วานนี้(27พ.ค.56) เมื่อเวลา 12.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ได้หารือถึงการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ที่จะเริ่มอภิปรายในช่วงเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญวันที่ 29 พ.ค. เวลา 09.30 น. โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงร่างพ.ร.บ.งบประมาณใช้เวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นจะเป็นคิวของฝ่ายค้านและรัฐบาล โดยแบ่งเวลาการอภิปรายฝ่ายละ 15 ชั่วโมง โดยการอภิปรายต้องจบลงภายในวันที่ 31 พ.ค. เวลา 12.00 น. เพราะหลังจากนั้นเวลา 14.00 น. จะมีการประชุมของวุฒิสภา สำหรับการตั้งคณะกรรมาธิการกำหนดไว้ 63 คน แปรญัตติภายใน 30 วัน ส่วนการประท้วง การพาดพิงต่างๆ จะไม่ให้มีมาก
ส่วนการสอดไส้ร่างพ.ร.บ.ปรองดอง และร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยืนยันตามที่ตกลงกับฝ่ายค้านว่าจะไม่มีเรื่องอื่น มีเรื่องงบประมาณเรื่องเดียว
มั่นใจทุกอย่างจะผ่านไปอย่างเรียบร้อย เพราะกำหนดเวลาทุกอย่างไว้ชัดเจนแล้ว และยืนยันว่าไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีใดๆ ทั้งสิ้น
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเตรียมผู้อภิปราย 35-40คน ซึ่งจะเน้นถึงการใช้จ่ายงบประมาณแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ว่าจะก่อให้เกิดกับประชาชนอย่างไร
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า ขณะนี้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์แจ้งความจำนงจะอภิปราย 77 คน ทั้งนี้เห็นว่าพ.ร.บ.ฉบับซุกหนี้ตบตาประชาชน เพราะหนี้ที่ปรากฏ 2.5 แสนล้านเกิดจากการขาดดุลงบประมาณ เนื่องจากข้อเท็จจริงยังมีหนี้สาธารณะที่ปรากฏอยู่ในพ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท และร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท รวมทั้งหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งหมดประมาณ 6 ล้านล้านบาท สำหรับประเด็นอภิปรายฝ่ายค้านจะเน้นย้ำประเด็นความล้มเหลว การทุจริต และการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินไปในทางมิชอบ ทั้งนี้ฝ่ายค้านได้ข้อมูลในส่วนของงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ ในงบประมาณการจัดซื้อรถตู้ เป็นงบประมาณผูกพันธ์ 2557-2558 จะซื้อรถตู้ 1พันคัน ใช้งบประมาณ 1,232 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการเสนอของบประมาณ กรมสรรพาสามิต สังกัดกระทรวงการคลัง ได้ของบประมาณเพื่อจ่ายคืนภาษีให้ประชาชน ในโครงการรถคันแรกที่มียอดผู้ซื้อ1,258,712 คัน และมียอดที่ต้องจ่ายคืนภาษีให้ประชาชน 92,169 ล้านบาท โดยล่าสุดได้มีการใช้เงินคงคลัง สำรองจ่ายคืนภาษีไปก่อนจำนวน 5,000 ล้านบาทแล้ว โดยในปีงบประมาณ 2557 เสนอของบ 40,000 ล้านบาท และในปี 2558 ได้ขอจัดสรรงบอีก 6,812 ล้านบาท เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีวินัยทางการเงินการคลัง อีกทั้งไม่ได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่สัญญาว่าจะคืนภาษีให้ประชาชนภายใน 1 ปี
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า พรรคมีมติส่งส.ส.ร่วมอภิปราย15 คน สำหรับประเด็นหลักที่พรรคจะอภิปรายคือการจัดงบประมาณรายจ่ายในส่วนงบลงทุนที่อาจเกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาแก้ปัญหาเรื่องน้ำ และงบเงินกู้2 ล้านล้าน ซึ่งพรรคเห็นว่าหลายเรื่องมีความซ้ำซ้อน รวมถึงงบที่ตั้งไว้ปีก่อนไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนี้พรรคจะซักถามถึงงบประมาณของเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ ที่อยู่ในหลายหน่วยงาย แต่กลับได้งบเพียง 2,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งงบที่แปลกประหลาด โดยเฉพาะในส่วนของผู้สูงอายุซึ่งน้อยเกินไป พร้อมกันนี้พรรคกำลังศึกษาด้วยว่ามีงบไปกระจุกอยู่ในส่วนใด
นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พบถึงความล้มเหลวการใช้เงินของรัฐบาล โดยเฉพาะการตั้งงบให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ที่มีจำนวน 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 หมื่นกว่าล้านบาท จากงบประมาณปี 2556 ที่ตั้งไว้เพียง9.8 พันล้านบาท เพื่อนำมาชดเชยโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่นำเงินภาษีของคนที่ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ แต่ต้องมาช่วยอุดหนุนโครงการประชานิยมของรัฐบาล
รวมถึงการใช้งบกว่าพันล้านบาทของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ปัญหายุบโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะนอกจากเสียงบประมาณดังกล่าวแล้ว อนาคตยังต้องเสียค่าน้ำมัน ค่าจ้างคนขับ และค่าบำรุงรักษาอีกจำนวนมาก จึงสันนิษฐานได้ว่า การตั้งโครงการนี้เพื่อหวังค่าส่วนต่าง 20 – 30เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแตกต่างจากบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ยังมากล้าจัดซื้อรถแล้วมาใช้วิธีจ้างแทน เพราะไม่มีภาระผูกพัน.
ส่วนการสอดไส้ร่างพ.ร.บ.ปรองดอง และร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยืนยันตามที่ตกลงกับฝ่ายค้านว่าจะไม่มีเรื่องอื่น มีเรื่องงบประมาณเรื่องเดียว
มั่นใจทุกอย่างจะผ่านไปอย่างเรียบร้อย เพราะกำหนดเวลาทุกอย่างไว้ชัดเจนแล้ว และยืนยันว่าไม่มีการตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรีใดๆ ทั้งสิ้น
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเตรียมผู้อภิปราย 35-40คน ซึ่งจะเน้นถึงการใช้จ่ายงบประมาณแต่ละกระทรวง ทบวง กรม ว่าจะก่อให้เกิดกับประชาชนอย่างไร
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า ขณะนี้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์แจ้งความจำนงจะอภิปราย 77 คน ทั้งนี้เห็นว่าพ.ร.บ.ฉบับซุกหนี้ตบตาประชาชน เพราะหนี้ที่ปรากฏ 2.5 แสนล้านเกิดจากการขาดดุลงบประมาณ เนื่องจากข้อเท็จจริงยังมีหนี้สาธารณะที่ปรากฏอยู่ในพ.ร.บ.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท และร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท รวมทั้งหนี้จากโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งหมดประมาณ 6 ล้านล้านบาท สำหรับประเด็นอภิปรายฝ่ายค้านจะเน้นย้ำประเด็นความล้มเหลว การทุจริต และการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินไปในทางมิชอบ ทั้งนี้ฝ่ายค้านได้ข้อมูลในส่วนของงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ ในงบประมาณการจัดซื้อรถตู้ เป็นงบประมาณผูกพันธ์ 2557-2558 จะซื้อรถตู้ 1พันคัน ใช้งบประมาณ 1,232 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงกับการยุบโรงเรียนขนาดเล็ก
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบการเสนอของบประมาณ กรมสรรพาสามิต สังกัดกระทรวงการคลัง ได้ของบประมาณเพื่อจ่ายคืนภาษีให้ประชาชน ในโครงการรถคันแรกที่มียอดผู้ซื้อ1,258,712 คัน และมียอดที่ต้องจ่ายคืนภาษีให้ประชาชน 92,169 ล้านบาท โดยล่าสุดได้มีการใช้เงินคงคลัง สำรองจ่ายคืนภาษีไปก่อนจำนวน 5,000 ล้านบาทแล้ว โดยในปีงบประมาณ 2557 เสนอของบ 40,000 ล้านบาท และในปี 2558 ได้ขอจัดสรรงบอีก 6,812 ล้านบาท เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีวินัยทางการเงินการคลัง อีกทั้งไม่ได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่สัญญาว่าจะคืนภาษีให้ประชาชนภายใน 1 ปี
ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย แถลงว่า พรรคมีมติส่งส.ส.ร่วมอภิปราย15 คน สำหรับประเด็นหลักที่พรรคจะอภิปรายคือการจัดงบประมาณรายจ่ายในส่วนงบลงทุนที่อาจเกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาแก้ปัญหาเรื่องน้ำ และงบเงินกู้2 ล้านล้าน ซึ่งพรรคเห็นว่าหลายเรื่องมีความซ้ำซ้อน รวมถึงงบที่ตั้งไว้ปีก่อนไม่ได้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนี้พรรคจะซักถามถึงงบประมาณของเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ ที่อยู่ในหลายหน่วยงาย แต่กลับได้งบเพียง 2,350 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งงบที่แปลกประหลาด โดยเฉพาะในส่วนของผู้สูงอายุซึ่งน้อยเกินไป พร้อมกันนี้พรรคกำลังศึกษาด้วยว่ามีงบไปกระจุกอยู่ในส่วนใด
นายบุญจง วงษ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พบถึงความล้มเหลวการใช้เงินของรัฐบาล โดยเฉพาะการตั้งงบให้กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ที่มีจำนวน 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 หมื่นกว่าล้านบาท จากงบประมาณปี 2556 ที่ตั้งไว้เพียง9.8 พันล้านบาท เพื่อนำมาชดเชยโครงการรถคันแรกของรัฐบาล ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่นำเงินภาษีของคนที่ไม่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ แต่ต้องมาช่วยอุดหนุนโครงการประชานิยมของรัฐบาล
รวมถึงการใช้งบกว่าพันล้านบาทของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อแก้ปัญหายุบโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะนอกจากเสียงบประมาณดังกล่าวแล้ว อนาคตยังต้องเสียค่าน้ำมัน ค่าจ้างคนขับ และค่าบำรุงรักษาอีกจำนวนมาก จึงสันนิษฐานได้ว่า การตั้งโครงการนี้เพื่อหวังค่าส่วนต่าง 20 – 30เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแตกต่างจากบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ยังมากล้าจัดซื้อรถแล้วมาใช้วิธีจ้างแทน เพราะไม่มีภาระผูกพัน.