ที่ประชุม ส.ส.ปชป.มีมติยื่นถอดถอน “กิตติรัตน์” ออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง เหตุไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติ ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 เน้นเป้าหมาย 3 ประเด็นหลัก บริหารราชการล้มเหลว-ทุจริต-สร้างฐานอำนาจเอื้อพวกพ้อง เตรียมชำแหละจัดซื้อรถตู้ 1 พันคัน 1.3 พันล้านโยงยุบโรงเรียน
วันนี้ (27 พ.ค.) นายอรรถวิช สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่า ที่ประชุมมีมติยื่นถอดถอนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ออกจากตำแหน่ง รมว.คลัง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2554 โดยที่ผ่านมานายกิตติรัตน์ไม่ได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดการบริหารกองทุนการออมตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้แรงงานนอกระบบราว 27 ล้านคนที่จะได้รับประโยชน์ในการเข้าสู่ระบบประกันสังคมเสียประโยชน์ แม้จะมีการอนุมัติงบสองครั้งใส่ในกองทุนดังกล่าวรวม 725 ล้านบาท คือในปี 2555 จัดงบไว้ 225 ล้านบาท และในปี 2556 อีก 500 ล้านบาท แต่จนถึงปัจจุบันมีการเบิกใช้จ่ายเพียงแค่ 9 ล้านบาทเศษเท่านั้น นอกจากนี้ ในปี 2557 ก็ไม่มีการตั้งงบประมาณเพิ่มเติม ทั้งที่ตามกฎหมายระบุให้มีเงินตั้งต้นในกองทุนการออมแห่งชาติ 1,000 ล้านบาท
นายอรรถวิชกล่าวด้วยว่า การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของนายกิตติรัตน์ยังส่งผลให้แรงงานนอกระบบที่มีอายุเกิน 50 ปีก่อนถึงวันที่ 8 พ.ค. 2556 เสียประโยชน์ที่จะเข้าร่วมกองทุนการออมแห่งชาติทันที เนื่องจากตามกฎหมายมีข้อยกเว้นในบทเฉพาะกาลสำหรับผู้ที่อายุเกิน 50 ปี ก่อนวันที่ 8 พ.ค. 2556 มีสิทธิที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติได้ แต่เมื่อกองทุนการออมแห่งชาติยังไม่สามารถดำเนินการได้ คนเหล่านี้ก็เสียสิทธิไปโดยปริยายจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของนายกิตติรัตน์ โดยคาดว่าภายใน 3 วันนี้จะดำเนินการยื่นถอดถอนนายกิตติรัตน์ออกจากตำแหน่ง รมว.คลังได้
นอกจากนี้ พรรคจะอภิปรายคัดค้านการยุบโรงเรียนเล็กผ่านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ที่จะพิจารณาในสภาวันที่ 29-31 พ.ค. 2556 เนื่องจากพบว่าในเอกสารงบประมาณดังกล่าวมีการระบุถึงการจัดซื้อรถตู้จำนวน 1 พันคัน ใช้งบประมาณราว 1.3 พันล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับที่นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เคยระบุถึงการยุบโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 60 คน และเตรียมที่จะจัดงบประมาณสำหรับรถตู้เพื่อรับส่งนักเรียนไปยังโรงเรียนที่มีคุณภาพมากกว่า แสดงว่ารัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กแบบมัดมือชก ซึ่งพรรคไม่เห็นด้วยและคิดว่าควรเปิดโอกาสให้โรงเรียนขนาดเล็กพัฒนาคุณภาพ หรือหากจะยุบก็ควรเป็นไปอย่างสมัครใจ
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังแจ้งต่อที่ประชุมถึงหลักเกณฑ์ในการเป็นกรรมาธิการงบประมาณในครั้งต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จากเดิมที่กำหนดเป็นโควตาภาคมาเป็นการจัดสรรตามความเหมาะสม หากผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมาธิการงบประมาณในปีนี้ไม่เข้าร่วมประชุมหรือเฝ้าห้องงบประมาณก็จะเสียสิทธิในการเป็นกรรมาธิการงบประมาณปีหน้า
มีรายงานว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า ได้รับการจัดสรรเวลาในการอภิปรายรวม 15 ชั่วโมง โดยเบื้องต้นมี ส.ส.พรรคเสนอตัวอภิปราย 77 คน เฉลี่ยจะอภิปรายได้คนละไม่เกิน 10 นาที ซึ่งจะไม่ได้สาระ จึงจะมีการประชุมอีกครั้งในเช้าวันที่ 28 พ.ค.ที่ห้องประชุมวิปฝ่ายค้านรัฐสภาเพื่อตัดจำนวนผู้อภิปรายลง โดยขอให้แต่ละคนเสนอหัวเรื่องและสาระที่จะอภิปราย เพื่อประกอบการพิจารณา โดยให้แนวไว้ว่าการอภิปรายงบครั้งนี้จะไม่เน้นอภิปรายรายกระทรวงเพราะไม่ได้ประโยชน์ และเป็นเรื่องที่กว้างไกลตัว แต่ขอให้เน้นเป้าหมาย 3 ประเด็นหลัก คือ การใช้งบบริหารราชการที่ล้มเหลว ก่อให้เกิดการทุจริต และการใช้เงินงบประมาณเพื่อสร้างฐานอำนาจเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และพวกพ้อง