นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.พร้อมแกนนำจอมบิดเบือนเรื่องประชาธิปไตย อาทิ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้นัดมวลชนเสื้อแดงออกมาชุมนุมในวาระ 3 ปี ช่วง 13-19 พฤษภาคม 2553 ถูกรัฐบาลล้อมปราบเพื่อขอคืนพื้นที่ให้ประชาชน พ่อค้า แม่ขาย เดินทางสัญจรไปมาได้สะดวกดังเดิม จึงเกิดการต่อต้าน ต่อสู้ด้วยอาวุธจากกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายเสื้อแดง จึงทำให้มีการบาดเจ็บ ล้มตายลงทั้งสองฝ่าย
เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแล้วว่า เหตุการณ์การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้นถูกชักนำโดยแกนนำ แกนนำเขาทำไปเพื่อประโยชน์ตนและทักษิณ ชินวัตร หากจะพูดกันตรงๆ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการชักชวน การปลุกระดม โดยมีแกนนำหลายฝ่ายเป็นผู้จัดการ โดยมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นศูนย์กลางในการดำเนินการทางทั้งทางยุทธศาสตร์เพื่อประโยชน์ของทักษิณ พรรคฯ และวงศ์ตระกูลชินวัตร ในทางยุทธวิธีอันแตกต่างหลากหลาย เช่น การจัดตั้งปลุกม็อบในหลายๆ แห่ง ในแต่ละแห่งก็มีแกนนำเป็นผู้จัดการ ฝ่ายเวที ฝ่ายก่อกวน ข่มขู่ ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งแต่ละฝ่าย ต่างก็รับผิดชอบในงานของตน โดยแต่ละฝ่ายอาจไม่รู้ว่าแต่ละฝ่ายทักษิณสั่งให้ทำอะไรบ้าง อย่างเช่น เสธ.แดง ทักษิณ ก็สั่งให้เตรียมคนตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธ ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ ฝ่ายที่ต่อสู้อย่างสันติก็ทำไป ปลุกระดมไป ก็เชื่อว่าตนเองต่อสู้อย่างสันติ แต่อีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้ด้วยอาวุธก็ทำไป คือ ทักษิณ ทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าของเขาหรือยุทธศาสตร์ของเขา
แต่เรารู้ว่าทักษิณ ไม่สามารถโค่นรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ เพราะเขาเอาชาวบ้าน เอาชาวนา คนธรรมดา และนักการเมืองทาสทักษิณ มาเป็นแกนนำ และกำลังเหล่านี้ เป็นกำลังที่เกิดจากการจ้างกันมาเป็นทอดๆ หากพวกเขาบาดเจ็บ หรือตายลงก็เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะความไม่รู้การเมือง เพราะความเชื่อผิดๆ ดังนั้น
ประเด็นที่ 1 การที่แกนนำ นปช.โฆษณาชวนเชื่อว่า “ขอคารวะ สดุดีวีรชนที่พลีชีพในการต่อสู้อย่างสันติ เพื่อทวงคืนอำนาจประชาชนให้ประเทศนี้กลับสู่วิถีประชาธิปไตยมีการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”
แท้จริง นี่เป็นการพูดบิดเบือน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ และตระกูลชินวัตรล้วนๆ อันเกิดจากความกลัว โลภ โกรธ หลง ของทักษิณที่ไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง ทำผิดแล้วก็ไม่ยอมรับผิด
ที่ว่า “เพื่อให้ประเทศกลับสู่วิถีประชาธิปไตยมีการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” นี่ก็เป็นการบิดเบือน ดังได้กล่าวแล้วว่า มวลชนเสื้อแดง เป็นมวลชนรับจ้างก่อม็อบเพื่อทักษิณ และผลที่ออกมา แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง แต่ก็เป็นการชนะการเลือกตั้งในระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย บ้านเมืองยังคงเป็นการเมืองการปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ เช่นเดิม ดังนั้นจึงเป็นการเขียน โฆษณาชวนเชื่อที่บิดเบือน
หากมองในแง่การเมือง ทักษิณ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ล้วนเป็นพวกที่มีแนวคิดเดียวกับคณะราษฎร ซึ่งเป็นลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญสาย นายปรีดี พนมยงค์ ถือรัฐธรรมนูญเป็นเป้าหมายในการปกครองกดขี่ประชาชน การปกครองชนิดนี้ประโยชน์ตกอยู่กับนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว โดยพวกเขาเข้าใจว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย การจะสร้างระบอบประชาธิปไตยก็ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายต่อชาติ ทำลายชาติอย่างร้ายแรงมายาวนานกว่า 80 ปีแล้ว
ทั้งๆ ที่ต่อให้ยกร่างหรือแก้ไขสัก 100 ครั้ง 1,000 ระบอบประชาธิปไตยก็ไม่เกิดขึ้น เพราะทั้งวิธีการและจัดสัมพันธภาพมันผิดตั้งแต่แรกที่คิดแล้ว
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ เป็นพวกคณะราษฎรสายนายควง อภัยวงศ์ เสนีย์ปราโมช คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นต้น ต่างก็มีแนวคิด ความเชื่อในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น โดยเชื่อว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย
ทั้งสองฝ่ายมีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง ซึ่งต่างจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงดุจนรกกับพระนิพพาน
ประเด็นที่ 2 คนที่ล้มตาย บาดเจ็บ ทุพพลภาพ ก็ไม่ใช่วีรชนอะไร เพราะต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ และปลายทางของทักษิณ ก็เพื่อที่จะยึดอำนาจด้วยกองกำลังแดงอย่างเบ็ดเสร็จ และเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะ รัฐบาล ปู ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ใช้เงินประชาชนเยียวยาคนละ 7.5 ล้าน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบที่สุดอย่างหนึ่งของโลก ซึ่งถือว่าเป็นการจ่ายค่าปิดปากดีๆ นี่เอง แต่เหตุการณ์ที่ทหารหาญต้องพลีชีพเพื่อชาติ จ่ายไม่ถึงล้าน รัฐบาล ปูนิ่ม มันอยุติธรรมยิ่งนัก
หากจะให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริงนั้น ทักษิณจะต้องเป็นคนจ่ายค่าเยียวยาให้แก่ผู้ตาย บาดเจ็บ และทุพพลภาพทั้งหมด เพราะเป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เป็นหัวหน้าดาวร้ายทำลายประเทศ
หากแกนนำ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ฯลฯ จะขอความยุติธรรม ก็จะต้องหันหัวไปขอความยุติธรรมกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร จึงจะถูกต้องที่สุด
ประเด็นที่ 3 นปช. อ้างว่า “เขามาเพื่อการต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด”ฟังแล้วดูดีจังเลย แต่มันน่าแปลกไหมที่ นปช.ไม่ต่อต้านเผด็จการรัฐธรรมนูญคือแนวคิดทางการเมืองที่ นปช.ถืออยู่ ทักษิณ พรรคเพื่อไทย ถืออยู่
นี่ก็เพราะว่า พวกเขาเข้าใจผิดว่า ลัทธิรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ซึ่งลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นลัทธิเผด็จการอย่างหนึ่ง เพราะลัทธินี้ปิดบังซ่อนเร้นจุดหมายของการปกครอง แต่เปิดวิธีการปกครองคือกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าจะต้องมาจากพวกกูยกร่างเท่านั้น จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นทั้งฝ่ายยึดรัฐธรรมนูญปี 40 กับฝ่ายยึดรัฐธรรมนูญปี 50
ทักษิณ และ นปช.พวกเขาไม่รู้หรอกว่า รัฐประหารเป็นผลของระบอบเผด็จการทุกชนิด รัฐประหารเมืองไทยเป็นผลของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาทุกครั้งไป หรือหากมองที่ผลหรือปลายเหตุหลายฝ่ายเรียกว่า “เผด็จการรัฐสภา”
เพราะเผด็จการรัฐธรรมนูญมันเป็นการเมืองการปกครองของนายทุน นายทุนธุรกิจการเมืองเพียงหยิบมือเดียว มันไม่ได้รักษาประโยชน์ของชาติและประชาชน แต่มันเอาประโยชน์ของชาติและประชาชนไปเป็นของพวกธุรกิจการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองทาส พวกมันจึงมีนโยบายทำโน่นทำนี่ เป็นหลายๆ แสนล้าน กู้สองแสนล้านโดยที่ประชาชนไม่ต้องการในสิ่งที่รัฐบาลยัดเยียดให้ ทั้งนี้ก็เพื่อโกงเม็ดเงินงบประมาณหลายๆ ทอดรวมๆ แล้วก็ไม่ต่ำกว่า 50% เงินของชาติหรือของประชาชนจะต้องสูญหายกลายเป็นเงินของพวกพรรคการเมืองภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ นี่สถานการณ์ความจริงที่กำลังเป็นไปและความระยำนี้กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็หมายความว่าทั้งการกดขี่และขูดรีดภาษีประชาชนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี
ดังนั้น การที่แกนนำ นปช.โฆษณาชวนเชื่อว่า “จะต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ” มันจึงเป็นปลายเหตุและเป็นการพูดแก้เกี้ยว กลบเกลื่อนความเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญ และเลือกตั้งโดยเผด็จการ มันจึงต่อต้านรัฐประหารไม่ได้ ยังไงๆ รัฐประหารมันก็ขึ้นได้เสมอหากว่าระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแบบรัฐบาลทักษิณมันยังคงอยู่ เพราะมันทำให้ประชาชนทนไม่ได้ และขาดที่พึ่ง จึงต้องไปพึ่งอำนาจกองทัพมาจัดการ
และด้านล่างนี้คือสัมพันธภาพของการเมืองการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
อันเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติและประชาชนอันมีรากฐานความเชื่อมาจากคณะราษฎร ที่เชื่อว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ(แท้ๆ) แต่ตั้งชื่อว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จะต้องมีปัญญาเห็นชัดว่า 80 ปีไทยภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
ขอให้มีปัญญาเป็นแสงสว่างเถิดเสื้อแดงทั้งหลาย ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานแล้ว เช่น อเมริกา อินเดีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น
หรือจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดในประเทศที่ได้ผ่านการปฏิวัติ ซึ่งแก้ไขปัญหาพื้นฐานของชาติตกไปแล้ว
ทั้งคนสนับสนุนทักษิณ และมวลชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่จะต่อต้านกระบวนการทักษิณ ก็ต้องพิจารณาข้อมูล ปัญญา เหล่านี้เพื่อไปสู้ทักษิณด้วย
ประเด็นที่ 4 การที่ นปช.กล่าวถึงระบอบอำมาตย์ เป็นการพูดเพื่อกลบเกลื่อนระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแบบทักษิณ ระบอบอำมาตย์ไม่มีในโลก แต่ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญที่อ้าง หลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยนั้นมีอยู่จริงๆ มีทักษิณ สมชาย สมัคร อภิสิทธิ์ ปู ยิ่งลักษณ์ เป็นตัวอย่างอันใกล้ๆ
เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแล้วว่า เหตุการณ์การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงนั้นถูกชักนำโดยแกนนำ แกนนำเขาทำไปเพื่อประโยชน์ตนและทักษิณ ชินวัตร หากจะพูดกันตรงๆ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ในการชักชวน การปลุกระดม โดยมีแกนนำหลายฝ่ายเป็นผู้จัดการ โดยมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นศูนย์กลางในการดำเนินการทางทั้งทางยุทธศาสตร์เพื่อประโยชน์ของทักษิณ พรรคฯ และวงศ์ตระกูลชินวัตร ในทางยุทธวิธีอันแตกต่างหลากหลาย เช่น การจัดตั้งปลุกม็อบในหลายๆ แห่ง ในแต่ละแห่งก็มีแกนนำเป็นผู้จัดการ ฝ่ายเวที ฝ่ายก่อกวน ข่มขู่ ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งแต่ละฝ่าย ต่างก็รับผิดชอบในงานของตน โดยแต่ละฝ่ายอาจไม่รู้ว่าแต่ละฝ่ายทักษิณสั่งให้ทำอะไรบ้าง อย่างเช่น เสธ.แดง ทักษิณ ก็สั่งให้เตรียมคนตั้งเป็นกองกำลังติดอาวุธ ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ ฝ่ายที่ต่อสู้อย่างสันติก็ทำไป ปลุกระดมไป ก็เชื่อว่าตนเองต่อสู้อย่างสันติ แต่อีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้ด้วยอาวุธก็ทำไป คือ ทักษิณ ทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าของเขาหรือยุทธศาสตร์ของเขา
แต่เรารู้ว่าทักษิณ ไม่สามารถโค่นรัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ เพราะเขาเอาชาวบ้าน เอาชาวนา คนธรรมดา และนักการเมืองทาสทักษิณ มาเป็นแกนนำ และกำลังเหล่านี้ เป็นกำลังที่เกิดจากการจ้างกันมาเป็นทอดๆ หากพวกเขาบาดเจ็บ หรือตายลงก็เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะความไม่รู้การเมือง เพราะความเชื่อผิดๆ ดังนั้น
ประเด็นที่ 1 การที่แกนนำ นปช.โฆษณาชวนเชื่อว่า “ขอคารวะ สดุดีวีรชนที่พลีชีพในการต่อสู้อย่างสันติ เพื่อทวงคืนอำนาจประชาชนให้ประเทศนี้กลับสู่วิถีประชาธิปไตยมีการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”
แท้จริง นี่เป็นการพูดบิดเบือน เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ และตระกูลชินวัตรล้วนๆ อันเกิดจากความกลัว โลภ โกรธ หลง ของทักษิณที่ไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง ทำผิดแล้วก็ไม่ยอมรับผิด
ที่ว่า “เพื่อให้ประเทศกลับสู่วิถีประชาธิปไตยมีการเมืองการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” นี่ก็เป็นการบิดเบือน ดังได้กล่าวแล้วว่า มวลชนเสื้อแดง เป็นมวลชนรับจ้างก่อม็อบเพื่อทักษิณ และผลที่ออกมา แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง แต่ก็เป็นการชนะการเลือกตั้งในระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย บ้านเมืองยังคงเป็นการเมืองการปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ เช่นเดิม ดังนั้นจึงเป็นการเขียน โฆษณาชวนเชื่อที่บิดเบือน
หากมองในแง่การเมือง ทักษิณ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ล้วนเป็นพวกที่มีแนวคิดเดียวกับคณะราษฎร ซึ่งเป็นลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญสาย นายปรีดี พนมยงค์ ถือรัฐธรรมนูญเป็นเป้าหมายในการปกครองกดขี่ประชาชน การปกครองชนิดนี้ประโยชน์ตกอยู่กับนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว โดยพวกเขาเข้าใจว่า รัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย การจะสร้างระบอบประชาธิปไตยก็ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายต่อชาติ ทำลายชาติอย่างร้ายแรงมายาวนานกว่า 80 ปีแล้ว
ทั้งๆ ที่ต่อให้ยกร่างหรือแก้ไขสัก 100 ครั้ง 1,000 ระบอบประชาธิปไตยก็ไม่เกิดขึ้น เพราะทั้งวิธีการและจัดสัมพันธภาพมันผิดตั้งแต่แรกที่คิดแล้ว
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ เป็นพวกคณะราษฎรสายนายควง อภัยวงศ์ เสนีย์ปราโมช คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นต้น ต่างก็มีแนวคิด ความเชื่อในลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น โดยเชื่อว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย
ทั้งสองฝ่ายมีกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง ซึ่งต่างจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงดุจนรกกับพระนิพพาน
ประเด็นที่ 2 คนที่ล้มตาย บาดเจ็บ ทุพพลภาพ ก็ไม่ใช่วีรชนอะไร เพราะต่อสู้เพื่อขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ และปลายทางของทักษิณ ก็เพื่อที่จะยึดอำนาจด้วยกองกำลังแดงอย่างเบ็ดเสร็จ และเมื่อพรรคเพื่อไทยชนะ รัฐบาล ปู ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ใช้เงินประชาชนเยียวยาคนละ 7.5 ล้าน ซึ่งเป็นการเอาเปรียบที่สุดอย่างหนึ่งของโลก ซึ่งถือว่าเป็นการจ่ายค่าปิดปากดีๆ นี่เอง แต่เหตุการณ์ที่ทหารหาญต้องพลีชีพเพื่อชาติ จ่ายไม่ถึงล้าน รัฐบาล ปูนิ่ม มันอยุติธรรมยิ่งนัก
หากจะให้เกิดความเป็นธรรมอย่างแท้จริงนั้น ทักษิณจะต้องเป็นคนจ่ายค่าเยียวยาให้แก่ผู้ตาย บาดเจ็บ และทุพพลภาพทั้งหมด เพราะเป็นผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เป็นหัวหน้าดาวร้ายทำลายประเทศ
หากแกนนำ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ฯลฯ จะขอความยุติธรรม ก็จะต้องหันหัวไปขอความยุติธรรมกับ นช.ทักษิณ ชินวัตร จึงจะถูกต้องที่สุด
ประเด็นที่ 3 นปช. อ้างว่า “เขามาเพื่อการต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด”ฟังแล้วดูดีจังเลย แต่มันน่าแปลกไหมที่ นปช.ไม่ต่อต้านเผด็จการรัฐธรรมนูญคือแนวคิดทางการเมืองที่ นปช.ถืออยู่ ทักษิณ พรรคเพื่อไทย ถืออยู่
นี่ก็เพราะว่า พวกเขาเข้าใจผิดว่า ลัทธิรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย ซึ่งลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นลัทธิเผด็จการอย่างหนึ่ง เพราะลัทธินี้ปิดบังซ่อนเร้นจุดหมายของการปกครอง แต่เปิดวิธีการปกครองคือกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าจะต้องมาจากพวกกูยกร่างเท่านั้น จึงเกิดความขัดแย้งขึ้นทั้งฝ่ายยึดรัฐธรรมนูญปี 40 กับฝ่ายยึดรัฐธรรมนูญปี 50
ทักษิณ และ นปช.พวกเขาไม่รู้หรอกว่า รัฐประหารเป็นผลของระบอบเผด็จการทุกชนิด รัฐประหารเมืองไทยเป็นผลของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาทุกครั้งไป หรือหากมองที่ผลหรือปลายเหตุหลายฝ่ายเรียกว่า “เผด็จการรัฐสภา”
เพราะเผด็จการรัฐธรรมนูญมันเป็นการเมืองการปกครองของนายทุน นายทุนธุรกิจการเมืองเพียงหยิบมือเดียว มันไม่ได้รักษาประโยชน์ของชาติและประชาชน แต่มันเอาประโยชน์ของชาติและประชาชนไปเป็นของพวกธุรกิจการเมือง พรรคการเมือง นักการเมืองทาส พวกมันจึงมีนโยบายทำโน่นทำนี่ เป็นหลายๆ แสนล้าน กู้สองแสนล้านโดยที่ประชาชนไม่ต้องการในสิ่งที่รัฐบาลยัดเยียดให้ ทั้งนี้ก็เพื่อโกงเม็ดเงินงบประมาณหลายๆ ทอดรวมๆ แล้วก็ไม่ต่ำกว่า 50% เงินของชาติหรือของประชาชนจะต้องสูญหายกลายเป็นเงินของพวกพรรคการเมืองภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ นี่สถานการณ์ความจริงที่กำลังเป็นไปและความระยำนี้กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็หมายความว่าทั้งการกดขี่และขูดรีดภาษีประชาชนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี
ดังนั้น การที่แกนนำ นปช.โฆษณาชวนเชื่อว่า “จะต่อต้านรัฐประหารทุกรูปแบบ” มันจึงเป็นปลายเหตุและเป็นการพูดแก้เกี้ยว กลบเกลื่อนความเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญ และเลือกตั้งโดยเผด็จการ มันจึงต่อต้านรัฐประหารไม่ได้ ยังไงๆ รัฐประหารมันก็ขึ้นได้เสมอหากว่าระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแบบรัฐบาลทักษิณมันยังคงอยู่ เพราะมันทำให้ประชาชนทนไม่ได้ และขาดที่พึ่ง จึงต้องไปพึ่งอำนาจกองทัพมาจัดการ
และด้านล่างนี้คือสัมพันธภาพของการเมืองการปกครองแบบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
อันเป็นความเห็นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติและประชาชนอันมีรากฐานความเชื่อมาจากคณะราษฎร ที่เชื่อว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ(แท้ๆ) แต่ตั้งชื่อว่าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จะต้องมีปัญญาเห็นชัดว่า 80 ปีไทยภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
ขอให้มีปัญญาเป็นแสงสว่างเถิดเสื้อแดงทั้งหลาย ไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐานแล้ว เช่น อเมริกา อินเดีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น เป็นต้น
หรือจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาดในประเทศที่ได้ผ่านการปฏิวัติ ซึ่งแก้ไขปัญหาพื้นฐานของชาติตกไปแล้ว
ทั้งคนสนับสนุนทักษิณ และมวลชนผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่จะต่อต้านกระบวนการทักษิณ ก็ต้องพิจารณาข้อมูล ปัญญา เหล่านี้เพื่อไปสู้ทักษิณด้วย
ประเด็นที่ 4 การที่ นปช.กล่าวถึงระบอบอำมาตย์ เป็นการพูดเพื่อกลบเกลื่อนระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแบบทักษิณ ระบอบอำมาตย์ไม่มีในโลก แต่ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญที่อ้าง หลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยนั้นมีอยู่จริงๆ มีทักษิณ สมชาย สมัคร อภิสิทธิ์ ปู ยิ่งลักษณ์ เป็นตัวอย่างอันใกล้ๆ