดว่าจะมีการก่อสร้างอย่างแน่นอนเพราะนายปลอดประสพ ไม่มีเจตนากล่าวโจมตีไม่ให้งบแต่อย่างใด
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาโจมตี ส.ส.พรรคเพื่อไทยเสื้อแดงออกมาให้ท้ายกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ตนขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงเป็นการเคลื่อนไหวภาคประชาชน การที่มีคนเสื้อแดงไปคัดค้านการปราศรัยเวทีผ่าความจริงพรรคประชาธิปัตย์ที่จังหวัดลำพูนเป็นเรื่องของประชาชน ตนอยากเสนอแนะให้นายอภิสิทธิ์ น่าจะเปลี่ยนรูปแบบไม่ใช่ลักษณะการกล่าวโจมตีรัฐบาล กล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่ได้มุ่งตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ ตนเชื่อว่าประชาชนที่ชื่นชอบรัฐบาลจึงอาจรับไม่ได้การขัดขวางจึงเป็นเรื่องปกติ แต่ขอยืนยันว่าให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งไม่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือ ส.ส.เสื้อแดงไปสนับสนุนได้แต่อย่างใด การที่พรรคประชาธิปัตย์ไปตั้งเวทีผ่าความจริงเป็นสิทธิเสรีภาพสามารถทำได้ แต่ควรตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ หากปรับรูปแบบได้ประชาชนคงไม่มีการออกมาคัดค้านแต่อย่างใด
นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะลงพื้นที่จังหวัดยะลาเพื่อพบปะกับประชาชน รวมถึงแกนนำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดีในการเจรจาสันติภาพเพื่อไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนจะมีการเจรจาวันที่ 13 มิ.ย. กับกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ประเทศมาเลเซีย ตนเชื่อว่าการเจรจาพูดคุยของรัฐบาลภายใต้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำกับดูแลเห็นเป็นรูปธรรมมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา เพราะตนมองว่าการรับฟังเสียงประชาชนได้สะท้อนปัญหาผ่านสื่อแม้กระทั่งกลุ่มนักศึกษาเกิดการรับรู้ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างไรเพื่อนำไปสู่ความสงบสุข ตนขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์และ ส.ส.ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ควรให้ความร่วมมือและสนับสนุน อย่าออกมากล่าวหาว่าการลงพื้นที่ของ พล.ท.ภราดร เป็นการสร้างภาพหรือติงว่าไม่สำเร็จทำให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ทำให้เสียกำลังใจ