xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ปู พูดผิด เอาแต่ดีใส่ตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

บทความก่อนนี้ “ปู ยิ่งลักษณ์ มีความเห็นผิดร้ายแรงต่อชาติและประชาชน”

วันที่ 29 เม.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในการประชุมประชาคมประชาธิปไตย ณ ประเทศมองโกเลีย ใจความตอนหนึ่งว่า “ในปี 1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยที่ประชาชนมีส่วนร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้ว และจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหาร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกรางและประชาชนคนไทยใช้เวลาเกือบ 10 ปีกว่า ที่จะได้เสรีภาพแห่งประชาธิปไตยกลับคืนมาหลายคนที่อยู่ในที่ประชุมแห่งนี้รู้ว่ารัฐบาลที่ดิฉันพูดถึงคือรัฐบาลที่พี่ชายของดิฉัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เธอคงไม่รู้อะไรเลยในทางการเมือง รู้แต่เสียงที่ได้ยินได้ฟังมาแบบอคติเพียงด้านเดียว

ไม่น่าเชื่อว่า คนอย่าง ปู ยิ่งลักษณ์ จะอคติได้ถึงเพียงนี้ นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เข้าใจผิดเฉกเช่นเดียวกับทักษิณที่ว่า รัฐธรรมนูญ ปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน เป็นประชาธิปไตยที่สุด

ซึ่งเราเคยคัดค้านและเขียนย้ำอยู่เสมอว่า การปกครองภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 เป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา บอกล่วงหน้า และเตือนล่วงหน้าให้กับรัฐบาลทักษิณเมื่อครั้งชนะเลือกตั้งใหม่ๆ ว่า “หากคุณทักษิณไม่หาทางผลักดันสร้างระบอบประชาธิปไตยจริงๆ โดยการเสนอหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 รัฐบาลของคุณจะต้องถูกรัฐประหาร”

ในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้นไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครฟัง เพราะมันมองไม่ออกว่ารัฐบาลเสียงข้างมากอย่างล้นเหลือ จะถูกรัฐประหารได้ แต่แล้วรัฐบาลทักษิณก็ถูกรัฐประหาร อันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา

ระบอบเผด็จการไทย เริ่มขึ้นโดยคณะรัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจากการเลือกตั้ง รัฐประหาร นี่คือวงจรอุบาทว์ของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญไทย เป็นมาเป็นไป ครอบงำนายกรัฐมนตรีไทยมา 28 คนแล้วและยาวนานกว่า 80 ปี

นายกฯ ปู ท่านเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 คือระบอบประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่สุด

แต่ในความเป็นจริงรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญเป็นผลของระบอบการเมืองอะไรก็ได้ ทำไมผู้ปกครองไทยถึงได้โง่เขลากันนัก ที่มองเห็นกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นระบอบประชาธิปไตย

ประเทศไทยไม่เคยมีการสถาปนาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือไม่เคยมีการสร้างระบอบประชาธิปไตย


มีแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญ แล้วก็ บอกว่านี่คือระบอบประชาธิปไตย สร้างรัฐธรรมนูญมา 18 ฉบับ ก็แสดงว่า สร้างระบอบประชาธิปไตยมา 18 ครั้ง ล้มเหลวทั้ง 18 ครั้ง นี่คือความโง่เขลาอันใหญ่หลวงของผู้ปกครองไทยในแต่ละยุค ในแต่ละรัฐบาล

ระบอบประชาธิปไตย หรือหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย มันเป็นคนละส่วนกันกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกันอย่างไร เราจะบอกให้ผู้ที่คิดจะเป็นผู้นำรุ่นใหม่ให้รู้ถูกต้อง

เราขอถามท่านทั้งหลายว่า ระหว่างจุดหมายกับวิธีการไปสู่จุดหมายคนละส่วนกันใช่หรือไม่ แน่นอนว่าท่านทั้งหลายจะตอบว่าคนละส่วนกัน ยกตัวอย่าง วัดพระแก้วคือจุดหมาย ส่วนวิธีการไปวัดพระแก้วมีความแตกต่างหลากหลายวิธีที่จะไป เช่น เดิน วิ่ง ขี่รถจักรยาน รถยนต์ รถไฟ ฯลฯ ฉันใดหลักการปกครองโดยธรรมหรือระบอบ ย่อมเป็นจุดหมายร่วมของปวงชน ส่วนวิธีการปกครองเพื่อให้บรรลุจุดหมายร่วมของปวงชนคือกฎหมายรัฐธรรมนูญฉันนั้น

เราจะเข้าถึงจุดหมายใด จุดหมายย่อมเห็นเหตุ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อน มีอยู่ก่อน
เช่นเราจะไปมหาวิทยาลัยฯ มหาวิทยาลัยฯ ย่อมมีอยู่ก่อน ส่วนวิธีการเกิดภายหลังและมีความแตกต่างหลากหลาย ก็เช่นเดียวกันที่กฎหมายรัฐธรรมนูญมีหลายมาตรา

หากท่านนายกฯ ปู ยิ่งเข้าใจเช่นนี้ ท่านก็จะรู้ว่า ตายแล้วเรานี่พูดผิดอย่างแรง น่าอายจริงๆ

ขอย้ำว่า ประเทศไทยไม่เคยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย
เพราะระบอบหรือหลักการปกครองโดยธรรมไม่ได้ถูกสร้างขึ้นหรือถูกสถาปนาขึ้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ท่านนายกฯ ปู คงจะทราบแล้วว่าประเทศไทยสร้างแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญและแก้ไข ซึ่งก็คือสร้างแต่วิธีการไป แต่ไม่มีจุดหมายร่วมของปวงชน แล้ววิธีการนี้มันจะรับใช้ใคร มันก็รับใช้เฉพาะแต่นักการเมืองนั่นเอง ทั้งอำนาจการปกครองฯ และอำนาจทางเศรษฐกิจ(เงิน)จึงตกอยู่ในมือของเหล่านักธุรกิจการเมืองผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียว ดังนั้นระบอบจึงเป็นระบอบเผด็จการอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ผู้ปกครองยังได้หลอกเอารูปการปกครองคือระบบรัฐสภา ซึ่งแบ่งองค์กรแห่งอำนาจเป็นสามฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ในความที่ถูกต้อง ระบบรัฐสภาเป็นของกลางๆ ระบอบอะไรๆ ก็เอาไปใช้ได้ เช่น ระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา หรือระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา ดังนั้น ระบบรัฐสภาจึงไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาเป็นเพียงรูปแบบการปกครอง (Form of Government) และเป็นวิธีการปกครอง (Methods of Government) อย่างหนึ่งเฉกเช่นเดียวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับระบอบประชาธิปไตย

หลักการปกครองเป็นเช่นไร ระบอบก็เป็นเช่นนั้น
แต่ความเป็นจริงหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยยังไม่เคยมี ไม่เคยถูกสถาปนาขึ้น นั่นก็หมายความว่าระบอบประชาธิปไตยจึงไม่เคยมีในประเทศไทย เข้าใจกันหรือยังละ

ส่วนการเลือกตั้งก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่ ท่านนายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ท่านก็เข้าใจว่ารัฐบาลพี่ชายของดิฉันมาจากการเลือกตั้งด้วยคนส่วนใหญ่ เป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย แต่ในความเป็นจริงทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ล้วนเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น

หรือพูดง่ายๆ ว่าทั้งรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลมาร์ค รัฐบาลปู ยิ่งลักษณ์ ฯลฯ ล้วนเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา

การเลือกตั้ง วิธีการอย่างหนึ่งในการคัดคนขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง
ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นระบอบอะไร เลือกตั้งในระบอบเผด็จการ เช่น ฮิตเลอร์ ไทย เป็นต้น

การเลือกตั้งจึงเป็นคนละเรื่องกับระบอบประชาธิปไตย ตามที่ผู้ปกครองไทยเข้าใจและสอนประชาชนให้เข้าใจผิด หลงผิดตามๆ กันมา

ระบอบประชาธิปไตยกับการเลือกตั้งจึงเป็นคนละส่วนกัน เพราะระบอบคือหลักการปกครอง ส่วนการเลือกตั้งเป็นวิธีการอย่างหนึ่งเป็นของกลางซึ่งระบอบไหนๆ ก็เอาไปใช้ได้ ไม่ใช่ว่ามาจากการเลือกตั้งแล้วจะต้องเป็นระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น หากเข้าใจเช่นนี้ก็ถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงตามผู้ปกครองเผด็จการ

ต่อไปผู้ปกครองจะหลอกประชาชนได้น้อยลง หากประชาชนได้รู้ความจริงว่าประชาชนถูกหลอกมาเป็นเวลายาวนานชั่วอายุคน กว่า 80 ปีแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่ นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ พูดว่า “ในปี 1997 ประเทศไทยได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งร่างขึ้นโดยที่ประชาชนมีส่วนร่วม เราทุกคนคิดว่ายุคใหม่ของประชาธิปไตยไทยมาถึงแล้ว และจะเป็นยุคสมัยที่ไร้การรัฐประหาร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งถึงสองครั้งสองหนด้วยเสียงส่วนใหญ่ถูกล้มลงในปี 2006 ประเทศไทยเสมือนรถไฟตกราง” จึงเป็นการพูดที่เกิดจากความเห็นผิดอย่างร้ายแรงและเป็นการพูดเพื่อเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น หากนายกฯ ปู พูดถูก ผู้เขียนจะเขียนยกย่อง แต่เมื่อท่านนายฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พูดผิด เราจำเป็นที่จะต้องเขียน บอกกล่าว ทักท้วง ด้วยเหตุด้วยผล นายกฯ เห็นผิดมันอันตรายต่อประชาชนทั้งแผ่นดิน ดังนั้น การที่ใครก็ตาม นักการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชนที่เห็นผิดว่าไทยเป็นระบอบประชาธิปไตยมาแล้ว 80 ปี หรือ ใครเห็นว่า รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลมาร์ค รัฐบาล ปู ยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ย่อมเป็นอันตรายต่อประชาชนและประเทศชาติทั้งสิ้น

สื่อมวลชนอิสระเท่านั้นที่จะเป็นปากเสียง ให้ปัญญาที่ถูกต้องต่อประชาชน
สื่อมวลชนที่ถูกกลุ่มทุนเครือข่ายชินวัตรซื้อไปแล้ว มันก็กลายเป็นพวกที่ร่วมมือกันทำร้ายประเทศชาติและประชาชน

น่าเสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมไต่สวน วิเคราะห์ วิจัย สืบสวน สวบสวน พรรคยังยอมรับระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่มันเน่า มันเหม็น มันทำร้ายประชาชน มันทำร้ายประเทศชาติอยู่เต็มตา แต่ก็ยังตะโกนให้ช่วยกันรักษาระบอบประชาธิปไตย จะรักษาได้อย่างไรในเมื่อระบอบประชาธิปไตยไม่มีอยู่จริง มันมีแต่ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา นี่คือสิ่งที่มีอยู่จริง เป็นจริง ที่ครอบงำ มันกลายเป็นการตะโกนให้รักษาระบอบเผด็จการเพื่อพวกนักธุรกิจการเมืองเพียงหยิบมือเดียว มันจึงไม่ต่างไปจากพรรคเพื่อไทยเลย

หากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ไต่สวน มีองค์ความรู้ชัดเจน พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับความจริงลุกขึ้นพูดว่าเราจะต้องเปลี่ยนระบอบเผด็จการให้เป็นระบอบประชาธิปไตยจริงๆ โดยมีหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 แล้วเชิญชวนชักชวนให้ประชาชนร่วมกันโค่นระบอบเผด็จการ เมื่อโค่นระบอบเผด็จการลงไปแล้ว ประชาชนร่วมกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ซึ่งเป็นของแผ่นดิน เป็นของคนทุกคน การเมืองมันก็จะเปลี่ยนจากการเมืองของนักการเมืองมาเป็นการเมืองของประชาชน เมื่อนั้นพรรคเพื่อไทยมันก็อยู่ไม่ได้ หรือไม่มันก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นพรรคการเมืองของประชาชน

หากพรรคประชาธิปัตย์มีความเห็นร่วมกันอย่างนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะมีชัยชนะทุกวัน และจะมีชัยชนะเหนือพรรคเพื่อไทย

หากว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงรับรองระบอบเผด็จการและยังหลงผิดว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอยู่เช่นปัจจุบัน พรรคประชาธิปัตย์นอกจากจะไม่มีโอกาสชนะพรรคเพื่อไทยได้แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ยังหลอกประชาชนให้หลงผิดยาวนานต่อไปอีก

เราเชิญชวนให้พรรคประชาธิปัตย์
พิจารณาทบทวน กลับมารับใช้ประชาชนอย่างจริงจังเถิด อย่าได้หลอกประชาชนมาเป็นทาสทางการเมืองอย่างพรรคเพื่อไทยเลย หยุดเสียเถอะ ทบทวนอย่างรอบคอบเถิด ให้มีพรรคเพื่อไทยหลอกประชาชนไปพรรคเดียวเถิด

มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่เจ็บปวดจากพรรคการเมือง จากทักษิณมากที่สุด ขอให้ท่านนายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ กลับเนื้อกลับตัว อย่าหลอกประชาชนอีกเลย หากหลอกอีกก็จะเขียนวิจารณ์อีกว่า นายกฯ ปู ไม่รู้ระบอบประชาธิปไตย เมื่อไม่รู้ก็พูดผิดๆ พูดหลอกประชาชนทุกครั้งไป เพราะท่านนายฯ เป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา ขอให้ปัญญาชนทั้งหลายจงตื่นตัวเป็นพลังสำคัญของชาติเถิด
กำลังโหลดความคิดเห็น