ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ผ่านพ้น “วันแรงงานแห่งชาติ” 1 พฤษภาคม 2556 ไปสดๆ ร้อนๆ ก็ทำให้เห็นสถานการณ์ของแรงงานไทยในปัจจุบันและในอนาคตว่า น่าเป็นห่วงอย่างไร เพราะเป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า ยังไม่สามารถผลิตแรงงานให้เพียงพอกับความต้องการได้ กล่าวคือเฉพาะทางด้านปริมาณ ไม่รวมถึงคุณภาพ ประเทศไทยมีความต้องการแรงงานไทยเกิน 40 ล้านคน คือต้องการอยู่ที่ประมาณ 42-43ล้านคน โดยส่วนเกิน 2-3 ล้านคนนั้นคือแรงงานต่างด้าว
ขณะที่ค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทก็ทำเอาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กกระอักเลือดไปตามๆ กัน
มีข้อมูลจาก ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ซึ่งแสดงความคิดเห็นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า ยุทธศาสตร์แรงงานไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยก็ยังคงต้องแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในเชิงปริมาณ ซึ่งต้องมียุทธศาสตร์ทั้งการเพิ่มปริมาณและคุณภาพ
สำหรับการแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานทำได้ 2 ทาง คือ 1. เมื่อธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง และจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีบางส่วนมาใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลง การแก้ปัญหาแรงงานจึงต้องทำให้มีคนออกมาทำงานเร็วขึ้น โดยให้คนออกมาสู่ตลาดแรงงานเมื่อถึงวัยทำงานโดยได้รับค่าตอบแทนที่ดีและไม่ต้องเรียนมากปีเกินไป หรือสามารถให้เขาออกมาประกอบอาชีพได้หลังจากจบมัธยมปลาย(สายอาชีพ/สายสามัญ) และนำหลักการเรียนรู้ตลอดชีวิตมาใช้ คือ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย 2. การนำเข้าวัยทำงานมาเติมในส่วนที่ขาด โดยต้องมีกระบวนการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้อง โดยมีกระบวนการในการล้างคนเก่าที่ผิดกฎหมายให้หมดไปแล้วนำคนที่ถูกต้องเข้าทำงานโดยมีจำนวนหรือโควตาที่ชัดเจน
ส่วนการเข้าสู่ตลาดแรงงานอาเซียนนั้น จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ ในการสร้างมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงงานให้ชัดเจน เพราะเราไม่มีโอกาสจะกันแรงงานต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ แรงงานในภาคบริการโดยเฉพาะ 32 อาชีพที่เกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ภัตตาคาร รีสอร์ท เนื่องจากมีอาชีพหลายอย่างที่มีข้อตกลงกันในกลุ่มอาเซียนที่ใช้คนมาตรฐานไม่สูงมาก ทำให้ธุรกิจที่มีการลงทุนในไทยสามารถนำแรงงานจากต่างประเทศเข้ามาได้ ซึ่งเป็นการเข้ามาแย่งงานคนไทยทางอ้อมและกันได้ยาก
ไปที่เรื่องที่ต้องขอแสดงความยินดีกันบ้าง.....
เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา มร.มาซาอากิ สึยะ ประธานกรรมการบริหาร และผู้แทนคณะกรรมการบริหาร บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น พร้อมด้วย มร.ชิเกรุ คาเนโกะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตน สเปเชียลตี้ ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ ผู้แทนจากนิคมอุตสาหกรรม และบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง ได้เข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างโรงงานแห่งใหม่ของบริดจสโตนเพื่อผลิตยางรถบรรทุกหนักสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้างและเหมืองแร่ โดยโรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง จะเริ่มกระบวนการผลิตได้ภายในปี 2558 และขยายกำลังการผลิตเต็มศักยภาพ ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 85 ตัน/วัน ภายในปี 2562
ตามต่อด้วยจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมด้วย นวพร เรืองสกุล ประธานคณะทำงานตัดสินโครงการประกวดแข่งขันแนวความคิดในการออกแบบ “ศูนย์การเรียนรู้ตลาดทุนไทย” ร่วมแสดงความยินดีและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการประกวดแนวคิดการนำเสนอความรู้ด้านการเงินและการลงทุน หัวข้อ “รู้ เข้าใจ เกิดแรงบันดาลใจ ลงทุนผ่านตลาดทุน” ให้แก่ผลงานที่มีความโดดเด่นด้านสร้างแรงบันดาลใจ น.ส.จันทิมา จันทประดิษฐ์ ผลงานที่มีความโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์ นายตรัย ศรีหทัย และผลงานที่มีความโดดเด่นด้านการตีความองค์ความรู้ นายอรรถพล วงษ์ตา ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลจะเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสร้างศูนย์การเรียนรู้ตลาดทุนไทย ณ สำนักงานแห่งใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีลักษณะเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการวางแผนการเงินและการลงทุน และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าชม
ส่วนกิจกรรมเด็ดๆ ที่พลาดไม่ได้เห็นจะเป็นของศูนย์การเรียนรู้การดูแลสุขภาพภาคประชาชน ด้านการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่จัดกิจกรรม “รู้โรค …รักษ์โลก ลดร้อน” เอาใจหนุ่มสาววัยทำงานในเดือนพฤษภาคม ให้รู้ทันโรคภัยด้วยสมุนไพรใกล้ตัว พร้อมกิจกรรมการสาธิตการปรุงอาหารต้านโรคยอดฮิตของวัยทำงาน และร่วมกิจกรรมรักษ์โลก ลดร้อน กับการปลูกสมุนไพรไม้มงคล ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08:30 - 16:00 น.
โดยในวันที่ 11 - 13 พฤษภาคม 2556 พบกับ กิจกรรมรู้โรค (วัยทำงาน)…รักษาง่ายๆ ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว “ไมเกรน, นิ้วล็อค, ปวดกล้ามเนื้อและข้อ” ร่วมเรียนรู้การทำน้ำมันนวด และการสาธิตท่าบริหาร การนวดรักษาไมเกรน นิ้วล็อค นวดง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง
วันที่ 18 - 19 รู้โรค (วัยทำงาน)….รักษาง่ายๆ ด้วยตัวเอง “ริดสีดวงทวาร, ทางเดินปัสสาวะอักเสบ” ร่วมเรียนรู้การใช้สมุนไพรรักษาริดสีดวงด้วยตนเอง และการสาธิตการทำชาสมุนไพรแก้ขัดเบา เคลียทางเดินปัสสาวะ
และ 24 - 26 พฤษภาคม 2556 พบกับ กิจกรรม ล้างพิษ...ง่ายๆ ด้วยสมุนไพรใกล้ตัว...กับราชายาล้างพิษ การสาธิตการล้างพิษด้วยรางจืด หญ้าดอกขาวลดการอยากบุหรี่ ลดการอยากอาหาร และข้าวดูดสารพิษ มิตรแท้ทางเดินอาหาร ยาแก้เมาและยาระบายรำข้าว
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและลงทะเบียนได้ที่ 037-211-088 ต่อ 3333 หรือ 087-582-0597
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
บัลลังก์เขมรร้าว
หลังจากติดตาม “ท่านทูตวีรชัย พลาศรัย” เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายไทยในคดีปราสาทพระวิหารให้ถ้อยแถลงต่อสู้คดีด้วยวาจาต่อศาลโลกจบสิ้นลงได้ไม่นานนัก ก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าสนใจ หนังสือเล่มนี้มีขื่อว่า บัลลังก์เขมรร้าว เป็นหนังสือที่บันทึกความเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินลูกหลานพระยาละแวกช่วงที่ระบอบกษัตริย์ของเขมรต้องล่มสลายลงไปต่อเนื่องด้วยช่วงที่เขมรแดงนำโดย พล พต ได้เข้าบริหารประเทศจนส่งผลให้ชาวเขมรต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก
หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานของ ดอกเตอร์ พี.แชนเลอร์ ที่ได้เปิดเผยชีวิตที่ปิดลับมานานของพล พต ซึ่งเป็นชื่อจัดตั้งตามรอยผู้นำคอมมิวนิสต์หลายคนที่เขาชื่นชอบ หรือ สล็อท ชาร์ ซึ่งเป็นชื่อที่แท้จริง เชื่อได้ว่าผู้ที่ได้อ่านจะสามารถทำความเข้าใจกับประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ของเขมรได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และที่สำคัญคือจะทำให้เข้าใจบริบททางประศาสตร์ก่อนที่ฮุนเซนจะเถลิงอำนาจการปกครองแผ่นดินเขมรมาจนถึงปัจจุบัน
สามารถหาคำตอบได้ในบัลลังก์เขมรร้าว
ส่วนผู้ที่ถอดความเป็นภาษาไทยก็คือ บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์ พี่ใหญ่ในวงการหนังสือพิมพ์ที่หลายคนรู้จักกันดี
เป็นหนังสือที่อยากแนะนำให้ไปหาอ่านกัน แม้จะตีพิมพ์มาแล้วนานพอสมควร แต่เชื่อว่าไม่น่าจะหายากเท่าใดนัก และเมื่ออ่านแล้วจะรู้ว่า ใคร? สีหนุหรือพล พต ที่ทำให้แผ่นดินเขมรลุกเป็นไฟ
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com