xs
xsm
sm
md
lg

ระวังกรรมตามทัน ทักษิณ ปู ยิ่งลักษณ์ และพวกกับวางแผนปล้นชาติ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

ทักษิณเจ้าความคิด ที่คิดทำลายประเทศด้วยความโลภ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ทักษิณ เอาคืน” “กู้เพื่อพี่ สร้างหนี้ให้ปวงชน” เสียไปเพราะทำผิดกว่าหกหมื่นล้าน แต่หากทักษิณคิดจะเอาคืน 10% ของเงินกู้ในโครงการต่างๆ 2 ล้านล้านบาท ทักษิณอาจจะได้คืนมากกว่าสองแสนล้าน แน่นอนว่าหากแนวคิดนี้เป็นจริง ทักษิณบาปหนักยิ่งกว่าทำบาปครั้งใดๆ เพราะเป็นการทำบาปหนักแก่คนทั้งประเทศ เขาอาจจะโชคร้ายในไม่ช้า

มาดูรัฐบาล ปู ยิ่งลักษณ์ กับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่สร้างหนี้ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระ 50 ปีตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ...หรือกฎหมายเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในวาระแรก ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 284 เสียงและไม่เห็นด้วย 152 เสียง เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 ขอย้ำว่าเป็นการปล้นชาติ สร้างบาปกรรมให้แก่ปวงชนทั้งประเทศยาวนากว่า 50 ปี

เราขอย้ำว่ามีหลายโครงการเป็นความเพ้อฝันของนักการเมือง แต่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นของประเทศ จะ จะ ชัด ชัด นี่จึงเป็นการเสนอกฎหมายภายใต้การเมืองการปกครองแบบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เราได้ย้ำนักย้ำหนา

เหตุที่มาคือความจริงที่มันดำรงอยู่จริงๆ คือระบอบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ “นายกรัฐมนตรีภายใต้ระบอบเผด็จการทุกคน จะกลายเป็นคนมีอำนาจ แต่ไม่มีประสบการณ์ทุกคนไป”

หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็น “ระบอบเผด็จการรัฐสภา” อันที่จริง ระบอบเผด็จการรัฐสภาเป็นผลหรือปรากฏการณ์ อันเกิดจากระบอบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญอันเกิดจากแนวคิดของลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ ที่เข้าใจผิด เห็นผิดอย่างร้ายแรงที่ เข้าใจว่า “เอากฎหมายรัฐธรรมนูญไปสร้างระบอบประชาธิปไตย” ดุจดังเอาหัวเดินต่างเท้า

ในทางที่ถูกต้องมีแต่ “เอาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยหรือระบอบประชาธิปไตย ไปสร้างกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือหลักการปกครองโดยธรรมเป็นเหตุแห่งการยกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ” นี่คือความถูกต้องยิ่งใหญ่

ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย วันนี้ขอยกวาทะประวัติศาสตร์ของ “อ. ปรีดี พนมยงค์” อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษอาวุโสเมื่อครั้งหมดอำนาจ ที่ว่า “เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ก็ไม่มีประสบการณ์ แต่เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์ก็ไม่มีอำนาจ”

หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะเห็นได้ว่า วาทะดังกล่าว เป็นจริงต่อนายกรัฐมนตรีไทยแทบทุกคน นับแต่ท่านนายกรัฐมนตรีคนแรก พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เป็นต้นมา อันที่จริงนายกรัฐมนตรีคนนี้ พยายามที่ปฏิบัติตามแนวคิด แนวนโยบายของพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7

โดยนายกฯ คนนี้มีนโยบาย งดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อที่จะทำให้มีอำนาจในการเสนอนโยบาย “สถาปนาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย” ในขณะนั้น แล้วจึงค่อยปรับปรุงรัฐธรรมนูญ ให้สอดคล้องกับหลักการปกครองที่จะสถาปนาขึ้น

แต่รัฐบาลของท่านนายกฯ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ก็ถูกรัฐประหารเสียก่อนโดยคณะผู้นำราษฎรฝ่ายทหารคือ พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา อันเป็นแกนนำหลักของแนวคิดลัทธิเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และนับจากนั้นมา นายกรัฐมนตรีไทยแต่ละคนล้วนแล้วเป็นไปตามวาทะของ ดร. ปรีดี พนมยงค์ ทั้งสิ้น

ณ ตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า คณะราษฎรทั้งฝ่ายทหารและฝ่ายพลเรือน ไม่มีความเข้าใจเรื่องการสถาปนาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยหรือระบอบประชาธิปไตย แต่พวกเขากลับเข้าใจผิด เห็นผิดอย่างร้ายแรงว่า “การสร้างรัฐธรรมนูญก็คือการสร้างระบอบประชาธิปไตย” หรือเอากฎหมายรัฐธรรมนูญไปสร้างระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ได้พิสูจน์มากว่า 80 ปี แล้วว่าแนวทางนี้ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีกอย่างซ้ำซาก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงคาดการณ์ไว้ดังมีในพระราชหัตถเลขาว่า “เป็นเผด็จการโดยอ้อม ไม่ใช่ Democracy จริงๆ เลย จะเสี่ยงภัยและเสียเวลา”

จากนั้นเราจะเห็นได้ว่ามีการสืบทอดแนวทางดังกล่าวจากทั้งฝ่ายกองทัพและฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลเรือนก็แตกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่าย ดร.ปรีดี พนมยงค์ กับฝ่าย นายควง อภัยวงศ์ ผู้นำฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ และมีพรรคคอมมิวนิสต์แอบอิงอยู่กับทั้ง 3 ฝ่ายเรื่อยมาจนปัจจุบัน

ทายาทหลักๆ ในปัจจุบันมี 3 ฝ่าย หนึ่งอิงแอบ ฝ่ายหนึ่งคือ นช.ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย มวลชนเสื้อแดง อีกฝ่ายคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์

ฝ่ายทักษิณ ยึดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เป็นสรณะ ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ยึดรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 พวกที่สามคือกองทัพ และพวกอิงแอบคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้ทำแนวร่วม (United front) ทั้งแนวร่วมทางตรงแนวร่วมมุมกลับและแนวร่วมทางอ้อม กับทั้ง 3 ฝ่ายดังกล่าว

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 ฝ่ายหนึ่งอิงแอบ ล้วนแล้วแต่ยึดลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นสรณะ ซึ่งรู้กันโดยทั่วไปว่าลัทธิรัฐธรรมนูญคือลัทธิเผด็จการชนิดหนึ่ง อุปมาดุจดังคนที่อ้างว่านับถือพุทธ แต่กลับไปขอหวยบูชาควายคลอดลูกออกมา 5 ขา ขอหวยบูชาไม้ตะเคียน ขอหวยบูชาซากศพทำแท้ง ฯลฯ เป็นต้น

ขออนุญาตกล่าวย้ำแล้วย้ำอีกว่า ลัทธิเผด็จการทุกชนิด จะไม่เสนอ ไม่เชิดชูหลักการปกครอง เป็นนโยบาย แต่ปากและปากกา จะพูดจะเขียนจะเรียกร้องประชาธิปไตยๆ ยกตัวอย่างเช่น มวลชนคนเสื้อแดงโฆษณาชวนเชื่อไปทั่วว่า “มาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ทำไมรัฐบาลอภิสิทธิ์ ต้องฆ่าเราด้วย” อันที่จริงเขาไม่ได้มาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่เขาเรียกร้องอยากให้ทักษิณกลับมามีอำนาจทางการเมืองและนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 นำกลับมาใช้ใหม่ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พวกเขาต้องการ หากว่าพวกเขาเรียกร้องประชาธิปไตยด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ พวกเขาก็จะต้องเสนอหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย พวกเขาจึงโกหก หรือเพราะรับจ้างมาหรือแท้จริงแล้วก็เป็นพวกลัทธิเผด็จการอีกขั้วหนึ่งนั่นเอง

ฝ่ายค้านโดยพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยึดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นสรณะจะเห็นได้ว่านับแต่อดีต รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นอดีตนายกฯ ฝ่ายรัฐประหารที่ไม่รู้อะไรเลย ตรงนี้เพื่อจะบอกให้ชัดว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตาม ไม่ว่าสถาบันใดๆ ก็ตาม ไม่ว่านายกรัฐมนตรีคนไหนๆ ก็ตาม หากยังคงรักษาระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญเอาไว้ จึงเป็นการทำลายตนเองทั้งสิ้นทำลายสถาบันของตนเอง ทำลายชาติของตนเองให้ประสบกับความหายนะล่มจม

นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนนี้ เป็นนายกรัฐมนตรีมาเกือบ 2 ปีแล้ว ถามว่าได้ลงมือแก้ไขเหตุวิกฤตชาติแล้วหรือยัง รู้ตัวกันหรือไม่ว่า สิ่งทำไปนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาปลายเหตุทั้งสิ้น มันบ่งบอกถึงความไม่มีปัญญาและไม่มีประสบการณ์ของนายกฯ การไม่มีปัญญาและไม่มีประสบการณ์นั้น ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สามารถแสวงหาจากผู้มีปัญญาและผู้มีประสบการณ์ได้

แต่นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มุ่งมั่นที่จะคงไว้ รักษาไว้ซึ่งระบอบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ ดูได้จากการคิดร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ก็เลว การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราก็เลว ถามว่า ประชาชนได้อะไรบ้าง ประชาชนก็ยังคงตกเป็นทาสทางการเมืองต่อไปของทั้งฝ่ายทักษิณและฝ่ายประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมอื่นๆ

ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายเสื้อแดงด่าและชิงชังสถาบันหลักของชาติมากยิ่งขึ้นๆ เพราะอะไร เพราะยังคงรักษาลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญไว้นั่นเอง นายกฯ ปูแดง ยิ่งลักษณ์คนนี้ จึงสมดังวาทะที่ว่า “เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ แต่ไม่มีประสบการณ์”

เมื่อทักษิณคิด ปู ยิ่งลักษณ์ ทำ แต่กลายเป็นการร่วมทำบาปหนัก ทำบาปใหญ่ แก่ปวงชนไทยทุกคนเดือดร้อน ด้วยการกดขี่และขูดรีดภาษีอันเป็นแอกของจริงในยุคปัจจุบัน สักวันผลของกรรมชั่วจะตามทัน ไม่นานเกินรอ
กำลังโหลดความคิดเห็น