xs
xsm
sm
md
lg

การปฏิเสธอำนาจศาล-เผด็จการในคราบประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในระบบการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี 3 องค์กรหลักรองรับการใช้พระราชอำนาจ คือ

1. สภานิติบัญญัติ ทำหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการปกครองประเทศภายใต้กรอบแห่งบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

2. รัฐบาล ทำหน้าที่บริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่น ซึ่งถูกตราขึ้นใช้บังคับภายใต้เงื่อนไข และหลักการซึ่งบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

3. สถาบันตุลาการ ทำหน้าที่ปกป้อง และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกคนในสังคมโดยเสมอภาคกัน ด้วยการยึดกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาชี้ผิด ชี้ถูก ตามที่กฎหมายบัญญัติ

องค์กรหลัก 3 ประการนี้เป็นองค์ประกอบหลักในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่ผู้คนทุกคนจะต้องให้ความเคารพ และให้ความเชื่อถือ จะปฏิเสธ และไม่ให้ความสำคัญแก่องค์กรใดองค์กรหนึ่งไม่ได้ จึงจะได้ชื่อว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

แต่วันนี้ และเวลานี้ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันตุลาการถูกคนกลุ่มหนึ่ง มีทั้งนักการเมือง นักวิชาการ และกลุ่มคนเสื้อแดงโดยการบงการของกลุ่มทุนทางการเมือง ได้ออกมาแสดงพฤติกรรมต่อต้านอำนาจศาลที่ว่านี้ด้วยการปฏิเสธที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญตามที่ได้มีผู้ไปร้องต่อศาลแห่งนี้ว่าคนกลุ่มนี้กระทำการอันขัดต่อรัฐธรรมนูญในการแก้มาตรา 68 แห่งรัฐธรรมนูญการปกครองฉบับที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันดังที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งพอจะสรุปเป็นประเด็นได้ดังต่อไปนี้

1. คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนำโดย นายพงษ์พิสิษฐ์ พงษ์เสนา หรือ เล็ก บ้านดอน นายธนชัย สีหิน หรือ ดีเจหนุ่ม คลอง 11 ผู้ดำเนินรายการวิทยุชุมชนเอฟเอ็ม 107.4 เมกะเฮิรตซ์ นายมงคล หนองบัวลำภู และ นายศรรัก มาลัยทอง ได้ยกพวกมาชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญ และได้โจมตีศาลด้วยถ้อยคำรุนแรง พร้อมทั้งมีการขับไล่ศาลไม่ให้ทำหน้าที่ และขู่จะยกพวกมาขับไล่ศาลในวันที่ 8 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งความดำเนินคดีต่อคนกลุ่มนี้แล้ว

2. ในขณะที่มีคนกลุ่มหนึ่งยกพวกไปล้อมศาล ทาง ส.ส. และ ส.ว.ซึ่งมีผู้ไปร้องกล่าวโทษในข้อหากระทำการขัดรัฐธรรมนูญ ได้ปฏิเสธที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้แจ้งไป จึงเท่ากับขัดคำสั่งศาลอันถือได้ว่าปฏิเสธอำนาจศาล

3. อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในขณะนี้อยู่ในฐานะนักโทษหนีคุก ได้สไกป์จากต่างประเทศแจ้งให้ ส.ส.ในฟากรัฐบาลขัดขืนอำนาจศาลด้วยการปฏิเสธที่จะชี้แจงข้อกล่าวหาตามที่มีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ

จากเหตุการณ์ทั้ง 3 ประการดังกล่าวแล้วข้างต้น จะเห็นได้ว่าสถาบันตุลาการ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ขององค์กรหลัก กำลังถูกคุกคาม และท้าทายอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และที่น่าสังเกตเป็นอย่างยิ่งก็คือ กลุ่มบุคคลผู้ท้าทายศาลเป็นคนกลุ่มเดียวกับรัฐบาลซึ่งปกครองประเทศ และมีหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จะต้องดูแลปกป้องศาลซึ่งทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด แต่รัฐบาลชุดภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่แสดงท่าทีใดๆ ว่าจะปกป้องศาล มิหนำซ้ำยังออกมาแสดงความคิดเห็นว่าคนกลุ่มที่ต่อต้านศาลกระทำไปตามครรลองแห่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยด้วยซ้ำ

ถ้าสถาบันตุลาการ อันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของผู้คนในสังคมถูกคุกคาม และขู่เข็ญดังที่เป็นอยู่ ประเทศไทยในขณะนี้ยังจะเรียกว่ามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้อีกหรือ?

เพื่อให้ท่านผู้อ่านมองเห็นเนื้อหาของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และการปกครองแบบเผด็จการในคราบของประชาธิปไตยได้อย่างชัดเจน จึงขอให้ย้อนไปอ่านแนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุ และคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วยเรื่องนี้ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของนักการเมือง และสมุนนักการเมืองที่ต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญในขณะนี้ว่าควรจะเรียกว่าเป็นเผด็จการ หรือเป็นประชาธิปไตย

แนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุที่ว่า ประชาธิปไตย ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ มิใช่ประชาชนเป็นใหญ่ เพราะถ้าประชาชนเป็นใหญ่ และประชาชนส่วนใหญ่ที่ว่าเป็นคนเลว ประเทศก็ฉิบหาย

โดยนัยนี้ ท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งเป็นปราชญ์ได้พูดไว้ชัดเจนว่า ถือประโยชน์ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับจากการกระทำของรัฐบาล มิได้ถือเสียงส่วนใหญ่ในสภาที่ออกเสียงเพื่อคนส่วนน้อย

แต่ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ นักการเมือง ทั้งในส่วนของนิติบัญญัติ และบริหาร ได้ทำเพื่อคนคนเดียว หรือกลุ่มบุคคลที่โยงใยกับบุคคลคนเดียว

สำหรับแนวคิดในทางพุทธศาสนาถือธัมมาธิปไตย คือการยึดถือความถูกต้อง และเป็นธรรม ดีที่สุดเมื่อเทียบกับอัตตาธิปไตย และโลกาธิปไตย อันหมายถึงเผด็จการ และประชาธิปไตยที่ยึดจำนวนเสียงมากกว่ายึดความถูกต้องในลักษณะพวกมากลากไปดังที่เป็นอยู่ในสภาของประเทศไทยในขณะนี้

โดยสรุป ใครก็ตามที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลเพียงเพราะไม่ถูกใจ และทำให้เสียผลประโยชน์ ผู้นั้นก็คือเผด็จการ ถึงแม้จะมาจากการเลือกตั้งก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น