xs
xsm
sm
md
lg

PTTGCจับมือปตท.ศึกษาขยายรง.เอทิลีนแครกเกอร์20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - พีทีที โกลบอลฯจับมือปตท.ศึกษาการขยายกำลังผลิตโรงเอทลีนแครกเกอร์ล้านตันเพิ่มอีก 10-20% โดยใช้ก๊าซฯที่ยังไม่ผ่านโรงแยกฯมาเป็นวัตถุดิบ คาดได้ข้อสรุปปีนี้ ส่วนความคืบหน้าการร่วมทุนตั้งโรงปิโตรเคมีในอินโดนีเซียและมาเลเซียคาดเซ็นสัญญาร่วมทุนได้ปลายปี 56 มั่นใจผลดำเนินงานปีนี้ดีกว่าปี55 เหตุมาร์จินผลิตภัณฑ์สูงขึ้นและมีกำไรจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มธุรกิจเข้ามาเสริม

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ศึกษาร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ในการขยายกำลังการผลิตคอขวดโรงงานเอทิลีนแครกเกอร์ 1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นอีก 10-20% โดยการนำก๊าซธรรมชาติที่ยังไม่ได้ผ่านโรงแยกก๊าซฯจากเดิมที่ส่งขายไปยังโรงไฟฟ้าให้มาผ่านโรงแยกก๊าซฯเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของโรงเอทิลีน แครกเกอร์ดังกล่าว โดยจะศึกษาว่าจะขยายกำลังการผลิตเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับการลงทุน และปริมาณก๊าซฯดังกล่าวจะป้อนได้นานแค่ไหน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้

หากโครงการดังกล่าวมีความเป็นได้ก็จะมีการลงทุนโครงการผลิตเม็ดพลาสติกปลายน้ำตามมา สร้างรายได้ให้บริษัทฯในอนาคต ส่วนความคืบหน้าในการร่วมทุนกับเปอร์ตามิน่า ของอินโดนีเซียในการตั้งโรงปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาร่วมทุนได้ในปลายปีนี้ โดยบริษัทฯได้สิทธิในการร่วมทุน 49% ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรรายใหม่ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาร่วมถือหุ้นด้วยเพื่อให้โครงการนี้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย คาดว่าได้ข้อสรุปพาร์ทเนอร์ใหม่ในปีนี้

โดยเบื้องต้นโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ดังกล่าวจะใช้แนฟธาเป็นวัตถุดิบในโรงงานผลิตโอเลฟินส์แครกเกอร์ขนาด 1 ล้านตัน/ปี หลังจากนั้นมองการใช้แอลพีจี ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบร่วมด้วย ส่วนความร่วมมือกับปิโตรนาสและอิโตชู ในการศึกษาตั้งโรงงานผลิตโพรพิลีนออกไซด์ที่มาเลเซียนั้น แม้ว่าขณะนี้ผลการศึกษาจะล่าช้าไปบ้าง แต่น่าจะแล้วเสร็จได้ทันตามกำหนดในปี 2559

นายอนนต์ กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้มีแนวโน้มดีกว่าปี 2555 อย่างแน่นอนโดยเฉพาะโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของกลุ่มธุรกิจ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ทำให้บริษัทฯมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี ( EBITDA) เพิ่มขึ้นในปีนี้ 177 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน 10% จากปี 2555 ที่มี EBITDA อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท และจะเติบโตขึ้น 30% ในปี 2560
หากราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ปีนี้แนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลายกลุ่มปรับตัวดีขึ้นทั้งพาราไซลีน เบนซีนและกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (สเปรด)ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว อาทิ เม็ดพลาสติก HDPE คาดว่าทั้งปีจะมีสเปรด 500 เหรียญสหรัฐ ดีกว่าปีก่อนที่มีสเปรดแค่ 400 เหรียญสหรัฐ

ส่วนผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ทั้งพาราไซลีนและเบนซีนก็มีสเปรดที่สูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากความต้องการใช้พาราไซลีนในการผลิตโพลีเอสเตอร์ยังสูงอยู่ แม้ว่าจะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ก็เห็นแนวทางการฟื้นตัวของสหรัฐฯ และมาตรการในแก้ปัญหานี้สินในยุโรป ส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่ลดลงในไตรมาสแรกก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศแทนการพึ่งพาตลาดส่งออก
กำลังโหลดความคิดเห็น