ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของพนักงาน สวทช. กว่า 800 คนที่ก่อนหน้ามีข่าวจะออกมาใส่ชุดดำ ประท้วงนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในวันจันทร์ที่ 20 พ.ค.นี้
โดยจะมีการล่าชื่อพนักงาน สวทช. เพื่อเตรียมยื่นให้กับนายวรวัจน์ ลงมาพบปะและชี้แจงปัญหาต่อพนักงาน โดยเฉพาะให้ชี้แจงถึงการปรับลดงบประมาณของ สวทช.จำนวนกว่า 30%นั้น เป็นการดำเนินการของสำนักงบประมาณ หลังจากมีการให้เหตุผลว่าโครงการไม่มีความจำเป็นโดยเฉพาะโครงการวิจัยที่เกิดประโยชน์นั้น สามารถยื่นขออนุมัติใช้งบกลางได้
มีรายงานว่า มีความพยายามจะปรับลดงบประมาณกว่า 874,160,000 บาท ที่เชื่อว่าเป็นการดำเนินการของผู้กำหนดนโยบาย แน่นอน เนื่องจากในการเสนองบประมาณของ สวทช.นั้น ครม.ได้อนุมัติตัวเลขงบประมาณไว้ที่ 3,364,768,000 บาท จากงบประมาณที่กระทรวงได้รับกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีงบประมาณ 2556
“งานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณมากเป็น 5 อันดับแรกคือ งานวิจัยเกี่ยวกับลำไย 150 ล้านบาท งานวิจัยเกี่ยวกับไม้สัก 140 ล้านบาท งานวิจัยสิ่งทอ 100 ล้านบาท งานวิจัยเพิ่มผลผลิตข้าว 84.5 ล้านบาท และงานวิจัยเมล็ดพันธุ์พืชผัก 70 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้รับ 860 ล้านบาทเศษซึ่งเป็นการปรับลดจากงบประมาณเดิมที่ได้รับ 1,334 ล้านบาท”
ขณะที่โครงการที่ถูกตัดงบประมาณในงบประมาณรายจ่ายปี 57 ประกอบด้วย งานวิจัยด้านพืชเศรษฐกิจ อาทิ มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย ปาล์มน้ำมันและข้าวโพด งานวิจัยด้านสัตว์เศรษฐกิจ อาทิ สุกร ไก่ กุ้ง งานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และงานวิจัยด้านเทคโนโลยีและอิเล็คทรอนิคส์และอื่นๆ อีกมากมาย
จะเห็นว่างานวิจัยที่ถูกตัดงบเหล่านี้ผู้ได้รับผลประโยชน์ของโครงการไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขตภาคเหนือตอนบนเลย จึงเชื่อว่า การโดนปรับลดงบประมาณครั้งนี้ เป็นการดำเนินการของนายวรวัจน์อย่างแน่นอน ซึ่งส่งผลให้เปิดความถดถอยและตกต่ำในวงการวิทยาศาสตร์ไทย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ผู้ใหญ่ในกระทรวงได้เรียกนายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สวทช. เข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ก่อนสั่งให้นายทวีศักดิ์ ไปสั่งไม่ให้พนักงาน สวทช. เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว พร้อมกับชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏในใบปลิวให้กับพนักงาน สวทช.
ฝ่ายการเมืองยังสั่งให้นายทวีศักดิ์ ไปสอบหาตัวคนทำใบปลิวและแกนนำในการประท้วงมาให้ได้ พร้อมกับตำหนินายทวีศักดิ์อย่างรุนแรงกรณีไม่สามารถขอความร่วมมือให้พนักงานยุติการเคลื่อนไหวได้โดยเด็ดขาด โดยให้จัดส่งอีเมลล์ไปยังพนักงาน สวทช. ทุกคน โดยหลังได้รับอีเมล์แล้ว เห็นว่าจะยุติการประท้วงในวันที่ 20 พ.ค.นี้ออกไปก่อนเพื่อรอดูท่าทีของฝ่ายการเมืองว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆในสวทช.ได้อย่างไร ส่วนการยื่นหนังสือถึงนายวรวัจน์ที่จะให้ลงมาพบปะพนักงานนั้น ก็ยกเลิกเช่นกันพร้อมกันนำรายชื่อพนักงานที่ร่วมลงชื่อนั้นไปทำลายทิ้งแล้วเพราะเกรงว่าจะถูกผู้มีอำนาจตามเช็คบิลภายหลังเนื่องจากมีการประกาศว่า งานนี้จะต้องเอาคืนแน่
มีรายงานว่า พนักงานจะใช้วิธีการประท้วงเงียบเป็นการภายในเพื่อสะท้อนให้ผู้มีอำนาจรับทราบถึงความไม่พอใจที่เกิดขึ้น ซึ่งเดิมได้นัดหมายกันว่าจะแต่งชุดดำประท้วงก็ถูกสกัดกั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นนัดกันใส่เสื้อสีขาว กางเกงดำ สายคล้องคอสีดำแทน แต่ก็ยังถูกขอร้องอีก ทางพนักงานเลยเปลี่ยนมาเป็นใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ส่วนวันอื่นๆ อาจจะมีบางส่วนที่ใส่แต่งชุดดำประท้วงก็ได้
สำหรับประเด็นที่พนักงานสวทช.ไม่พอใจและประท้วงนายวรวัจน์ครั้งนี้ อาทิ 1.การตัดงบฯวิจัยของสวทช.เกือบ 1พันล้านบาท 2. การประชุมบอร์ด กวทช.ที่ไม่ต่อเนื่องเพราะผ่านมา 6 เดือนนัดประชุมแค่ 2ครั้ง ทำให้เกิดภาวะความชะงันในการทำงานและ3. ความล่าช้าในการพิจารณาแต่งตั้งผอ.สวชท.คนใหม่แทนคนเก่าที่จะหมดวาระลงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ส่งผลให้เกิดสุญญากาศในการทำงานเจ้าหน้าที่ขาดขวัญและกำลังใจ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของ สวทช.
โดยจะมีการล่าชื่อพนักงาน สวทช. เพื่อเตรียมยื่นให้กับนายวรวัจน์ ลงมาพบปะและชี้แจงปัญหาต่อพนักงาน โดยเฉพาะให้ชี้แจงถึงการปรับลดงบประมาณของ สวทช.จำนวนกว่า 30%นั้น เป็นการดำเนินการของสำนักงบประมาณ หลังจากมีการให้เหตุผลว่าโครงการไม่มีความจำเป็นโดยเฉพาะโครงการวิจัยที่เกิดประโยชน์นั้น สามารถยื่นขออนุมัติใช้งบกลางได้
มีรายงานว่า มีความพยายามจะปรับลดงบประมาณกว่า 874,160,000 บาท ที่เชื่อว่าเป็นการดำเนินการของผู้กำหนดนโยบาย แน่นอน เนื่องจากในการเสนองบประมาณของ สวทช.นั้น ครม.ได้อนุมัติตัวเลขงบประมาณไว้ที่ 3,364,768,000 บาท จากงบประมาณที่กระทรวงได้รับกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมากกว่าปีงบประมาณ 2556
“งานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณมากเป็น 5 อันดับแรกคือ งานวิจัยเกี่ยวกับลำไย 150 ล้านบาท งานวิจัยเกี่ยวกับไม้สัก 140 ล้านบาท งานวิจัยสิ่งทอ 100 ล้านบาท งานวิจัยเพิ่มผลผลิตข้าว 84.5 ล้านบาท และงานวิจัยเมล็ดพันธุ์พืชผัก 70 ล้านบาท จากงบประมาณที่ได้รับ 860 ล้านบาทเศษซึ่งเป็นการปรับลดจากงบประมาณเดิมที่ได้รับ 1,334 ล้านบาท”
ขณะที่โครงการที่ถูกตัดงบประมาณในงบประมาณรายจ่ายปี 57 ประกอบด้วย งานวิจัยด้านพืชเศรษฐกิจ อาทิ มันสำปะหลัง ยางพารา อ้อย ปาล์มน้ำมันและข้าวโพด งานวิจัยด้านสัตว์เศรษฐกิจ อาทิ สุกร ไก่ กุ้ง งานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และงานวิจัยด้านเทคโนโลยีและอิเล็คทรอนิคส์และอื่นๆ อีกมากมาย
จะเห็นว่างานวิจัยที่ถูกตัดงบเหล่านี้ผู้ได้รับผลประโยชน์ของโครงการไม่ได้อยู่ในพื้นที่เขตภาคเหนือตอนบนเลย จึงเชื่อว่า การโดนปรับลดงบประมาณครั้งนี้ เป็นการดำเนินการของนายวรวัจน์อย่างแน่นอน ซึ่งส่งผลให้เปิดความถดถอยและตกต่ำในวงการวิทยาศาสตร์ไทย
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ผู้ใหญ่ในกระทรวงได้เรียกนายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผอ.สวทช. เข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ก่อนสั่งให้นายทวีศักดิ์ ไปสั่งไม่ให้พนักงาน สวทช. เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว พร้อมกับชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏในใบปลิวให้กับพนักงาน สวทช.
ฝ่ายการเมืองยังสั่งให้นายทวีศักดิ์ ไปสอบหาตัวคนทำใบปลิวและแกนนำในการประท้วงมาให้ได้ พร้อมกับตำหนินายทวีศักดิ์อย่างรุนแรงกรณีไม่สามารถขอความร่วมมือให้พนักงานยุติการเคลื่อนไหวได้โดยเด็ดขาด โดยให้จัดส่งอีเมลล์ไปยังพนักงาน สวทช. ทุกคน โดยหลังได้รับอีเมล์แล้ว เห็นว่าจะยุติการประท้วงในวันที่ 20 พ.ค.นี้ออกไปก่อนเพื่อรอดูท่าทีของฝ่ายการเมืองว่าจะแก้ไขปัญหาต่างๆในสวทช.ได้อย่างไร ส่วนการยื่นหนังสือถึงนายวรวัจน์ที่จะให้ลงมาพบปะพนักงานนั้น ก็ยกเลิกเช่นกันพร้อมกันนำรายชื่อพนักงานที่ร่วมลงชื่อนั้นไปทำลายทิ้งแล้วเพราะเกรงว่าจะถูกผู้มีอำนาจตามเช็คบิลภายหลังเนื่องจากมีการประกาศว่า งานนี้จะต้องเอาคืนแน่
มีรายงานว่า พนักงานจะใช้วิธีการประท้วงเงียบเป็นการภายในเพื่อสะท้อนให้ผู้มีอำนาจรับทราบถึงความไม่พอใจที่เกิดขึ้น ซึ่งเดิมได้นัดหมายกันว่าจะแต่งชุดดำประท้วงก็ถูกสกัดกั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นนัดกันใส่เสื้อสีขาว กางเกงดำ สายคล้องคอสีดำแทน แต่ก็ยังถูกขอร้องอีก ทางพนักงานเลยเปลี่ยนมาเป็นใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสในวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ส่วนวันอื่นๆ อาจจะมีบางส่วนที่ใส่แต่งชุดดำประท้วงก็ได้
สำหรับประเด็นที่พนักงานสวทช.ไม่พอใจและประท้วงนายวรวัจน์ครั้งนี้ อาทิ 1.การตัดงบฯวิจัยของสวทช.เกือบ 1พันล้านบาท 2. การประชุมบอร์ด กวทช.ที่ไม่ต่อเนื่องเพราะผ่านมา 6 เดือนนัดประชุมแค่ 2ครั้ง ทำให้เกิดภาวะความชะงันในการทำงานและ3. ความล่าช้าในการพิจารณาแต่งตั้งผอ.สวชท.คนใหม่แทนคนเก่าที่จะหมดวาระลงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ส่งผลให้เกิดสุญญากาศในการทำงานเจ้าหน้าที่ขาดขวัญและกำลังใจ ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของ สวทช.