นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศจุดยืนชัดเจน ต้องการปลดนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพียงแต่รอโอกาสว่าจะเป็นเมื่อไหร่เท่านั้น
ความขัดแย้งระหว่างนายกิตติรัตน์กับนายประสาร หมักหมมมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ความพยายามนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาถลุง การโยนหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้แบงก์ชาติบริหาร การแต่งตั้งคณะกรรมการแบงก์ชาติ และถึงจุดระเบิดกรณีการกดดันให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย เพื่อสกัดค่าเงินบาทแข็ง
นายประสารยืนหยัดในการรักษาวินัยทางการเงิน ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามคำร้องขอทางการเมือง ไม่ยอมทำตามความต้องการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะหากตามใจนักการเมือง หากปล่อยให้นำเงินทุนสำรองฯ ไปถลุง ปล่อยให้รัฐบาลทำอะไรตามใจชอบ ระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจจะพังพินาศ
แต่นายกิตติรัตน์ไม่มีความตระหนักในวินัยทางการเงิน และมีความรู้สึกเพียงประการเดียวคือ ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนนี้ สั่งอะไรไม่ได้อย่างใจ และต้องการกำจัดทิ้ง
การส่งผ่านแรงกดดันจากนายกิตติรัตน์ ไม่ได้ทำให้นายประสารเกิดความหวั่นไหว และลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหากต้องการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการแบงก์ชาติ มีเพียงหนทางคือ ต้องปลด และถ้าปลด จะเกิดความระส่ำระสายครั้งใหญ่ในแบงก์ชาติ
เพราะนายประสารมีหน้าที่เป็นกันชน ป้องกันแบงก์ชาติจากการถูกอำนาจการเมืองแทรกแซง และป้องกันได้อย่างแข็งแกร่งเสียด้วย
แต่นายประสารจะต้านทานรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่คลั่งอำนาจได้อีกนานเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อถูกนายกิตติรัตน์หมายหัวไว้แล้ว
การเปลี่ยนตัวผู้ว่าการแบงก์ชาติเกิดขึ้นมาตลอด ไม่ว่าจะกดดันให้ลาออก หรือสั่งปลด ถ้านายประสารจะถูกปลด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
แต่ปัญหาใหญ่คือ ใครจะมาเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่
คุณสมบัติของผู้ว่าการแบงก์ชาติคนต่อไป คงไม่พิจารณากันที่ความรู้ความสามารถ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์หรือความยอมรับทางสังคมเป็นประเด็นหลัก แต่จะเน้นกันที่เป็นคนของใคร สั่งได้หรือไม่
ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรที่รัฐบาลยังไม่สามารถครอบงำได้ ขณะที่หน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว
การประปาฯ การไฟฟ้าฯ ทั้งฝ่ายผลิต และฝ่ายภูมิภาค บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การท่าอากาศยานฯ รัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง และหน่วยงานราชการต่างๆ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยส่งคนเข้าไปคุมหมด
สำหรับแบงก์ชาติ ถ้าเขี่ยนายประสารพ้นเส้นทาง นายกิตติรัตน์จะสั่งได้ง่ายขึ้น โดยไม่มีคนขวาง เพราะผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ จะเป็นคนที่พร้อมยอมเป็นขี้ข้ารับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับลูกสมุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกส่งให้เข้าไปคุมรัฐวิสาหกิจต่างๆ
นายกิตติรัตน์ไม่เลือกคนหัวแข็ง ไม่เลือกคนที่ยึดมั่นในหลักการ ไม่สยบต่ออำนาจการเมืองมาเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติแน่ แต่อาจครอบงำการสรรหาเพื่อให้ได้บุคคลที่สามารถสั่งได้ พร้อมรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างสุดจิตสุดใจ สั่งให้ทำอะไรต้องสนองตอบโดยไม่มีข้อแม้ เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์
นายกิตติรัตน์หมายมั่นปั้นมือจะครอบงำแบงก์ชาติตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ แล้ว เพราะหมายตาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไว้
ความพยายามดึงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ถูกจุดชนวนตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ถูกกระแสต่อต้านอย่างหนัก เงินทุนสำรองจึงยังปลอดภัยอยู่
แต่นายกิตติรัตน์กำลังสานต่อเป้าหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยพยาพยามนำเงินกองทุนสำรองฯ ออกไปใช้ แต่ก็ฝ่ากระแสต้านไม่ไหว โดยเฉพาะแรงต้านจากผู้ว่าการแบงก์ชาติ
แผนล่าแบงก์ชาติเป็นเมืองขึ้นของรัฐบาลดำเนินอย่างเป็นขั้นตอน โดยได้ส่งนายวีรพงษ์ รามางกูร เข้าไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมการแบงก์ชาติแล้ว แต่ก็ยังครอบงำแบงก์ชาติไม่ได้เบ็ดเสร็จ เพราะยังมีนายประสารเป็นปราการขวางกั้น นายกิตติรัตน์จึงพยายามทำลายปราการด่านสุดท้าย ซึ่งหากทำลายสำเร็จ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะตกอยู่ในภาวะเสี่ยงภัยทันที
เพราะรัฐบาลคงจะหาช่องนำออกไปผลาญ
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดมีจำนวนประมาณ 1.8 แสนล้านดอลลาร์หรือประมาณ 5.4 ล้านล้านบาท และเป็นเงินที่สะสมกันมานับสิบปี หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แต่เงินก้อนนี้อาจถูกยักย้ายถ่ายเทจนวอดวายในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
นายกิตติรัตน์ยังไม่มีผลงานใดๆ จนมีกระแสข่าวจะถูกปลดออกจากตำแหน่งหลายครั้ง จึงพยายามสร้างผลงานเพื่อหลักประกันในตำแหน่ง
การกดดันให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย การประกาศเขี่ยผู้ว่าการแบงก์ชาติ อาจเป็นแผนการโอ้อวดผลงานโชว์ให้นางสาวยิ่งลักษณ์เห็นว่า
คนอย่างนายกิตติรัตน์ทำได้ทุกอย่าง ขอให้สั่งมาเถอะ
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ต้องการครอบงำแบงก์ชาติให้ได้ และใครขัดขวาง จะต้องถูกกำจัดทิ้ง ซึ่งนายประสารกำลังตกเป็นเป้า
การปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติคนปัจจุบัน แม้จะเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ยังไม่ร้ายเท่าการตั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ เพราะถ้าถูกเลือกมาจากกลุ่ม “ขี้ข้า” ที่พร้อมจะหมอบให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์ แบงก์ชาติอาจถึงยุคล่มสลาย เงินทุนสำรองฯ อาจถึงคราวหายนะ
เพราะนโยบายการเงินจะถูกบริหารด้วยระบบเอาแต่ใจ วินัยทางการเงินจะถูกฉีกขาดสะบั้น และเงินทุนสำรองฯ จะถูกรัฐบาลชุดนี้นำไปผลาญ
ผู้ว่าการแบงก์ชาติถูกปลดเมื่อไหร่ เตรียมใจล่วงหน้าได้ ระบบเศรษฐกิจของประเทศป่นปี้แน่
ความขัดแย้งระหว่างนายกิตติรัตน์กับนายประสาร หมักหมมมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ความพยายามนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศออกมาถลุง การโยนหนี้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินให้แบงก์ชาติบริหาร การแต่งตั้งคณะกรรมการแบงก์ชาติ และถึงจุดระเบิดกรณีการกดดันให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย เพื่อสกัดค่าเงินบาทแข็ง
นายประสารยืนหยัดในการรักษาวินัยทางการเงิน ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามคำร้องขอทางการเมือง ไม่ยอมทำตามความต้องการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะหากตามใจนักการเมือง หากปล่อยให้นำเงินทุนสำรองฯ ไปถลุง ปล่อยให้รัฐบาลทำอะไรตามใจชอบ ระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจจะพังพินาศ
แต่นายกิตติรัตน์ไม่มีความตระหนักในวินัยทางการเงิน และมีความรู้สึกเพียงประการเดียวคือ ผู้ว่าการแบงก์ชาติคนนี้ สั่งอะไรไม่ได้อย่างใจ และต้องการกำจัดทิ้ง
การส่งผ่านแรงกดดันจากนายกิตติรัตน์ ไม่ได้ทำให้นายประสารเกิดความหวั่นไหว และลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งหากต้องการเปลี่ยนตัวผู้ว่าการแบงก์ชาติ มีเพียงหนทางคือ ต้องปลด และถ้าปลด จะเกิดความระส่ำระสายครั้งใหญ่ในแบงก์ชาติ
เพราะนายประสารมีหน้าที่เป็นกันชน ป้องกันแบงก์ชาติจากการถูกอำนาจการเมืองแทรกแซง และป้องกันได้อย่างแข็งแกร่งเสียด้วย
แต่นายประสารจะต้านทานรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่คลั่งอำนาจได้อีกนานเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อถูกนายกิตติรัตน์หมายหัวไว้แล้ว
การเปลี่ยนตัวผู้ว่าการแบงก์ชาติเกิดขึ้นมาตลอด ไม่ว่าจะกดดันให้ลาออก หรือสั่งปลด ถ้านายประสารจะถูกปลด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
แต่ปัญหาใหญ่คือ ใครจะมาเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่
คุณสมบัติของผู้ว่าการแบงก์ชาติคนต่อไป คงไม่พิจารณากันที่ความรู้ความสามารถ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับประสบการณ์หรือความยอมรับทางสังคมเป็นประเด็นหลัก แต่จะเน้นกันที่เป็นคนของใคร สั่งได้หรือไม่
ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรที่รัฐบาลยังไม่สามารถครอบงำได้ ขณะที่หน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยคุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว
การประปาฯ การไฟฟ้าฯ ทั้งฝ่ายผลิต และฝ่ายภูมิภาค บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การท่าอากาศยานฯ รัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง และหน่วยงานราชการต่างๆ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยส่งคนเข้าไปคุมหมด
สำหรับแบงก์ชาติ ถ้าเขี่ยนายประสารพ้นเส้นทาง นายกิตติรัตน์จะสั่งได้ง่ายขึ้น โดยไม่มีคนขวาง เพราะผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ จะเป็นคนที่พร้อมยอมเป็นขี้ข้ารับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับลูกสมุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกส่งให้เข้าไปคุมรัฐวิสาหกิจต่างๆ
นายกิตติรัตน์ไม่เลือกคนหัวแข็ง ไม่เลือกคนที่ยึดมั่นในหลักการ ไม่สยบต่ออำนาจการเมืองมาเป็นผู้ว่าการแบงก์ชาติแน่ แต่อาจครอบงำการสรรหาเพื่อให้ได้บุคคลที่สามารถสั่งได้ พร้อมรับใช้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อย่างสุดจิตสุดใจ สั่งให้ทำอะไรต้องสนองตอบโดยไม่มีข้อแม้ เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์
นายกิตติรัตน์หมายมั่นปั้นมือจะครอบงำแบงก์ชาติตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ แล้ว เพราะหมายตาเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไว้
ความพยายามดึงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ถูกจุดชนวนตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ถูกกระแสต่อต้านอย่างหนัก เงินทุนสำรองจึงยังปลอดภัยอยู่
แต่นายกิตติรัตน์กำลังสานต่อเป้าหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ โดยพยาพยามนำเงินกองทุนสำรองฯ ออกไปใช้ แต่ก็ฝ่ากระแสต้านไม่ไหว โดยเฉพาะแรงต้านจากผู้ว่าการแบงก์ชาติ
แผนล่าแบงก์ชาติเป็นเมืองขึ้นของรัฐบาลดำเนินอย่างเป็นขั้นตอน โดยได้ส่งนายวีรพงษ์ รามางกูร เข้าไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมการแบงก์ชาติแล้ว แต่ก็ยังครอบงำแบงก์ชาติไม่ได้เบ็ดเสร็จ เพราะยังมีนายประสารเป็นปราการขวางกั้น นายกิตติรัตน์จึงพยายามทำลายปราการด่านสุดท้าย ซึ่งหากทำลายสำเร็จ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะตกอยู่ในภาวะเสี่ยงภัยทันที
เพราะรัฐบาลคงจะหาช่องนำออกไปผลาญ
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดมีจำนวนประมาณ 1.8 แสนล้านดอลลาร์หรือประมาณ 5.4 ล้านล้านบาท และเป็นเงินที่สะสมกันมานับสิบปี หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แต่เงินก้อนนี้อาจถูกยักย้ายถ่ายเทจนวอดวายในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์
นายกิตติรัตน์ยังไม่มีผลงานใดๆ จนมีกระแสข่าวจะถูกปลดออกจากตำแหน่งหลายครั้ง จึงพยายามสร้างผลงานเพื่อหลักประกันในตำแหน่ง
การกดดันให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย การประกาศเขี่ยผู้ว่าการแบงก์ชาติ อาจเป็นแผนการโอ้อวดผลงานโชว์ให้นางสาวยิ่งลักษณ์เห็นว่า
คนอย่างนายกิตติรัตน์ทำได้ทุกอย่าง ขอให้สั่งมาเถอะ
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ต้องการครอบงำแบงก์ชาติให้ได้ และใครขัดขวาง จะต้องถูกกำจัดทิ้ง ซึ่งนายประสารกำลังตกเป็นเป้า
การปลดผู้ว่าการแบงก์ชาติคนปัจจุบัน แม้จะเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ยังไม่ร้ายเท่าการตั้งผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ เพราะถ้าถูกเลือกมาจากกลุ่ม “ขี้ข้า” ที่พร้อมจะหมอบให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์ แบงก์ชาติอาจถึงยุคล่มสลาย เงินทุนสำรองฯ อาจถึงคราวหายนะ
เพราะนโยบายการเงินจะถูกบริหารด้วยระบบเอาแต่ใจ วินัยทางการเงินจะถูกฉีกขาดสะบั้น และเงินทุนสำรองฯ จะถูกรัฐบาลชุดนี้นำไปผลาญ
ผู้ว่าการแบงก์ชาติถูกปลดเมื่อไหร่ เตรียมใจล่วงหน้าได้ ระบบเศรษฐกิจของประเทศป่นปี้แน่