xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“พุฒิภัทร” ชายในฝัน “หล่อ” แบบไม่มี “เหลี่ยม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- “ผมแค่อยากบอกว่า หน้าที่การช่วยเหลือคนดี ต่อต้านคนชั่ว เป็นหน้าที่ของคนทุกคน ไม่ใช่เหรอครับย่า..ย่าไม่ภูมิใจเหรอครับที่หลานๆของย่าไม่นิ่งดูดายต่อความอยุติธรรมในสังคม หรือว่าย่าอยากให้พวกเราเป็นคนดีที่อยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย เห็นคนดีถูกกดขี่ ก็ช่าง เห็นคนชั่วรังแกคนที่ไม่มีทางสู้เล่นอย่างสำราญบันเทิง ก็ปล่อยไป..อย่างนั้นเหรอครับ?”

ข้อความข้างต้นเป็นประโยคคำพูดของ คุณชายพุฒิภัทร ที่ได้กล่าวกับย่าอ่อนและย่าเอียดที่ได้เรียกไปพูดคุยชี้แนะว่าไม่ควรไปงัดข้อกับท่านพินิจ ซึ่งในละคร “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร” ตัวละครในบทของท่านพินิจเป็นบุคคลที่ถือได้ว่ามีอำนาจบารมีใหญ่โตคับฟ้าคับประเทศ หม่อมย่าทั้งสองจึงกล่าวเตือนด้วยว่าอย่าได้ไปงัดข้อกับท่านพินิจเพราะผลลัพธ์ที่ออกมาเหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง แถมยังทิ้งท้ายอีกว่าให้ถอนตัวออกมาเสียและปล่อยให้ผู้ที่มีโดยตรงจัดการเสียดีกว่า

ประโยคดังกล่าวถูกแชร์และส่งต่อในโซเชียลมีเดียแชร์กันกระจาย กลายเป็นกระแสฟีเว่อร์ที่ทำเอาทั้งสาวเล็กสาวน้อย และสาวใหญ่ ต่างหลงรักและมอบหัวใจให้ “คุณชายหมอ” ที่ยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะผู้มีอำนาจในบ้านเมือง สร้างปรากฎการณ์บนโลกออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก และโซเชียลมีเดียต่าง ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ประหนึ่งเป็นผู้ชายในอุดมคติเลยก็ว่าได้

เพราะต้องไม่ลืมว่าคำพูดและเหตุการณ์ในละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ไม่ได้ต่างจากสถานการณ์ความเป็นจริงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่สักเท่าไหร่นัก เพราะในยุคที่มีรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปกครองประเทศอยู่นั้น อำนาจและการชี้ขาดความเป็นไปของประเทศ ตกอยู่กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะควบคุมสั่งการความเป็นไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการเพียงฝ่ายเดียว และที่สำคัญก็คือ นช.ทักษิณ ไม่มีทางที่จะหยุดการลุ อำนาจยังคงเดินเกมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับบ้านแบบเท่ห์ๆ พร้อมกับเดินหน้าให้แผนกินรวบประเทศดังที่เขาตั้งใจสำเร็จลุล่วงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นอกจากเนื้อหาของบทละครที่โดนใจแล้ว ก็ต้องบอกว่าบทบาทการแสดงและความหล่อของคุณชายพุฒิภัทรที่นำแสดงโดย “เจมส์”จิรายุ ตั้งศรีสุข” ก็ได้เร้ากระแสความนิยมในตัวคุณชายหมอให้พุ่งขึ้นมาในฉับพลันทันที กระทั่งคาดหมายกันว่า เจมส์จิรายุคือผู้ที่จะมาเบียดรัศมีความแรงของพระเอกสุดฮอตอย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” กันเลยทีเดียว

และความแรงของเจมส์จิรายุถึงขนาดก่อให้เกิดความมหัศจรรย์ประการสำคัญ นั่นคือการก่อกำเนิดของแฟนเพจที่มีชื่อว่า “Jaytherabbit” ซึ่งเป็นแฟนเพจที่ประดิษฐ์ตัวการ์ตูนรูปกระต่ายที่ตามเชียร์คุณชายหมออย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แถมยังมีผู้ติดตามเกือบ 100,000 คนเลยทีเดียว
นี่คือความไม่ธรรมดาของชายในฝันที่ชื่อคุณชายพุฒิภัทร

นี่คือความไม่ธรรมดาของชายในฝันที่ชื่อ “เจมส์”จิรายุ ตั้งศรีสุข”

**คุณชายพุฒิภัทรขวัญใจสาวๆ
และปรากฏการณ์ “Jaytherabbit”

หากจะกล่าวถึง ละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน “คุณชายพุฒิภัทร” แล้ว เชื่อว่า ชั่วโมงนี้คงไม่มีคอละครรายใดไม่รู้จัก โดยเฉพาะแฟนละครสาวๆ ที่ประกาศตัวเป็น “แม่ยก” กันทั้งประเทศ กระทั่งถ้าจะกล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ฟีเวอร์ก็คงไม่เกินเลยไปนัก

ยิ่งในทุกคืนวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่คุณชายพุฒิภัทรออกอากาศก็จะยิ่งเห็นความฟีเวอร์ชัดเจนและหนักเข้าไปอีก เนื่องเพราะโซเชียลมีเดียทุกแขนง ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือตามเว็บบอร์ดชื่อดังต่างๆ หมายรวมไปถึงผู้คนในสังคม ในออฟฟิศ สถานที่ราชการ ตลาดร้านค้า บนรถไฟฟ้า ฯลฯ จะเต็มไปด้วยการพูดถึงนักแสดงหน้าใหม่ใสกิ๊กอย่าง “เจมส์”จิรายุ ตั้งศรีสุข ผู้รับบท “คุณชายหมอ” หรือ “คุณชายพุฒิภัทร” กันสนั่นเมือง

เพราะเอาแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่รับบทบาทเป็นหนุ่มสุขุมเรียบร้อยสวมเสื้อกาวน์ของแพทย์ ใส่แว่นกลม ก็เรียกว่าหล่อ น่ารัก ติดตราตรึงใจของสาวน้อย สาวใหญ่ ชนิดหัวใจแทบละลายลงไปกองอยู่ตรงหน้า

ต่อให้อาศัยอยู่หลังเขาหรือจำศีลอยู่แต่ในรูก็ยากที่จะปฏิเสธกระแส “คุณชายพุฒิภัทรฟีเวอร์” ไม่ได้

ด้วยเหตุดังกล่าว ชั่วโมงนี้ “เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข” จึงกลายเป็นพระเอกน้องใหม่ที่มาแรงที่สุด ดังจะเห็นได้จากอินสตาแกรมกับทวิตเตอร์ของเจมส์พุ่งทะยานไปแตะที่หลักแสน หลังจากที่ก่อนหน้าที่ละครคุณชายพุฒิภัทรจะออกอากาศมีคนฟอลโลอินสตาแกรมกับทวิตเตอร์ของเจมส์อยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น จนอดีตคนเคยฮอตอย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” อาจจะต้องหนาวๆ ร้อนๆ เลยทีเดียว

ในละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร “เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข” ที่มาประเดิมละครเรื่องแรกรับบทหินเป็นคุณชายหมอ “พุฒิภัทร” หนึ่งในห้าพี่น้องแห่งวังจุฑาเทพที่ต้องแสดงเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดแล้วยังต้องแสดงเป็นหนุ่มที่อายุมากกว่าอายุจริงหลายปี และด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกันทั้งรูปร่าง หน้าตา บทตัวละครที่ส่งสุดๆ และจังหวะเวลาต่างๆ ทำให้คุณชายพุฒิภัทรกลายเป็นละครตอนที่โด่งดังที่สุดนับตั้งแต่ละครชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพลงจอฉายมาเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ส่วนสำคัญที่ทำให้คุณชายดังเป็นพลุแตกมากกว่าหน้าตาอันน่ารัก หล่อเหลาก็คือบทบาทที่ได้รับ กล่าวสำหรับคาแรคเตอร์ ของ ม.ร.ว.พุฒิภัทร จุฑาเทพ หรือชายภัทร เป็นลูกของแม่หยก หม่อมคนที่สามของหม่อมเจ้าวิชชากร จุฑาเทพ เป็นคุณชายคนที่สาม รองจากชายใหญ่และชายรุจ เป็นศัลยแพทย์หนุ่มฝีมือดีผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดสมองจบจากอังกฤษ บุคลิกส่วนตัว เป็นคนเงียบขรึม เป็นสุภาพบุรุษ เชื่อมั่นตัวเอง และที่สำคัญ มีอุดมการณ์ในการรักษาคนไข้สูงบนโต๊ะทำงานของชายภัทร มีรูปพระบิดาในกรอบทองสวยงาม ชายภัทรจะอ่านข้อความใต้ภาพทุกเช้าก่อนทำงานเหมือนคัมภีร์สอนใจ “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่งลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”

สาเหตุหนึ่งสำคัญที่ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ก็เป็นเพราะคาแรกเตอร์ของพระเอก ที่เป็นสุภาพบุรุษ อบอุ่น เพียบพร้อมทั้งฐานะ ชาติตระกูล เพราะเป็นถึงนายแพทย์และหม่อมราชวงศ์ ยิ่งหากแยกย่อยนิสัยและคาแร็กเตอร์ของคุณชายพุฒิภัทรด้วยแล้วคงไม่แปลกใจหากสาวๆ จะเทใจให้เป็นผู้ชายชวนฝันก็ไม่ผิดเพี้ยนไปนัก เพราะแต่ละข้อเรียกว่ายาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว

อาทิ เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ยอมเห็นผู้ที่ด้อยกว่าถูกรังแกจากอำนาจมืด รักเกียรติ รักศักดิ์ศรี เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว ชัดเจน รักครอบครัว ให้เกียรติผู้หญิง อุดมการณ์สูง ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ไม่เลือกคนไข้ มีจรรยาบรรณในอาชีพสูง ฯลฯ

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณชายพุฒิภัทร จึงเป็นเป็นชายในฝันของสาวๆ บวกกับเรื่องราวย้อนยุคแบบพีเรียด บรรยากาศโรแมนติกในเรื่องจึงไม่แปลกที่ทำให้สาวๆ ครึ่งค่อนเมืองคลั่งไคล้คุณชายพุฒิภัทร

ที่สำคัญคือ เรื่องราวและคาแรกเตอร์แบบนี้ ได้เติมเต็มความฝันของผู้หญิงยุคนี้ ที่หันไปทางไหนก็มีแต่ผู้ชายธรรมดา ไม่ใช่ “ชายในฝัน” พอมีละครเนื้อหาแหวกแนวแบบนี้ ที่ไม่ใช่ตบตีแย่งผู้ชายเหมือนเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้า แต่ว่าด้วยความรักต่างชนชั้น ที่นางเอกเป็นผู้หญิงธรรมดา ฐานะยากจน แต่กตัญญู มาตกหลุมรักกับพระเอกที่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ มันเหมือนกับเป็นการเติมเต็มความฝันที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากจะพบกับผู้ชายดีๆ ที่เพียบพร้อมที่หาไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

ขณะเดียวกัน แม้ละครเรื่องนี้จะฉาบเคลือบเอาไว้ด้วยความโรแมนติก แต่หากลองกะเทาะเปลือกลงไปภายใต้ความเป็นละครน้ำเน่า คุณชายพุฒิภัทรก็ มีเรื่องราวที่สะท้อนภาพสังคมไทยในยุคสมัยต้น พ.ศ.2504 แทรกอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกาย ค่านิยมของสังคมยุคนั้นที่นิยมงานเลี้ยงเต้นรำหรูหรา เดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าที่นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ หรือแม้แต่เสียดสีการปกครองแบบเผด็จการในยุคนั้น ที่ “ท่านผู้นำ” นิยมเลี้ยงเด็กสาวๆ ที่มีมงกุฎการันตีความงามไว้ในฮาเร็มส่วนตัว ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้คอละครที่เป็นเด็กรุ่นหลังอาจไม่เข้าใจ แต่สำหรับผู้ใหญ่อายุเลยเลข 5 ขึ้นไปหลายคนต่างจดจำได้ กระแสฟีเวอร์ของละครคุณชายพุฒิภัทร จึงทำให้เรื่องราวเก่าๆ เหล่านี้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงอีกครั้งหนึ่ง

สรุปแล้ว คุณชายพุฒิภัทรจึงเป็นละครที่มาถูกที่ ถูกเวลา ในช่วงที่สังคมไทยกำลังโหยหาเรื่องรักพาฝัน ท่ามกลางความจริงที่บีบคั้นทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคมในตอนนี้ การได้จินตนาการถึงเจ้าชายผู้อบอุ่นแสนดี แม้แต่จะเป็นเพียงการตั้งสเตตัสถึงในเฟซบุ๊ก จึงเหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยที่แสนจะเบื่อหน่ายกับความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่

แต่ที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นด้วยความโด่งดังของคุณชายพุฒิภัทรที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะที่น่าสนใจก็คือแฟนเพจที่ชื่อ Jaytherabbit ซึ่งไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเป็นเพจที่มีผู้ติดตาม ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2556 ถึง 94,661 คน หรือเกือบแสนคนกันเลยทีเดียว
ความโดดเด่นของเพจนี้อยู่ตรงที่การมี “กระต่าย” การ์ตูนเป็นสัญลักษณ์แสดงความน่ารักและอาศัยมุขโดนใจเป็นจุดขาย โดยความโด่งดังของคุณชายพุฒิภัทร ได้ถูกเพจนี้นำมาเล่นมุข ล้อเลียนแบบน่ารักด้วยเช่นกัน อาทิ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ขอไม่รับนัดเพราะคุณชายหมอพุฒิภัทรกวนค่ะ หรือจะเป็น กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด อยากผ่าตัดสมองค่ะคุณหมอ โดยมีรูปคุณชายถามกลับว่า ไม่ทราบสมองคุณกระต่ายอยู่ที่ขาหนีบหรอฮะ โดยมีภาพกระต่ายนอนอ้าขารออยู่ ซึ่งก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพจจำนวนมากเช่นกัน

หรือภาพที่เจ้ากระต่ายตัวแสบที่ทำท่าประหนึ่งปรารถนาจะจับ “หัวนม” ของคุณชายพุฒิภัทร แต่บรรยายภาพเอาไว้ว่า “ขอหยิบจี้คุณชายมาดูนะคะ จี้อะไรคะ สีชมพูเชียวค่ะคุณชายหมอ” ก็มีผู้มาแสดงความคิดเห็นกันถล่มทลายถึง 397 ความคิดเห็น

ไม่เว้นแม่แต่ในมุมชีวิตจริงอย่างผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อย่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรยังถูกนำไปล้อเลียนคำขวัญกรุงเทพปี 2556 ด้วยว่า “คุณชายพุฒิภัทรคือความฝัน คุณชายสุขุมพันธ์คือความจริง”

นั่นคือตัวอย่างที่บ่งบอกถึงความโด่งดัง ฮอตฮิต ของคุณชายพุฒิภัทรได้เป็นอย่างดี

** คุณชายพุฒิภัทร
ตัวแทนปลุกกระแสไม่ก้มหัวให้คนเลว

อย่างไรก็ดี กล่าวสำหรับละครเรื่องเทพบุตรจุฑาเทพ ตอนคุณชายพุฒิภัทร ในประโยคที่ฮอตฮิต “ผมแค่อยากบอกว่า หน้าที่การช่วยเหลือคนดี ต่อต้านคนชั่ว เป็นหน้าที่ของคนทุกคน” ด้วยแล้วก็ต้องนับว่ามีบริบทของการเมืองแทรกเข้าไปด้วยมิใช่น้อยเช่นกัน เพราะเนื้อหาในเรื่อง บุคลิกของคุณชายพุฒิภัทรมีเลือดของการเป็นคนที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง ไม่ย้อมก้มหัวให้กับผู้มีอำนาจ

ขณะที่นางเอกอย่างกรองแก้ว ที่รับบทโดย “เบลล่า”ราณี แคมเปน โดยนางเอกเป็นลูกภารโรงที่มาประกวดนางงามเพราะอยากได้เงินไปรักษาพ่อ แล้วโดนคนที่พามาประกวดจัดส่งให้ผู้มีอิทธิพล พอนางเอกรู้เลยพยายามหนี แล้วพระเอกจะเข้ามาช่วย ซึ่งพระเอกนอกจากเป็นนายแพทย์หนุ่มแล้วยังเป็นคุณชายอีกต่างหาก กลายเป็นความต่างทางฐานะและชาติตระกูล

แถมเมื่อชนะการประกวดเป็นนางสาวศรีสยามก็ยังโดนคนที่เป็นนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลสูงในเรื่องคือพลเอกพินิจ (มนตรี เจนอักษร) หมายตาเลือกที่จะใช้อำนาจที่ตัวเองมีบีบบังคับ ทั้งทางอ้อมและทางตรงเพื่อเอาเป็นภรรยา คุณชายพุฒิภัทรจึงอยากจะช่วยนางเอกไว้ ทั้งๆ ที่ต้องเสี่ยงต่อสู้กับผู้มีอิทธิพลล้นฟ้าแบบพลเอกพินิจ

ประโยค “ผมแค่อยากบอกว่า หน้าที่การช่วยเหลือคนดี ต่อต้านคนชั่ว เป็นหน้าที่ของคนทุกคน” จึงเป็นประโยคที่กระตุกคิดสังคมไทย กลายเป็นกระแสโหยหาบุคคลที่จะมีบุคลิกของการไม่ยอมก้มหัวให้ผู้มีอำนาจ ซึ่งหากจะกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยก็อาจเรียกได้ว่าไม่ผิดเพี้ยนไปกันนักเลยทีเดียว

เพราะสำหรับประเทศไทยแล้วคงไม่มีใครปฏิเสธได้แล้วว่าคนที่มีอำนาจสูงสุดและควบคุมความเป็นไปของบ้านเมืองก็คือ นช.ทักษิณ ชินวัตร แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ซึ่งหากจับสัญญาณทางการเมืองในช่วงพักหลังมานี้ก็เรียกว่า นช.ทักษิณ พร้อมจะใส่เกียร์ 5 เดินเต็มสูบ บัญชาทุกองคาพยพของเขาให้เดินเกมยึดประเทศไทยให้อยู่ภายใต้ระบอบทักษิณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ล่าสุดที่ได้สไกป์มายังเวทีสี่แยกราชประสงค์ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดกิจกรรมชุมนุมใหญ่เพื่อรำลึกเหตุการณ์ครบรอบ 3 ปี เหตุการณ์ 19 พ.ค.53 ก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า ความต้องการของ นช.ทักษิณก็คือ บอกกับสาวกเสื้อแดงว่าจะสู้ถึงที่สุด ไม่มีถอย แถมส่งสัญญาณให้คนแดงให้เตรียมพร้อมกลับมารวมตัวทำงานใหญ่ ซึ่งนั่นก็หนีไม่พ้นการใช้คนเสื้อแดงมาเป็นเครื่องมือในการพาตัวเองให้ได้กลับบ้านอย่างเท่ๆ กลับมามีอำนาจ โดยสั่งให้ลิ่วล้อส.ส.เพื่อไทย ทำทุกวิธีทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น การออกกฎหมายอย่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
พ.ร.บ.ปรองดอง หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเลือกเดินหมากตัวใด จุดหมายปลายทางสุดท้ายก็ไม่พ้นต้องกลับไปสู่เป้าหมายสำคัญคือ การปลดล็อกทุกพันธนาการให้ตัวเขากลับมามีอำนาจอีกครั้งนั่นเอง

ดังนั้น ถ้าจะกล่าวว่าขณะนี้ใกล้เวลาเดินเกมเผาจริงของ นช.ทักษิณ ก็ไม่น่าจะเป็นการคาดการณ์ที่ผิดเพี้ยนไปนัก และเมื่อประกอบกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เล่นบทหนูไม่รู้มาทุกวี่วัน ยังต้องสวมบทเพชฌฆาตแทนพี่ชายของเธอ โกหกพูดต่อชาวโลกเสี้ยวเดียวบนเวทีที่อูลันบาตอร์ว่า เขาโดนกลั่นแกล้งทางการเมือง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะรื้อระบบที่ขวางหน้าขวางตา นช.ทักษิณทั้งหมดให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะเป็นระบบศาลยุติธรรม ส.ส. ส.ว. องค์กรอิสระ ที่นช.ทักษิณ ยังไม่สามารถสั่งให้หันซ้ายหันขวาได้ตามต้องการ

ขณะที่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากที่กล่าวไปนัก ดังที่ วรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลิ่วล้อที่น.ช.ทักษิณเห็นพ้องในแนวทางพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า “เพราะตอนหาเสียงเลือกตั้งก็ประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มาจากประชาชน มีทางเดียวคือตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมา ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ ส.ส.และ ส.ว.ลุยโหวตวาระที่ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291ที่ค้างอยู่ในสภา เพราะนี่คือภารกิจของสมาชิกรัฐสภาที่อ้างว่ามาจากประชาชนจะเห็นได้จากการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตรงสี่แยกราชประสงค์มีคนเข้าร่วมล้นหลามมากเป็นประวัติศาสตร์ นี่คือเจตนารมณ์ของประชาชนเป็นความต้องการของเขาที่ต้องการจะปกป้องรัฐบาล ต้องการรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนและรู้สึกเป็นห่วงว่าองค์กรอิสระที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2550 จะล้มรัฐบาลทั้งที่มาจากมดลูกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)และแน่นอนว่าองค์กรอิสระเหล่านี้ต้องปกป้องพ่อแม่ที่สร้างเขามาคือ คมช.การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับก็เพื่อลดทอนอำนาจขององค์กรอิสระ เพราะมีการกระทำที่เกินขอบเขตอำนาจ อย่างเช่นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยมาตรา 68 เป็นต้น”

เรียกว่า ครบถ้วนกระบวนความในเป้าหมายของ นช.ทักษิณ แบบเสร็จสรรพเลยทีเดียว ซึ่งการเผาจริงที่กล่าวไว้ข้างต้นก็มีการวางไว้อย่างเป็นระบบเรียบร้อยแล้วว่า จะทำการเดินเกมใส่เต็มสูบในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญที่จะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งนช.ทักษิณ พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าตามเป้าหมาย ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ร.บ.ปรองดอง

เมื่อดูจากการส่งสัญญาณในช่วงทีผ่านมาก็เริ่มเด่นชัดว่า เผาจริง อย่างแน่นอน

ดังนั้นแล้ว ประโยคของคุณชายพุฒิภัทรที่ว่า “ผมแค่อยากบอกว่า หน้าที่การช่วยเหลือคนดี ต่อต้านคนชั่ว เป็นหน้าที่ของคนทุกคน" หากอานิสงส์ของคำพูดนี้มีจริงก็อาจทำให้คนไทยทั้งหลายกระตุกคิดขึ้นได้บ้างว่า อาจจะถึงเวลาแล้วที่คนไทยมิควรนิ่งเฉยต่อสิ่งปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า มิควรนิ่งเฉยให้นักการเมืองเลวๆ มากระทำย่ำยีอะไรก็ได้บนความไม่ถูกต้อง มิควรนิ่งเฉย ปล่อย ประเทศล่มจมลงเหวไปต่อหน้าต่อตาทุกวัน ฯลฯ

และถ้าจะว่าไปแล้วก็ใช่ว่า ไม่มีสัญญาณในทางที่ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดปรากฏการณ์ไทยสปริง (Thaispring) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาต่อต้านจากภาคประชาชนที่ส่งสารผ่านทางโซเชียนออนไลน์เพื่อคัดค้านการปาฐกถาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่อูลันบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย โดยมีแชร์สนั่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก กระทั่งล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วถึง 25.000 คน

ดังนั้น หากคนไทยตระหนักในหน้าที่ของตัวเองมีทัศนคติว่าประเทศนี้เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งซึ่งคนไทยทุกคนมีหน้าที่จะต้องปกป้องประเทศชาติ ต่อสู้กับอำนาจความไม่เป็นธรรม ไม่เกรงกลัวอำนาจที่ไม่ถูกไม่ควร บางทีประชาชนคนเดินดินแบบคนทั่วไปก็สามารถเป็นคุณชายพุฒิภัทรและกรองแก้ว ได้เฉกเช่นเดียวกัน



กำลังโหลดความคิดเห็น