นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัชญีรายชื่อ นายวิฑูรย์ นามบุตร และ นายอนุชาย บูรพชัยศรี ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญ ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจำนวน 2 ล้านล้านบาท (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) แถลงถึงกรณีความคืบหน้าการพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ว่า ตนและกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้ทวงถามข้อมูล และรายงานจากรัฐบาลทุกครั้ง แต่ก็จะได้รับข้อมูลแบบกระปริบกระปรอย ซึ่งตนขอเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่า คนเป็นหนี้ไม่มีสิทธิรู้รายละเอียดของการใช้เงินดังกล่าว
นายสามารถ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ทั้ง 11 โครงการ มีถึง 6 โครงการ ที่ยังไม่ได้ทำการศึกษา และออกแบบรายละเอียด ส่วนอีก 5 โครงการที่เหลือ มีรายละเอียดบ้าง แต่รัฐบาลกลับนำเอกสารมาแจกในที่ประชุม ซึ่งทำให้ตรวจสอบไม่ทัน และเป็นที่น่าตกใจเมื่อพิจารณาถึงค่าก่อสร้างในโครงการดังกล่าว เพราะราคาสูงกว่าที่รฟม.เคยก่อสร้างไว้ โดยค่าเฉลี่ยของ 5 โครงการดังกล่าว อยู่ที่ 125 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ในขณะเดียวกันค่าก่อสร้างรถไฟรางคู่สายฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ซึ่งรฟม.ได้เปิดใช้บริการไปแล้ว มีค่าก่อสร้างเฉลี่ยเพียง 69 ล้านบาท ต่อกิโลเมตร หรือหมายความว่า รถไฟรางคู่ใน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แพงกว่าโครงการ รฟม. ถึงร้อยละ 81
นายสามารถ กล่าวต่อว่าในที่สุดที่ประชุมกรรมาธิการ ก็มีมติให้ รฟม.นำกลับไปหารือกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อพิจารณาปรับราคาแล้วนำกลับมาเสนอให้กรรมาธิการพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามในเรื่องค่าที่ปรึกษาโครงการ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกัน เพราะทางรฟม.จ้างที่ปรึกษา 2 ส่วน คือ ด้านบริหารงานโครงการ หรือ พีเอ็มซี และด้านควบคุมงาน หรือ ซีเอสซี ซึ่งกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ยืนยันว่า มีแค่เพียงที่ปรึกษาด้านควบคุมงานก็เพียงพอแล้ว เพราะผู้ควบคุมงาน มีความจำเป็นต่อโครงการ
ทั้งนี้หากตัดค่าที่ปรึกษาบริหารงานโครงการออก จะช่วยลดค่าใช้จ่ายประมาณ ร้อยละ 2.7 ของการก่อสร้าง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะถอย ไม่จ้างที่ปรึกษาด้านบริหารงานโครงการ
ด้านนายวิฑูรย์ กล่าวว่า โครงการทั้ง 57 โครงการ ในงบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ทั้งหมดมีความพร้อมไม่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม โครงการรถไฟรางคู่ มีราคาก่อสร้างที่แพงกว่าปกติเมื่อเทียบกับราคาของกรมทางหลวง เช่น การถมดิน 311 บาทต่อคิว แต่ของกรมทางหลวงตกอยู่ที่ 100 กว่าบาท การถมลูกรัง 932 บาทต่อคิว แต่กรมทางหลวงไม่เกิน 300 บาท เป็นต้น
ขณะที่นายอนุชา กล่าวว่า มีการตั้งวงเงินที่สูงเกินจริง และมีความซ้ำซ้อน เช่น แผนงานปรับปรุงอาณัติสัญญาณไฟ ของการรถไฟฯ มีการตั้งวงเงินซ้ำซ้อนกันถึง 2.3 พ้นล้านบาท ซึ่งวงเงินนี้ก็ไปปรากฏอยู่ในโครงการรถไฟรางคู่อีกเช่นกัน
ทั้งนี้นายวิฑูรย์ ได้กล่าวว่า ให้ติดตามการพิจารณาของกรรมาธิการในสัปดาห์หน้า ที่จะมีการพิจารณารถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟลอยฟ้า และรถไฟใต้ดินด้วย เนื่องจากเรื่องดังกล่าว มีความสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปเรื่องการก่อสร้างรถไฟสายหลัก
**พ.ร.บ.กู้ 2ล้านล้านช้า ไม่กระทบเชื่อมั่น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ไม่สามารถบรรจุเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณษงบประมาณปี 57 ในช่วงปลายเดือนพ.ค. นี้ได้ทัน ว่า จะไม่เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ และในขณะนี้ในการทำงานของกรรมาธิการ ก็มีความคืบหน้าในการพิจารณารายกฎหมายประกอบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนในการพิจารณารายละเอียดของเอกสารแนบท้ายโครงการ ซึ่งมีกรรมาธิการที่ให้ความสนใจในรายละเอียดมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยกันพิจารณารายละเอียดของโครงการ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลและตอบข้อชี้แจง ซึ่งการทำงานอย่างละเอียดรอบคอบในชั้นกรรมาธิการจะทำให้การพิจารณาใน วาระที่ 2 และ วาระที่ 3 มีความรวดเร็วมากขึ้น
ในส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 เป็นไปตามเป้าหมายเป็นอย่างดี รวมทั้งความคืบหน้าในการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ก็ได้เร่งรัดให้มีความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อกำหนดที่ได้ทำงานร่วมกับราชการว่าในโครงการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ยังไม่ได้มีผู้มาประมูลให้เสร็จสิ้น ก็จะมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างซ้ำ หรือปรับเงื่อนไขในบางประการเพื่อให้ดำเนินการได้เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในส่วนของงบลงทุนซึ่งมีปีละประมาณ 4 แสนล้านบาท ก็เป็นไปตามเป้าหมาย และเป็นส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง
"คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะนี้เป้าหมายในการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณจะสูงกว่าเป้าหมาย แต่ในโครงการที่ยังมีการล่าช้า ก็ได้มีการติดตามดูว่าติดขัดในเรื่องใด ซึ่งก็มั่นใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เป็นไปตามเป้าหมายและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี" นายกิตติรัตน์ กล่าว
นายสามารถ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ทั้ง 11 โครงการ มีถึง 6 โครงการ ที่ยังไม่ได้ทำการศึกษา และออกแบบรายละเอียด ส่วนอีก 5 โครงการที่เหลือ มีรายละเอียดบ้าง แต่รัฐบาลกลับนำเอกสารมาแจกในที่ประชุม ซึ่งทำให้ตรวจสอบไม่ทัน และเป็นที่น่าตกใจเมื่อพิจารณาถึงค่าก่อสร้างในโครงการดังกล่าว เพราะราคาสูงกว่าที่รฟม.เคยก่อสร้างไว้ โดยค่าเฉลี่ยของ 5 โครงการดังกล่าว อยู่ที่ 125 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ในขณะเดียวกันค่าก่อสร้างรถไฟรางคู่สายฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-แหลมฉบัง ซึ่งรฟม.ได้เปิดใช้บริการไปแล้ว มีค่าก่อสร้างเฉลี่ยเพียง 69 ล้านบาท ต่อกิโลเมตร หรือหมายความว่า รถไฟรางคู่ใน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท แพงกว่าโครงการ รฟม. ถึงร้อยละ 81
นายสามารถ กล่าวต่อว่าในที่สุดที่ประชุมกรรมาธิการ ก็มีมติให้ รฟม.นำกลับไปหารือกับสำนักงบประมาณ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อพิจารณาปรับราคาแล้วนำกลับมาเสนอให้กรรมาธิการพิจารณาใหม่อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามในเรื่องค่าที่ปรึกษาโครงการ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกัน เพราะทางรฟม.จ้างที่ปรึกษา 2 ส่วน คือ ด้านบริหารงานโครงการ หรือ พีเอ็มซี และด้านควบคุมงาน หรือ ซีเอสซี ซึ่งกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ยืนยันว่า มีแค่เพียงที่ปรึกษาด้านควบคุมงานก็เพียงพอแล้ว เพราะผู้ควบคุมงาน มีความจำเป็นต่อโครงการ
ทั้งนี้หากตัดค่าที่ปรึกษาบริหารงานโครงการออก จะช่วยลดค่าใช้จ่ายประมาณ ร้อยละ 2.7 ของการก่อสร้าง ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะถอย ไม่จ้างที่ปรึกษาด้านบริหารงานโครงการ
ด้านนายวิฑูรย์ กล่าวว่า โครงการทั้ง 57 โครงการ ในงบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ทั้งหมดมีความพร้อมไม่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม โครงการรถไฟรางคู่ มีราคาก่อสร้างที่แพงกว่าปกติเมื่อเทียบกับราคาของกรมทางหลวง เช่น การถมดิน 311 บาทต่อคิว แต่ของกรมทางหลวงตกอยู่ที่ 100 กว่าบาท การถมลูกรัง 932 บาทต่อคิว แต่กรมทางหลวงไม่เกิน 300 บาท เป็นต้น
ขณะที่นายอนุชา กล่าวว่า มีการตั้งวงเงินที่สูงเกินจริง และมีความซ้ำซ้อน เช่น แผนงานปรับปรุงอาณัติสัญญาณไฟ ของการรถไฟฯ มีการตั้งวงเงินซ้ำซ้อนกันถึง 2.3 พ้นล้านบาท ซึ่งวงเงินนี้ก็ไปปรากฏอยู่ในโครงการรถไฟรางคู่อีกเช่นกัน
ทั้งนี้นายวิฑูรย์ ได้กล่าวว่า ให้ติดตามการพิจารณาของกรรมาธิการในสัปดาห์หน้า ที่จะมีการพิจารณารถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟลอยฟ้า และรถไฟใต้ดินด้วย เนื่องจากเรื่องดังกล่าว มีความสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปเรื่องการก่อสร้างรถไฟสายหลัก
**พ.ร.บ.กู้ 2ล้านล้านช้า ไม่กระทบเชื่อมั่น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ไม่สามารถบรรจุเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณษงบประมาณปี 57 ในช่วงปลายเดือนพ.ค. นี้ได้ทัน ว่า จะไม่เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ และในขณะนี้ในการทำงานของกรรมาธิการ ก็มีความคืบหน้าในการพิจารณารายกฎหมายประกอบเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนในการพิจารณารายละเอียดของเอกสารแนบท้ายโครงการ ซึ่งมีกรรมาธิการที่ให้ความสนใจในรายละเอียดมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่มีหลายฝ่ายเข้ามาช่วยกันพิจารณารายละเอียดของโครงการ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูลและตอบข้อชี้แจง ซึ่งการทำงานอย่างละเอียดรอบคอบในชั้นกรรมาธิการจะทำให้การพิจารณาใน วาระที่ 2 และ วาระที่ 3 มีความรวดเร็วมากขึ้น
ในส่วนของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 เป็นไปตามเป้าหมายเป็นอย่างดี รวมทั้งความคืบหน้าในการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ก็ได้เร่งรัดให้มีความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อกำหนดที่ได้ทำงานร่วมกับราชการว่าในโครงการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่ยังไม่ได้มีผู้มาประมูลให้เสร็จสิ้น ก็จะมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างซ้ำ หรือปรับเงื่อนไขในบางประการเพื่อให้ดำเนินการได้เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในส่วนของงบลงทุนซึ่งมีปีละประมาณ 4 แสนล้านบาท ก็เป็นไปตามเป้าหมาย และเป็นส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทางหนึ่ง
"คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง แม้ในขณะนี้เป้าหมายในการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณจะสูงกว่าเป้าหมาย แต่ในโครงการที่ยังมีการล่าช้า ก็ได้มีการติดตามดูว่าติดขัดในเรื่องใด ซึ่งก็มั่นใจว่าการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เป็นไปตามเป้าหมายและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี" นายกิตติรัตน์ กล่าว