วานนี้ (3 มิ.ย.56) ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเดินทางเยือนสาธารณรัฐมัลดีฟส์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 3 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังการบรรยายสรุปเรื่องการจัดระบบความปลอดภัยของเมือง หรือ Safe City จากบริษัท ล็อกซเลย์ จำกัดของไทย ซึ่งเป็นภาคเอกชนไทยที่ร่วมคณะเดินทางไปในครั้งนี้ โดยบริษัท ล็อกซเลย์ จำกัด ได้ทำความตกลงกับกระทรวงมหาดไทยของมัลดีฟส์ ในการร่วมกันจัดการระบบความปลอดภัยของเมืองให้กับมัลดีฟส์ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการลงทุนของภาคเอกชนไทยในมัลดีฟส์ โดยให้ความสนใจกับการนำระบบดังกล่าวไปปรับใช้กับระบบฐานข้อมูลที่มีอยู่กับหน่วยงานราชการของไทย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ภาคเอกชนไทยที่ลงทุนที่นี่จะมีโอกาสในการขยายธุรกิจ และนักลงทุนที่เดินทางมาด้วย ก็ได้เห็นช่องทางการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีกับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะจะมีนักท่องเที่ยวที่มีอำนาจซื้อสูงมาจากหลากหลายประเทศ พบว่าธุรกิจที่ที่นี่ให้ความคุ้มทุนสูง และถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะสามารถส่งสินค้าจากไทยมามัลดีฟส์ได้มากขึ้น เพราะมัลดีฟส์จะเปิดสัมปทานในการลงทุนบนเกาะต่าง ๆ เพิ่มกว่า 14 เกาะ โดยเฉพาะการลงทุนด้านพลังงานชีวมวล ในมัลดีฟส์ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่สดใส เช่นการนำขยะมาแปรรูป และผลิตเป็นพลังงาน
“จะนำสิ่งดี ๆ ไปปรับปรุงการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยด้วย โดยจะต้องดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และพักอาศัยในเมืองไทยได้นานหรือ Long Stay ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากขึ้น แต่จะต้องมีวิธีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ ให้เหมือนกับมัลดีฟส์ ไปปรับใช้กับไทยด้วย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นการขยายโอกาสเจาะกลุ่มท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางจากมัลดีฟส์ในเวลาประมาณ 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 19.00 น.
นายสนั่น อังอุบลกุล กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ มัลดีฟส์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมัลดีฟส์ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจมาลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม มีผู้ประกอบการโรงแรมไทยได้รับสัมปทานจำนวน 9 เกาะ เพื่อสร้างเป็นโรงแรม ทั้งนี้โอกาสที่นักลงทุนไทยนอกจากธุรกิจโรงแรมแล้ว มัลดีฟส์ยังสนใจเทคโนโลยีกำจัดขยะ โดยสามารถแปรรูปขยะให้เป็นพลังงานได้
“ส่วนที่มีข่าวว่าอีก 20 ปีมัลดีฟส์จะจมอยู่ใต้น้ำทะเลนั้นไม่เป็นความจริง เพราะได้สำรวจทางวิชาการแล้วพบว่าอีก 100 ปีมัลดีฟส์จึงจะประสบภาวะน้ำท่วมเกาะ ซึ่งทางการมัลดีฟส์กำลังหามาตรการป้องกัน แต่สำหรับนักธุรกิจยืนยันว่าการลงทุนในมัลดีฟส์คุ้มทุนและมีกำไรได้ภายใน 20-30 ปีสำหรับการลงทุนโครงการใหญ่ๆ”นายสนั่น กล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ภาคเอกชนไทยที่ลงทุนที่นี่จะมีโอกาสในการขยายธุรกิจ และนักลงทุนที่เดินทางมาด้วย ก็ได้เห็นช่องทางการลงทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีกับนักลงทุนไทย โดยเฉพาะจะมีนักท่องเที่ยวที่มีอำนาจซื้อสูงมาจากหลากหลายประเทศ พบว่าธุรกิจที่ที่นี่ให้ความคุ้มทุนสูง และถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะสามารถส่งสินค้าจากไทยมามัลดีฟส์ได้มากขึ้น เพราะมัลดีฟส์จะเปิดสัมปทานในการลงทุนบนเกาะต่าง ๆ เพิ่มกว่า 14 เกาะ โดยเฉพาะการลงทุนด้านพลังงานชีวมวล ในมัลดีฟส์ก็ถือว่าเป็นช่องทางที่สดใส เช่นการนำขยะมาแปรรูป และผลิตเป็นพลังงาน
“จะนำสิ่งดี ๆ ไปปรับปรุงการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยด้วย โดยจะต้องดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และพักอาศัยในเมืองไทยได้นานหรือ Long Stay ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมากขึ้น แต่จะต้องมีวิธีการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม และการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ ให้เหมือนกับมัลดีฟส์ ไปปรับใช้กับไทยด้วย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นการขยายโอกาสเจาะกลุ่มท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางจากมัลดีฟส์ในเวลาประมาณ 14.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น และเดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 19.00 น.
นายสนั่น อังอุบลกุล กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ มัลดีฟส์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมัลดีฟส์ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่นักลงทุนไทยให้ความสนใจมาลงทุน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม มีผู้ประกอบการโรงแรมไทยได้รับสัมปทานจำนวน 9 เกาะ เพื่อสร้างเป็นโรงแรม ทั้งนี้โอกาสที่นักลงทุนไทยนอกจากธุรกิจโรงแรมแล้ว มัลดีฟส์ยังสนใจเทคโนโลยีกำจัดขยะ โดยสามารถแปรรูปขยะให้เป็นพลังงานได้
“ส่วนที่มีข่าวว่าอีก 20 ปีมัลดีฟส์จะจมอยู่ใต้น้ำทะเลนั้นไม่เป็นความจริง เพราะได้สำรวจทางวิชาการแล้วพบว่าอีก 100 ปีมัลดีฟส์จึงจะประสบภาวะน้ำท่วมเกาะ ซึ่งทางการมัลดีฟส์กำลังหามาตรการป้องกัน แต่สำหรับนักธุรกิจยืนยันว่าการลงทุนในมัลดีฟส์คุ้มทุนและมีกำไรได้ภายใน 20-30 ปีสำหรับการลงทุนโครงการใหญ่ๆ”นายสนั่น กล่าว
