พีทีที โกลบอล เคมิคอล กวาดกำไรไตรมาสแรกปีนี้ 12,075 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 23% ที่ทำได้ 9,852 ล้านบาท ผลดีจากการหยุดดำเนินงานฉุกเฉินของแหล่งผลิตน้ำมันที่ทะเลเหนือ และความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากปัญหาข้อพิพาทในตะวันออกกลางที่ยังคงดำเนินอยู่ และผลิตภัณฑ์เกือบทุกชนิดปรับเพิ่มขึ้นจากภาวะอุปทานที่ตึงตัว ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวสูงขึ้น
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCG กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12,075 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 23% ที่ทำได้ 9,852 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 55 ถึง 16% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบดูไบมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
โดยเป็นผลดีจากปัจจัยหลัก คือ การหยุดดำเนินงานฉุกเฉินของแหล่งผลิตน้ำมันที่ทะเลเหนือ และความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากปัญหาข้อพิพาทในตะวันออกกลางที่ยังคงดำเนินอยู่ ในส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ทั้งส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับคอนเดนเสท และส่วนต่างราคาเบนซีนกับคอนเดนเสทปรับเพิ่มขึ้นจากภาวะอุปทานที่ตึงตัว ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีอัตราการผลิต และปริมาณขายโดยรวมเพิ่มขึ้นจากอัตราการผลิตที่สูงขึ้นในไตรมาส 1/2556 ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคา HDPE
เฉลี่ยอยู่ที่ 1,482 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจในไตรมาสแรกปี 56 โรงกลั่นน้ำมันเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตโดยมี CDU Utilization Rate อยู่ที่ 101% เท่ากับไตรมาส 1/2555 และไตรมาส 4/2555 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกำจัดกำมะถัน (SRU) เพื่อตรวจสอบ Boiler ตามที่กฎหมายกำหนด ขณะที่โรงอะโรเมติกส์ทั้ง 2 แห่งมีอัตราใช้กำลังการผลิต (BTX Utilization) 92% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2555 ที่ 73% ในขณะที่ส่วนต่างราคา (Spread) ผลิตภัณฑ์พาราไซลีน และเบนซีนปรับตัวดีขึ้นโดยเพิ่มขึ้น 14% และ 149% ตามลำดับ
ขณะที่ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลัก มีอัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ในไตรมาสนี้ 97% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2555 ที่ 85% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4/2555 ที่ 88% เนื่องจากในไตรมาสนี้โรงโอเลฟินส์ของบริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่ไม่มีการหยุดเดินเครื่อง
ส่วนผลประกอบการของกลุ่มโพลิเมอร์โดยรวมดีขึ้น ทั้งจากปริมาณการผลิตและการขายที่เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรง HDPE ทั้ง 3 แห่งรวมกัน 109% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 105% โดยราคาเม็ดพลาสติก HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,482 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 6% เม็ดพลาสติก LLDPE ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,477 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 12% เม็ดพลาสติก LDPE ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,459 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 5% ส่วนผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2555 และไตรมาส 4/2555 แต่ปริมาณขายและส่วนต่างราคา (Spread) ปรับลดลง
นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCG กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2556 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 12,075 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 23% ที่ทำได้ 9,852 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปี 55 ถึง 16% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยน้ำมันดิบดูไบมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
โดยเป็นผลดีจากปัจจัยหลัก คือ การหยุดดำเนินงานฉุกเฉินของแหล่งผลิตน้ำมันที่ทะเลเหนือ และความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากปัญหาข้อพิพาทในตะวันออกกลางที่ยังคงดำเนินอยู่ ในส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ทั้งส่วนต่างราคาพาราไซลีนกับคอนเดนเสท และส่วนต่างราคาเบนซีนกับคอนเดนเสทปรับเพิ่มขึ้นจากภาวะอุปทานที่ตึงตัว ทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีอัตราการผลิต และปริมาณขายโดยรวมเพิ่มขึ้นจากอัตราการผลิตที่สูงขึ้นในไตรมาส 1/2556 ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคา HDPE
เฉลี่ยอยู่ที่ 1,482 เหรียญสหรัฐ/ตัน
สำหรับผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจในไตรมาสแรกปี 56 โรงกลั่นน้ำมันเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตโดยมี CDU Utilization Rate อยู่ที่ 101% เท่ากับไตรมาส 1/2555 และไตรมาส 4/2555 นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกำจัดกำมะถัน (SRU) เพื่อตรวจสอบ Boiler ตามที่กฎหมายกำหนด ขณะที่โรงอะโรเมติกส์ทั้ง 2 แห่งมีอัตราใช้กำลังการผลิต (BTX Utilization) 92% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2555 ที่ 73% ในขณะที่ส่วนต่างราคา (Spread) ผลิตภัณฑ์พาราไซลีน และเบนซีนปรับตัวดีขึ้นโดยเพิ่มขึ้น 14% และ 149% ตามลำดับ
ขณะที่ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลัก มีอัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ในไตรมาสนี้ 97% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/2555 ที่ 85% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4/2555 ที่ 88% เนื่องจากในไตรมาสนี้โรงโอเลฟินส์ของบริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่ไม่มีการหยุดเดินเครื่อง
ส่วนผลประกอบการของกลุ่มโพลิเมอร์โดยรวมดีขึ้น ทั้งจากปริมาณการผลิตและการขายที่เพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรง HDPE ทั้ง 3 แห่งรวมกัน 109% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 105% โดยราคาเม็ดพลาสติก HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,482 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 6% เม็ดพลาสติก LLDPE ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,477 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 12% เม็ดพลาสติก LDPE ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,459 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 5% ส่วนผลิตภัณฑ์เอทิลีนออกไซด์ผลการดำเนินงานโดยรวมดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2555 และไตรมาส 4/2555 แต่ปริมาณขายและส่วนต่างราคา (Spread) ปรับลดลง