เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการรายวัน-สมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน และสมาคมยานยนต์อเมริกัน ออกโรงเตือนการใช้เอทานอลผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเครื่องยนต์ ชี้สารสกัดที่ได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานด้านพลังงานของหลายประเทศ ไม่มีความปลอดภัย ทั้งต่อตัวผู้บริโภคและต่อยานยนต์
ชาร์ลส์ เดรฟนา ประธานบริหารของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน ซึ่งเป็นองค์กรศูนย์รวมของบรรดาผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1902 ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2556 ว่า สมาคมมีความกังวลถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องการผลักดันให้เพิ่มสัดส่วนของเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับยานยนต์ เนื่องจากทางสมาคมฯ เชื่อมั่นว่าปริมาณเอทานอลที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ของรถ และกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ขณะที่โรเบิร์ต ดาร์เบลเน็ต ซีอีโอแห่งสมาคมยานยนต์อเมริกัน (American Automobile Association : AAA) ออกมาแถลงสนับสนุนท่าทีของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกันของเดรฟนา โดยยืนยันว่า เครื่องยนต์ของรถยนต์กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ในยุคปัจจุบัน ไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้งานกับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งเป็นสารสกัดที่ส่งผลต่อการกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ปั๊มหัวฉีดของรถ ท่อเชื้อเพลิงและอินเจกเตอร์ โดยเฉพาะการผสมของเอทานอลในระดับที่สูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน และสมาคมยานยนต์อเมริกัน มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมผลักดันให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เดินหน้ากดดันภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มส่วนผสมของเอทานอล หรือสารสกัดพลังงานหมุนเวียนจากวัตถุดิบทางการเกษตรในน้ำมันที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ให้สูงแตะระดับ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือที่เรียกกันว่าน้ำมัน E-15 จนก่อให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนัก ขณะที่ผู้ใช้รถจำนวนมากทั้งในสหรัฐฯ และหลายประเทศเริ่มเกิดความกังวลว่าการใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว
โดยความพยายามของรัฐบาลโอบามาในการผลักดันน้ำมัน E-15 ออกสู่ท้องตลาด มีขึ้นหลังมีผลการศึกษาในบราซิล ประเทศที่ได้ชื่อว่า “เมืองหลวงแห่งเอทานอลของโลก” ที่อ้างว่าไม่พบการเกิดปัญหาใดๆ กับเครื่องยนต์ของรถในบราซิล ซึ่งมีการจำหน่ายน้ำมัน E-15 แก่ประชาชนมานานกว่า 9 เดือนแล้ว และในหลายพื้นที่ของบราซิลก็มีการใช้น้ำมันที่มีสัดส่วนของเอทานอลปนอยู่มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ล่าสุดระบุว่า ราว 96 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันเบนซินที่จำหน่ายในสหรัฐฯ เวลานี้ต่างมีส่วนผสมของเอทานอลที่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ได้รับการรับรองจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (EPA)
ชาร์ลส์ เดรฟนา ประธานบริหารของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน ซึ่งเป็นองค์กรศูนย์รวมของบรรดาผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในสหรัฐฯ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1902 ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 7 พ.ค.2556 ว่า สมาคมมีความกังวลถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ และหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องการผลักดันให้เพิ่มสัดส่วนของเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้สำหรับยานยนต์ เนื่องจากทางสมาคมฯ เชื่อมั่นว่าปริมาณเอทานอลที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์ของรถ และกระทบต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
ขณะที่โรเบิร์ต ดาร์เบลเน็ต ซีอีโอแห่งสมาคมยานยนต์อเมริกัน (American Automobile Association : AAA) ออกมาแถลงสนับสนุนท่าทีของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกันของเดรฟนา โดยยืนยันว่า เครื่องยนต์ของรถยนต์กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ในยุคปัจจุบัน ไม่มีความเหมาะสมที่จะใช้งานกับน้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอล ซึ่งเป็นสารสกัดที่ส่งผลต่อการกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ปั๊มหัวฉีดของรถ ท่อเชื้อเพลิงและอินเจกเตอร์ โดยเฉพาะการผสมของเอทานอลในระดับที่สูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสมาคมผู้ผลิตปิโตรเคมีและเชื้อเพลิงอเมริกัน และสมาคมยานยนต์อเมริกัน มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมผลักดันให้กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เดินหน้ากดดันภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้เพิ่มส่วนผสมของเอทานอล หรือสารสกัดพลังงานหมุนเวียนจากวัตถุดิบทางการเกษตรในน้ำมันที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ให้สูงแตะระดับ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือที่เรียกกันว่าน้ำมัน E-15 จนก่อให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างหนัก ขณะที่ผู้ใช้รถจำนวนมากทั้งในสหรัฐฯ และหลายประเทศเริ่มเกิดความกังวลว่าการใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว
โดยความพยายามของรัฐบาลโอบามาในการผลักดันน้ำมัน E-15 ออกสู่ท้องตลาด มีขึ้นหลังมีผลการศึกษาในบราซิล ประเทศที่ได้ชื่อว่า “เมืองหลวงแห่งเอทานอลของโลก” ที่อ้างว่าไม่พบการเกิดปัญหาใดๆ กับเครื่องยนต์ของรถในบราซิล ซึ่งมีการจำหน่ายน้ำมัน E-15 แก่ประชาชนมานานกว่า 9 เดือนแล้ว และในหลายพื้นที่ของบราซิลก็มีการใช้น้ำมันที่มีสัดส่วนของเอทานอลปนอยู่มากถึง 25 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ล่าสุดระบุว่า ราว 96 เปอร์เซ็นต์ของน้ำมันเบนซินที่จำหน่ายในสหรัฐฯ เวลานี้ต่างมีส่วนผสมของเอทานอลที่ระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ได้รับการรับรองจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (EPA)