“บุญทรง” ตั้งเป้าดันการค้าไทย-ศรีลังกา และมัลดีฟส์เพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 60 พร้อมเดินหน้าขยายความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน เผยศรีลังกาจะเน้นร่วมมือด้านก่อสร้าง เกษตร ประมง ส่วนมัลดีฟส์เน้นเพิ่มความร่วมมือทุกด้านหลังโอกาสสูง
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เดินทางร่วมคณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนประเทศศรีลังกา และสาธารณรัฐมิลดีฟส์ ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. 2556 โดยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายความร่วมมือทางการค้าสองฝ่ายระหว่างไทย-ศรีลังกา และระหว่างไทย-มัลดีฟส์ ให้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายใน 5 ปี หรือภายในปี 2560 โดยเฉพาะศรีลังกาตั้งเป้าหมายการค้าให้มีมูลค่าเพิ่มเป็น 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ ในส่วนของศรีลังกา ได้มีการหารือในการขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ด้านพลังงาน เกษตร ประมง รวมทั้งการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการและการพัฒนา เช่น ศรีลังกาต้องการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ และต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
“คณะกรรมการทางการค้าระหว่างไทยและศรีลังกาจะเป็นกลไกหลักในการหารือสำหรับการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าที่เป็นรูปธรรม และติดตามผลการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายการค้าดังกล่าว โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2556 ที่ประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน”
อย่างไรก็ตาม ไทยได้ขอให้ศรีลังกายื่นตารางข้อผูกพันการเปิดตลาดสินค้าภายใต้ BIMSTEC โดยเร็ว เพื่อให้การเจรจาภายใต้ BIMSTEC มีความคืบหน้าและสรุปผลได้โดยเร็ว ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศสมาชิก BIMSTEC ทุกประเทศ รวมทั้งศรีลังกาด้วย
ส่วนมัลดีฟส์ ได้มีการลงนามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับสาธารณรัฐมัลดีฟส์ เพื่อร่วมมือกันกระชับความสัมพันธ์ด้านต่างๆ เช่น การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าการลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว การศึกษา เกษตร ประมง อาหารแปรรูป การพัฒนา SMEs โครงสร้างพื้นฐาน บริการสุขภาพ ลอจิกติกส์ ก่อสร้าง เป็นต้น และยังได้มีการจัดตั้งกลไกการหารือภายใต้คณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระหว่างไทย-มัลดีฟส์ด้วย
สำหรับมัลดีฟส์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้มีการศึกษาแล้วพบว่ามัลดีฟส์มีนโยบายเชิญชวนให้นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในสาขาต่างๆ เช่น ก่อสร้าง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และการแปรรูปอาหาร เป็นต้น และยังมีศักยภาพทางด้านการค้า และการลงทุน โดยเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ โดยเฉพาะปลาทูน่าสดแช่เย็นและแช่แข็ง และมีศักยภาพในการลงทุนในธุรกิจอาหารแปรรูป อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และบริการที่ปรึกษา การมี JTC จะช่วยให้ไทยสามารถขยายความร่วมมือกับมัลดีฟส์ในด้านต่างๆ ได้มากขึ้น
โดยศรีลังกาเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ รองจากอินเดีย บังกลาเทศ และปากีสถาน โดยในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2553-2555) การค้ารวมมีมูลค่าเฉลี่ย 536.6 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 2555 การค้ารวมมีมูลค่า 545.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.99 โดยไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้า 361.50 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนมัลดีฟส์เป็นคู่ค้าอันดับที่ 104 ของไทย ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา (2550-2554) การค้ามีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 40.33 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 9.07 ต่อปี
