โจรใต้ซุกระเบิดแสวงเครื่องเกือบ 100 กิโลกรัมฝังคอสะพานดักสังหารทหารรือเสาะ ขณะลาดตระเวน รปภ.พื้นที่ทหารพลีชีพ 2 สาหัส 3 นอกจากนี้ยังลอบเผา อบต.ในปัตตานีอีกหลายแห่ง "สวนดุสิตโพล " ชี้คน 3 จชต.ผวาเหตุกราดยิง 6 ศพในร้านของชำ ระบุรุนแรง และรับไม่ได้กับ 5 ข้อเรียกร้อง BRN "ภราดร" เชื่อคนกุข่าว "ทักษิณ" คุยดับไฟใต้ หวังต้านถกสันติ "อัยการสูงสุด" เผย 9 ปีไฟใต้สั่งฟ้องคดีความมั่นคง 907 คดี จาก 7,918 คดี สิ้นสุดศาลฎีกาเพียง 31 คดี
เมื่อเวลา 11.10 น.วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.ต.หมัดอุเส็น เหมาะสะนิ สว.เวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน สังกัด ร้อย ร.15124 ฉก.นราธิวาส 30 บริเวณคอสะพานบ้านอูยิ ม.4ต.ลาโละ อ.รือเสาะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย จึงพร้อมด้วย ร.ต.ท.รัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบว่าบริเวณคอสะพานมีหลุมลึก 1.5 เมตร กว้าง 3 เมตร และมีสายไฟฟ้าสีน้ำเงินลากยาวจากปากหลุมเข้าไปยังป่ารกทึบริมทาง 200 เมตร พร้อมทั้งมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มหนัก 90 กก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน ห่างไปประมาณ 40 เมตร เจ้าหน้าที่พบซากรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตกอยู่ไหล่ทางในสภาพถูกแรงอัดของระเบิดได้รับความเสียหายพังยับเยิน จนไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเพื่อนทหารได้แยกย้ายกันนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ และโรงพยาบาลยี่งอ ไปก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรือเสาะ ซึ่งผู้เสียชีวิต คือ จ.ส.อ.ปิยะพงศ์ อิ่มพราหมณ์ พลขับ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ จ.ส.ต.สุริยาวุฒิ พุทราคำ และ ส.ต.รัชพล ศรัทธาคลัง ส่วนที่โรงพยาบาลยี่งอ มีผู้เสียชีวิต 1 นาย คือ พลทหารกฤติกร หมื่นลิ่น ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย คือ ร.ท.สุกฤษณ์ กาญจนคลอด ผบ.ร้อย ร.15124 ฉก.นราธิวาส 30 ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นาย ที่ถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะและยี่งอ แพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ท.สุกฤษณ์ หน.ชุด ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่รวม 5 นาย โดยมี จ.ส.อ.ปิยะพงศ์ เป็นพลขับ เพื่อออกลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยพื้นที่รับผิดชอบ ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้จุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปฝังไว้บริเวณคอสะพาน จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะของ ร.ท.สุกฤษณ์ ขับผ่านมา จนทำให้รถยนต์หุ้มเกราะลอยและกระแทกไปกับถนนหลายตลบ จนไปติดอยู่ที่พุ่มไม้ไหล่ทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน
**คนร้ายลอบเผา อบต.หลายแห่งในปัตตานี
ต่อมาเวลาประมาณ 18.50 น.มีรายงานข่าวว่า เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางเพลิงสำนักงานเทศบาลตำบล (อบต.) ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหาย และในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ทำการ อบต.ประจัน ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิงและตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลาต่อมา แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า มีการลอบวางเพลิงในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานีด้วย
**ตำรวจ 660 นายถูกส่งลงนราธิวาสแล้ว
วันเดียวกัน ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนนราสิกขัย เทศบาลเมืองนราธิวาส พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ในฐานะหัวหน้าหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดใหม่ที่ผ่านการฝึกอบรมและมาบรรจุในพื้นที่ จ.นราธิวาสรวม 660 นาย โดยทั้งหมดจะลงพื้นที่เข้าประจำตามสถานีตำรวจทั้ง 13 อำเภอ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ด้านการดูแลความปลอดภัย การปิดล้อมตรวจค้น การจู่โจม รวมถึงเป็นกองกำลังที่ทดแทนกำลังหลักที่คลาดแคลนในพื้นที่
พ.ต.อ.กฤษฎา กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติงานเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยจากสถานการณ์ความไม่สงบโดยตรง เนื่องจากหลังที่เจ้าหน้าที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ทุกนายจะต้องผ่านการฝึกภาคสนามซึ่งเน้นการโจมตี การเฝ้าระวัง การปิดล้อมตรวจค้น รวมถึงด้านกฎหมายเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปภายใต้กฎหมาย
**9ปีไฟใต้สั่งฟ้องคดีความมั่นคง 907 คดี
ด้านสำนักงานอัยการสูงสุด เผยผลการศึกษาวิจัย เรื่อง “ประสิทธิภาพของรัฐในการดำเนินคดีความมั่นคงกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน : ศึกษากรณีสี่จังหวัดชายแดนใต้” พบว่าจำนวนและประเภทของคดีความมั่นคง ตั้งแต่ เริ่มปี 2547 - เดือน ก.ค.2555 มีคดีความมั่นคงทั้งหมด 7,918 คดี สามารถส่งสำนวนคดีถึงสำนักงานอัยการจังหวัด 6 แห่ง รวม 4,686 คดี เป็นคดีที่ปรากฏตัวผู้ต้องหาที่ส่งตัวมาด้วย 1,394 คดี พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องเพียง 907 คดี ซึ่งสำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้อง 907 คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษทุกข้อหา 206 คดี ลงโทษบางข้อหา 108 คดี ยกฟ้องทุกข้อหา 439 คดี อื่นๆ 154 คดี ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา 187 คดี และศาลฎีกา มีคำพิพากษา 31 คดี โดยพิพากษา ยืนตามศาลอุทธรณ์ 18 คดี ยก 2 คดี กลับ 2 คดี แก้ 7 คดี และสั่งจำหน่าย 2 คดี
**โพลชี้คน 3 จชต.ผวาเหตุยิง 6 ศพ
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็น เรื่อง "ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดอย่างไรกับสถานการณ์ภัยใต้ ณ วันนี้" โดยได้ทำการสำรวจเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลาจำนวน 542 คน ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค.56 ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 35.98 มองเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนที่ร้านขายของชำ อ.เมืองปัตตานี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง โหดร้าย น่ากลัวมากที่สุด รวมถึงกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองและคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ขณะที่ร้อยละ 34.62 แนะนำให้รัฐบาลหาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุด หาข้อตกลงในการเจรจาที่รัดกุมและไม่เสียเปรียบ
นอกจากนี้ ร้อยละ 65.18 ระบุว่า ยอมรับไม่ได้ที่กลุ่ม BRN ยื่นเงื่อนไข 5 ข้อ เพราะกลุ่มดังกล่าว ไม่มีสิทธิ์มากพอที่จะมาเรียกร้องหรือต่อรองใดๆ เงื่อนไขที่เสนอมาฟังไม่ขึ้น เหตุผลไม่เพียงพอ ทำให้ไทยเสียเปรียบ ขัดต่อกฎหมายและอาจมีผลเสียตามมา และร้อยละ 40.05 อยากให้รัฐบาลจริงจัง และจริงใจในการแก้ปัญหา และอยากให้ภาคใต้สงบสุขโดยเร็ว
**"ภราดร"สั่งสืบ 5 ข้อเสนอ"BRN"
ทางด้าน พล.ท.ภราดร พัฒถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และสงขลา ซึ่งประชาชนกว่าร้อยละ 60 ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายไทยที่จะรับ 5 ข้อเสนอของกลุ่มขบวนการ BRN ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งที่รับฟังไว้เท่านั้น ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรที่เสนอ ส่วนผลสำรวจทางวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และข้อมูลที่สะท้อนความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ผ่านเวทีรับฟังความเห็น ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น คณะพูดคุยฝ่ายรัฐบาลไทยจะหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกับคณะของตัวแทนกลุ่มขบวนการ BRN ในการพูดคุยสันติภาพ วันที่ 13 มิ.ย.ที่มาเลเซีย ด้วย
"เราจะนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นฐานข้อมูลเพื่อไปแลกเปลี่ยนกับคณะตัวแทนกลุ่ม BRN ว่า ประชาชนในพื้นที่คิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อของเขา โดยจะเป็นการต่อสู้เชิงวิชาการระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย เพราะขบวนการ BRN มีหลายกลุ่ม ดังนั้น จึงต้องสืบสภาพว่าข้อเสนอทั้ง 5 ข้อเป็นข้อเสนอของประชาชนในพื้นที่จริงหรือไม่ หรือเป็นข้อเสนอของกลุ่มหัวรุนแรงเท่านั้น สุดท้ายแล้วเมื่อนำฐานข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไรก็จะต้องไปหาจุดร่วมที่ลงตัวร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย โดยให้น้ำหนักไปแก้ปัญหากลุ่มที่เป็นปัญหาหรือกลุ่มที่เป็นเยาวชนเป็นหลัก" พล.ท.ภราดร กล่าว
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการพูดคุยกับกลุ่มแกนนำหรือครูสอนศาสนาในพื้นที่ภาคใต้คู่ขนานไปกับคณะพูดคุยของรัฐบาลไทยนั้น เลขาฯ สมช.กล่าวว่า มองว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อต่อต้านหรือคัดค้านการพูดคุยของรัฐบาล เพราะกลุ่มคนที่ออกมาปล่อยข่าว เขารู้ว่าหากมีชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรื่องใดของรัฐบาล ก็จะดิสเครดิต ความน่าเชื่อถือในเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เช่น การพูดคุยเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ เป็นต้น.
เมื่อเวลา 11.10 น.วันนี้ (5 พ.ค.) พ.ต.ต.หมัดอุเส็น เหมาะสะนิ สว.เวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวน สังกัด ร้อย ร.15124 ฉก.นราธิวาส 30 บริเวณคอสะพานบ้านอูยิ ม.4ต.ลาโละ อ.รือเสาะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย จึงพร้อมด้วย ร.ต.ท.รัฐวิทย์ วันเพ็ญศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบว่าบริเวณคอสะพานมีหลุมลึก 1.5 เมตร กว้าง 3 เมตร และมีสายไฟฟ้าสีน้ำเงินลากยาวจากปากหลุมเข้าไปยังป่ารกทึบริมทาง 200 เมตร พร้อมทั้งมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มหนัก 90 กก. จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน ห่างไปประมาณ 40 เมตร เจ้าหน้าที่พบซากรถยนต์กระบะหุ้มเกราะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตกอยู่ไหล่ทางในสภาพถูกแรงอัดของระเบิดได้รับความเสียหายพังยับเยิน จนไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเพื่อนทหารได้แยกย้ายกันนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะ และโรงพยาบาลยี่งอ ไปก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรือเสาะ ซึ่งผู้เสียชีวิต คือ จ.ส.อ.ปิยะพงศ์ อิ่มพราหมณ์ พลขับ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ จ.ส.ต.สุริยาวุฒิ พุทราคำ และ ส.ต.รัชพล ศรัทธาคลัง ส่วนที่โรงพยาบาลยี่งอ มีผู้เสียชีวิต 1 นาย คือ พลทหารกฤติกร หมื่นลิ่น ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย คือ ร.ท.สุกฤษณ์ กาญจนคลอด ผบ.ร้อย ร.15124 ฉก.นราธิวาส 30 ซึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นาย ที่ถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลรือเสาะและยี่งอ แพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ท.สุกฤษณ์ หน.ชุด ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่รวม 5 นาย โดยมี จ.ส.อ.ปิยะพงศ์ เป็นพลขับ เพื่อออกลาดตระเวนตรวจสอบความเรียบร้อยพื้นที่รับผิดชอบ ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบริมทาง ได้จุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปฝังไว้บริเวณคอสะพาน จนเกิดระเบิดขึ้นในขณะที่รถยนต์หุ้มเกราะของ ร.ท.สุกฤษณ์ ขับผ่านมา จนทำให้รถยนต์หุ้มเกราะลอยและกระแทกไปกับถนนหลายตลบ จนไปติดอยู่ที่พุ่มไม้ไหล่ทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อลอบดักสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน
**คนร้ายลอบเผา อบต.หลายแห่งในปัตตานี
ต่อมาเวลาประมาณ 18.50 น.มีรายงานข่าวว่า เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนได้ลอบวางเพลิงสำนักงานเทศบาลตำบล (อบต.) ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหาย และในเวลาไล่เลี่ยกัน ยังเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ทำการ อบต.ประจัน ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิงและตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลาต่อมา แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า มีการลอบวางเพลิงในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานีด้วย
**ตำรวจ 660 นายถูกส่งลงนราธิวาสแล้ว
วันเดียวกัน ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนนราสิกขัย เทศบาลเมืองนราธิวาส พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ในฐานะหัวหน้าหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้ร่วมมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดใหม่ที่ผ่านการฝึกอบรมและมาบรรจุในพื้นที่ จ.นราธิวาสรวม 660 นาย โดยทั้งหมดจะลงพื้นที่เข้าประจำตามสถานีตำรวจทั้ง 13 อำเภอ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ด้านการดูแลความปลอดภัย การปิดล้อมตรวจค้น การจู่โจม รวมถึงเป็นกองกำลังที่ทดแทนกำลังหลักที่คลาดแคลนในพื้นที่
พ.ต.อ.กฤษฎา กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติงานเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยจากสถานการณ์ความไม่สงบโดยตรง เนื่องจากหลังที่เจ้าหน้าที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ทุกนายจะต้องผ่านการฝึกภาคสนามซึ่งเน้นการโจมตี การเฝ้าระวัง การปิดล้อมตรวจค้น รวมถึงด้านกฎหมายเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปภายใต้กฎหมาย
**9ปีไฟใต้สั่งฟ้องคดีความมั่นคง 907 คดี
ด้านสำนักงานอัยการสูงสุด เผยผลการศึกษาวิจัย เรื่อง “ประสิทธิภาพของรัฐในการดำเนินคดีความมั่นคงกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน : ศึกษากรณีสี่จังหวัดชายแดนใต้” พบว่าจำนวนและประเภทของคดีความมั่นคง ตั้งแต่ เริ่มปี 2547 - เดือน ก.ค.2555 มีคดีความมั่นคงทั้งหมด 7,918 คดี สามารถส่งสำนวนคดีถึงสำนักงานอัยการจังหวัด 6 แห่ง รวม 4,686 คดี เป็นคดีที่ปรากฏตัวผู้ต้องหาที่ส่งตัวมาด้วย 1,394 คดี พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องเพียง 907 คดี ซึ่งสำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้อง 907 คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษทุกข้อหา 206 คดี ลงโทษบางข้อหา 108 คดี ยกฟ้องทุกข้อหา 439 คดี อื่นๆ 154 คดี ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา 187 คดี และศาลฎีกา มีคำพิพากษา 31 คดี โดยพิพากษา ยืนตามศาลอุทธรณ์ 18 คดี ยก 2 คดี กลับ 2 คดี แก้ 7 คดี และสั่งจำหน่าย 2 คดี
**โพลชี้คน 3 จชต.ผวาเหตุยิง 6 ศพ
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็น เรื่อง "ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดอย่างไรกับสถานการณ์ภัยใต้ ณ วันนี้" โดยได้ทำการสำรวจเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.สงขลาจำนวน 542 คน ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค.56 ผลสำรวจพบว่าร้อยละ 35.98 มองเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนที่ร้านขายของชำ อ.เมืองปัตตานี จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 ศพ เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง โหดร้าย น่ากลัวมากที่สุด รวมถึงกลัวว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองและคนในครอบครัวหรือคนรู้จัก ขณะที่ร้อยละ 34.62 แนะนำให้รัฐบาลหาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุด หาข้อตกลงในการเจรจาที่รัดกุมและไม่เสียเปรียบ
นอกจากนี้ ร้อยละ 65.18 ระบุว่า ยอมรับไม่ได้ที่กลุ่ม BRN ยื่นเงื่อนไข 5 ข้อ เพราะกลุ่มดังกล่าว ไม่มีสิทธิ์มากพอที่จะมาเรียกร้องหรือต่อรองใดๆ เงื่อนไขที่เสนอมาฟังไม่ขึ้น เหตุผลไม่เพียงพอ ทำให้ไทยเสียเปรียบ ขัดต่อกฎหมายและอาจมีผลเสียตามมา และร้อยละ 40.05 อยากให้รัฐบาลจริงจัง และจริงใจในการแก้ปัญหา และอยากให้ภาคใต้สงบสุขโดยเร็ว
**"ภราดร"สั่งสืบ 5 ข้อเสนอ"BRN"
ทางด้าน พล.ท.ภราดร พัฒถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และสงขลา ซึ่งประชาชนกว่าร้อยละ 60 ไม่เห็นด้วยกับฝ่ายไทยที่จะรับ 5 ข้อเสนอของกลุ่มขบวนการ BRN ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งที่รับฟังไว้เท่านั้น ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรที่เสนอ ส่วนผลสำรวจทางวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต และข้อมูลที่สะท้อนความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ผ่านเวทีรับฟังความเห็น ซึ่งดำเนินการโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น คณะพูดคุยฝ่ายรัฐบาลไทยจะหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกับคณะของตัวแทนกลุ่มขบวนการ BRN ในการพูดคุยสันติภาพ วันที่ 13 มิ.ย.ที่มาเลเซีย ด้วย
"เราจะนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นฐานข้อมูลเพื่อไปแลกเปลี่ยนกับคณะตัวแทนกลุ่ม BRN ว่า ประชาชนในพื้นที่คิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอทั้ง 5 ข้อของเขา โดยจะเป็นการต่อสู้เชิงวิชาการระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย เพราะขบวนการ BRN มีหลายกลุ่ม ดังนั้น จึงต้องสืบสภาพว่าข้อเสนอทั้ง 5 ข้อเป็นข้อเสนอของประชาชนในพื้นที่จริงหรือไม่ หรือเป็นข้อเสนอของกลุ่มหัวรุนแรงเท่านั้น สุดท้ายแล้วเมื่อนำฐานข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไรก็จะต้องไปหาจุดร่วมที่ลงตัวร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย โดยให้น้ำหนักไปแก้ปัญหากลุ่มที่เป็นปัญหาหรือกลุ่มที่เป็นเยาวชนเป็นหลัก" พล.ท.ภราดร กล่าว
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการพูดคุยกับกลุ่มแกนนำหรือครูสอนศาสนาในพื้นที่ภาคใต้คู่ขนานไปกับคณะพูดคุยของรัฐบาลไทยนั้น เลขาฯ สมช.กล่าวว่า มองว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อต่อต้านหรือคัดค้านการพูดคุยของรัฐบาล เพราะกลุ่มคนที่ออกมาปล่อยข่าว เขารู้ว่าหากมีชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินการเรื่องใดของรัฐบาล ก็จะดิสเครดิต ความน่าเชื่อถือในเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ เช่น การพูดคุยเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ เป็นต้น.
