ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ใบปลิวโจรใต้เกลื่อนยะลา ใช้ชื่อ "นักรบฟาตอนี" ประกาศจะต่อสู้เพื่อขบวนการ BRN และ"ฆ่าทุกคนไม่เว้นเด็กและผู้หญิง" อ้างฆ่า 6 ศพที่ปัตตานีเพื่อล้างแค้นให้ 4 ศพ พร้อมบุกยิงถล่มโรงพักยี่งอ-วาง จยย.บอมบ์ป่วนนราฯ ขณะที่เลขา สมช.เชื่อยิง 6 ศพล้างแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวพูดคุยสันติภาพบีอาร์เอ็น "เจะอามิง"โต้ "ภราดร" ยิง 6 ศพโยงป่วนใต้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว จี้ สมช.ทบทวนเจรจา หวั่นชาวบ้านเราเคราะห์รุนแรง "มาร์ค" แนะ สมช.-ศอ.บต. เปิดเกมรุกเวทีเจรจา 13 มิ.ย.นี้ "นช.แม้ว"โพสต์เฟซบุ๊กเชิญทุกกลุ่มเจรจาทำไฟใต้สงบ
เวลา 05.50 น.วานนี้ (2 พ.ค.) พ.ต.ท.พรหมพัฒน์ สนิทศรี รอง ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณถนนสิโรรส ช่วงทางพาดรถไฟ อ.เมือง จ.ยะลา หลังพบใบปลิวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี วางทิ้งไว้บนถนน โดยลักษณะของใบปลิวเป็นการพิมพ์ข้อความลงในกระดาษ A4 แล้วนำไปถ่ายเอกสาร โดยมีใจความว่า "พี่น้องนักรบ ฟาตอนีทุกคน เราได้ล้างแค้นให้กับพวกท่านแล้ว เราตายไป 4 คน แต่เราอาคืนมากกว่าเดิม ขอให้เหล่านักรบ ฟาตอนีทุกคนจงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินของเราจะต้องญีฮาต 6 คน ที่ปัตตานีจะเป็นบทเรียนให้ซีแยได้จดจำว่าเราจะฆ่าทุกคนไม่เว้นเด็ก หรือผู้หญิง เราจะต่อสู้เพื่อขบวนการ BRN ที่ยิ่งใหญ่ของเรา พวกเราจะทำให้ซีแยต้องยอมรับข้อเสนอของเราในทุกทาง จงสู้ต่อไป ลงชื่อ นักรบฟาตอนี" นอกจากนี้ พบว่าคนร้ายยังได้ทิ้งใบปลิวลักษณะเดียวกันอีกในหลายพื้นที่
โดย พ.ต.ท.พรหมพัฒน์ สนิทศรี รอง ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้เก็บใบปลิวที่พบไปตรวจสอบ เพื่อหาที่มาของใบปลิว พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบุคคล ยานพาหนะต้องสงสัย และออกตรวจสอบย่านชุมชนในพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทำร้ายเป้าหมายที่อ่อนแอ โดยเฉพาะชุมชนไทยพุทธ
**ยิงโรงพักยี่งอ - จยย.บอมบ์หวิดตายหมู่
เวลา 07.30 น.พ.ต.ท.วศิน สืบสมบัติ รอง ผกก.ส.ส.สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกยิงตำรวจประจำป้อมจุดตรวจ สภ.ยี่งอหลังเก่า ปัจจุบันใช้เป็นที่พักสายตรวจตั้งอยู่บนถนนรามโกมุท ม.1 ต.ยี่งอ จึงนำกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบป้อมจุดตรวจและที่นั่งพักสายตรวจมีร่องรอยถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรู 4 จุด โดยเฉพาะที่บริเวณถนนข้าง สภ.ยี่งอหลังเก่า เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ของคนร้ายตกอยู่ 4 ปลอก
โดยเหตุเกิดขณะที่ ด.ต.เยาว์ เกื้อนุ้ย ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ยี่งอ และ ส.ต.อ.ธีระพงศ์ เนตรรุ่ง กำลังปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรยามอยู่ที่ป้อม ได้มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนข้าง สภ.ยี่งอหลังเก่า คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ 4 นัดซ้อน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์แล่นผ่านมาประสบเหตุ ทำให้คนร้ายรีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเวลา 09.30 น.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบจักรยานยนต์บอมบ์ ป้ายทะเบียน ขตท 387 นธ (ทะเบียนปลอม) หน้า สภ.ยี่งอ จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ และทำการเก็บกู้พบเป็นระเบิดขนาด 15 กิโลกรัมต่อจุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุ i-com บรรจุในช่องใส่หมวกกันน็อกเจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทัน ทำให้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รอดตายหวุดหวิด
**ผบก.ปัตตานีสั่งเร่งล่ากลุ่มยิง6ศพ
ด้านความคืบหน้าคดีคนร้ายกราดยิงร้านขายของชำ จนมีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ 1 ในนั้นเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาวานนี้ (2 พ.ค.) พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้เร่งให้ชุดสืบสวนสอบสวนนำชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูลรูปพรรณของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมไปกับให้ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานเร่งเก็บดีเอ็นเอจากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะจากปลอกกระสุนอาวุธปืนสงครามที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับหลักฐานการใช้อาวุธปืนที่ผ่านมาว่ามีความเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ใดบ้าง ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการระบุถึงกลุ่มก่อเหตุ ซึ่งปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุพบว่า มาจากอาวุธปืนสงคราม 3 ชนิด ประกอบด้วย อาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า และปืนเอชเค รวม 114 ปลอก นอกจากนี้ ยังกำชับให้ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด
นอกจากนี้ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี สั่งการให้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเพื่อออกติดตามไล่ล่าหากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมในครั้งนี้ ด้วยการออกปิดล้อมตรวจคนพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ทั้งในเขต อ.เมือง อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง และ อ.ยะรัง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.เมือง ที่เป็นจุดเกิดเหตุ โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายทั้งหมดจะยังคงหลบซอนตัว และได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ และโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่เด็กวัย 3 ขวบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อออกหมายจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ด้านชุดสืบสวนสอบสวน ระบุว่า กลุ่มที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุในลักษณ์นี้ในพื้นที่ แต่ยังไม่ฟันธงว่าจะเป็นกลุ่มของนายมะซอเร ดือรามะ และนายสักการียา โต๊ะตาหยง ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม RKK รับผิดชอบในเขต อ.เมืองปัตตานี เพราะอาจจะเป็นชุดแนวร่วมชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการฝึก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีรายงานจากหน่วยความมั่นคงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจากหลายกลุ่มได้มีการวางแผนเพื่อเตรียมก่อเหตุด้วยการลอบวางระเบิดที่ประกอบเสร็จแล้วในรถจักรยานยนต์ 3 คัน โดยมุ่งก่อเหตุในเขต อ.เมืองปัตตานี แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการตรึงกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มคนร้ายปรับเปลี่ยนแผนก่อเหตุต่อประชาชน พร้อมทั้งได้ทิ้งใบปลิวไว้เพื่อแสดงศักยภาพว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงเคลื่อนไหว และก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง
**นายกฯเรียกประชุมความมั่นคง
เวลา 10.00 น.ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผบ.ทบ., พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร., นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช., พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต., นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังคนร้ายก่อเหตุกราดยิงร้านชำมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ
**เลขาฯสมช.เชื่อ6ศพไม่เกี่ยวคุยสันติ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมถึงเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงร้านขายของชำใน จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 6 ศพว่า ไม่เกี่ยวข้องและไม่ใช่การตอบโต้การพูดคุยระหว่างไทยกับบีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 29 เม.ย. และไม่ได้เป็นการกดดันให้ไทยรับ 5 ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็น เบื้องต้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นการล้างแค้นส่วนตัว เนื่องจากในที่เกิดเหตุพบป้ายที่มีข้อความในลักษณะที่ต้องการแก้แค้น ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงก่อน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคนร้ายยิงชาวบ้าน 6 ศพที่ จ.ปัตตานีว่า หลังเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง.ผอ.รมน.) รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มมาตรการการดูแลต่อเป้าหมายที่อ่อนแอให้ดีที่สุด รวมถึงการเร่งติดตามนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้
**เผย"นายกฯ"สะเทือนใจ 6 ศพ
พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองทัพบกหนึ่งในผู้ร่วมคณะพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เปิดเผยหลังร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบฯว่า นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนที่ อ.เมืองปัตตานี จนทำให้ผู้มีเสียชีวิตถึง 6 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 3 ขวบ โดยผู้ว่าฯระบุว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนเอชเค ในการก่อเหตุและจากการตรวจสอบปลอกกระสุนก็พบว่า ปืนเอชเคเคยใช้ก่อเหตุสังหารประชาชนไทยพุทธและไทยมุสลิมในพื้นที่มาแล้ว 18 คดี ซึ่งนายกฯ รู้สึกทะเทือนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย และทุกคนในที่ประชุมก็ได้ประณามคนร้ายที่สังหารประชาชนอย่างโหดเหี้ยมด้วย
เมื่อถามว่าการพูดคุยสันติภาพยังต้องดำเนินการต่อไปหรือไม่ พล.ต.นักรบ กล่าวว่า ต้องดำเนินการต่อไป เพราะอย่างน้อยฝ่ายไทยก็ได้เห็นตัวตนของฝ่ายตรงข้ามว่ามีใครบ้าง
**"เจะอามิง"โต้"ภราดร"ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่ เลขาฯ สมช.ออกมาระบุว่าเหตุการณ์ยิงกราดฆ่าหมู่ 6 ศพ เป็นการล้างแค้นส่วนตัวนั้น ตนเองยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐได้วิสามัญกลุ่มจรยุทธ์ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ จ.นราธิวาส นี่จึงเป็นการตอบโต้อำนาจรัฐว่าไม่สามารถให้ความคุ้มครองและดูแลความปลอดภัยกับชาวบ้านได้จริง นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำว่าตัวแทนบีอาร์เอ็น ไม่สามารถควบคุมสั่งการต่อกลุ่มจรยุทธ์ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ได้
"อีกสาเหตุที่กล้าฟันธงว่าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไฟใต้ โดยเฉพาะการกรณีการเจรจาสันติภาพของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ยื่นเงื่อนไขให้รัฐไทย 5 ข้อคือหลังเกิดเหตุฆ่าหมู่ 6 ศพ ก็มีใบปลิวแจกจ่ายในเขต อ.เมืองยะลา และลงในเฟสบุ๊ก ซึ่งใบปลิวนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเชื่อมโยงถึงข้อเสนอ 5 ข้อของบีอาร์เอ็นและสถานการณ์ไฟใต้ โดยมีการใช้คำว่า “ซีแย” ในที่นี้หมายถึงรัฐไทย ถึงเวลาที่เลขาฯ สมช.จะต้องยอมรับความจริงว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่ตัดตอน ตัดต่อปมปัญหาออก ดังนั้นจึงต้องถามว่าถึงเวลาทบทวนการเจรจาหรือยัง เพราะคุยไปฆ่าไปแบบนี้ เชื่อว่าชาวบ้านจะรับเคราะห์ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เลขาฯ สมช.หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงไทยต้องทบทวนตั้งเงื่อนไขต่อบีอาร์เอ็นแล้วว่า หากจะคุยต่อบีอาร์เอ็นก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นก่อนว่า สามารถสั่งการควบคุมกลุ่มอาร์เคเค หรือกลุ่มอื่นที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ ให้ยุติใช้ความรุนแรงหรือจะใช้ชีวิตชาวบ้านให้รับเคราะห์แทน"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกหนักใจเพราะฝ่ายผู้มาเจรจาสันติภาพกับรัฐบาล ยืนยันว่า สามารถคุยกับคนปฏิบัติการในพื้นที่ได้ แต่ก็เกิดเหตุเช่นนี้ ดังนั้น สมช.และเลขาธิการศอ.บต. ต้องเป็นหลักในเรื่องนี้โดยในการเจรจาวันที่ 13 มิ.ย. นี้ เราต้องหนักแน่น และรุกกลับในเวทีเจรจา โดยไม่ควรรับข้อเสนอจากฝ่ายตรงข้าม
**แม้วบินมาเลย์ขออุสตาซชวนถกดับไฟใต้
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Thaksin Shinawatra ระบุถึงการเดินทางไปเยือนมาเลเซีย และฮ่องกง ในช่วงวันที่ 27-29 เมษายน 2556 โดยมีรายละเอียดดังนี้ “วันที่ 27 เมษายน กลางคืน ผมบินไปถึงกัวลาลัมเปอร์ ได้ไปพบท่านอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด และท่านนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ ในวันที่ 28 ครับ เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่อง ASEAN และสังเกตการณ์เลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค.นี้ เท่าที่ประเมินทาง UMNO ก็น่าจะชนะอย่างไม่มีปัญหา เหลือเพียงว่าจะถึง 2 ใน 3 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐที่เป็น Swing Vote บางรัฐ ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนไทย นอกจากนั้นก็ได้พบกับนักธุรกิจมาเลเซียที่สนใจไปลงทุนในต่างประเทศไทยอีก 4-5 ราย
ในวันที่ 29 ก่อนจะเดินทางมาฮ่องกงก็ได้พบกับอุสตาซ(ครูสอนศาสนา) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของไทย ก็เลยขอความร่วมมือช่วยกันทำให้ภาคใต้สงบ โดยขอให้เชิญทุกกลุ่มมาพูดคุยกับคณะของสภาความมั่นคงเพื่อประสานความเข้าใจ และช่วยกันพัฒนาประเทศให้เกิดความผาสุกด้วยกันครับ”
เวลา 05.50 น.วานนี้ (2 พ.ค.) พ.ต.ท.พรหมพัฒน์ สนิทศรี รอง ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณถนนสิโรรส ช่วงทางพาดรถไฟ อ.เมือง จ.ยะลา หลังพบใบปลิวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี วางทิ้งไว้บนถนน โดยลักษณะของใบปลิวเป็นการพิมพ์ข้อความลงในกระดาษ A4 แล้วนำไปถ่ายเอกสาร โดยมีใจความว่า "พี่น้องนักรบ ฟาตอนีทุกคน เราได้ล้างแค้นให้กับพวกท่านแล้ว เราตายไป 4 คน แต่เราอาคืนมากกว่าเดิม ขอให้เหล่านักรบ ฟาตอนีทุกคนจงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินของเราจะต้องญีฮาต 6 คน ที่ปัตตานีจะเป็นบทเรียนให้ซีแยได้จดจำว่าเราจะฆ่าทุกคนไม่เว้นเด็ก หรือผู้หญิง เราจะต่อสู้เพื่อขบวนการ BRN ที่ยิ่งใหญ่ของเรา พวกเราจะทำให้ซีแยต้องยอมรับข้อเสนอของเราในทุกทาง จงสู้ต่อไป ลงชื่อ นักรบฟาตอนี" นอกจากนี้ พบว่าคนร้ายยังได้ทิ้งใบปลิวลักษณะเดียวกันอีกในหลายพื้นที่
โดย พ.ต.ท.พรหมพัฒน์ สนิทศรี รอง ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้เก็บใบปลิวที่พบไปตรวจสอบ เพื่อหาที่มาของใบปลิว พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบุคคล ยานพาหนะต้องสงสัย และออกตรวจสอบย่านชุมชนในพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทำร้ายเป้าหมายที่อ่อนแอ โดยเฉพาะชุมชนไทยพุทธ
**ยิงโรงพักยี่งอ - จยย.บอมบ์หวิดตายหมู่
เวลา 07.30 น.พ.ต.ท.วศิน สืบสมบัติ รอง ผกก.ส.ส.สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกยิงตำรวจประจำป้อมจุดตรวจ สภ.ยี่งอหลังเก่า ปัจจุบันใช้เป็นที่พักสายตรวจตั้งอยู่บนถนนรามโกมุท ม.1 ต.ยี่งอ จึงนำกำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบป้อมจุดตรวจและที่นั่งพักสายตรวจมีร่องรอยถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรู 4 จุด โดยเฉพาะที่บริเวณถนนข้าง สภ.ยี่งอหลังเก่า เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 ของคนร้ายตกอยู่ 4 ปลอก
โดยเหตุเกิดขณะที่ ด.ต.เยาว์ เกื้อนุ้ย ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ยี่งอ และ ส.ต.อ.ธีระพงศ์ เนตรรุ่ง กำลังปฏิบัติหน้าที่เข้าเวรยามอยู่ที่ป้อม ได้มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนข้าง สภ.ยี่งอหลังเก่า คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ 4 นัดซ้อน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์แล่นผ่านมาประสบเหตุ ทำให้คนร้ายรีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ต่อมาเวลา 09.30 น.เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งพบจักรยานยนต์บอมบ์ ป้ายทะเบียน ขตท 387 นธ (ทะเบียนปลอม) หน้า สภ.ยี่งอ จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ และทำการเก็บกู้พบเป็นระเบิดขนาด 15 กิโลกรัมต่อจุดชนวนระเบิดด้วยวิทยุ i-com บรรจุในช่องใส่หมวกกันน็อกเจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้ทัน ทำให้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รอดตายหวุดหวิด
**ผบก.ปัตตานีสั่งเร่งล่ากลุ่มยิง6ศพ
ด้านความคืบหน้าคดีคนร้ายกราดยิงร้านขายของชำ จนมีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ 1 ในนั้นเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาวานนี้ (2 พ.ค.) พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้เร่งให้ชุดสืบสวนสอบสวนนำชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูลรูปพรรณของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ พร้อมไปกับให้ชุดตรวจพิสูจน์หลักฐานเร่งเก็บดีเอ็นเอจากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะจากปลอกกระสุนอาวุธปืนสงครามที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับหลักฐานการใช้อาวุธปืนที่ผ่านมาว่ามีความเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ใดบ้าง ทั้งนี้ เพื่อให้ง่ายต่อการระบุถึงกลุ่มก่อเหตุ ซึ่งปลอกกระสุนที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุพบว่า มาจากอาวุธปืนสงคราม 3 ชนิด ประกอบด้วย อาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนอาก้า และปืนเอชเค รวม 114 ปลอก นอกจากนี้ ยังกำชับให้ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด
นอกจากนี้ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี สั่งการให้สนธิกำลังร่วม 3 ฝ่ายเพื่อออกติดตามไล่ล่าหากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมในครั้งนี้ ด้วยการออกปิดล้อมตรวจคนพื้นที่เป้าหมายหลายจุด ทั้งในเขต อ.เมือง อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง และ อ.ยะรัง ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.เมือง ที่เป็นจุดเกิดเหตุ โดยเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายทั้งหมดจะยังคงหลบซอนตัว และได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นสร้างความสะเทือนใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ และโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่เด็กวัย 3 ขวบ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อออกหมายจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ด้านชุดสืบสวนสอบสวน ระบุว่า กลุ่มที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุในลักษณ์นี้ในพื้นที่ แต่ยังไม่ฟันธงว่าจะเป็นกลุ่มของนายมะซอเร ดือรามะ และนายสักการียา โต๊ะตาหยง ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม RKK รับผิดชอบในเขต อ.เมืองปัตตานี เพราะอาจจะเป็นชุดแนวร่วมชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับการฝึก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีรายงานจากหน่วยความมั่นคงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจากหลายกลุ่มได้มีการวางแผนเพื่อเตรียมก่อเหตุด้วยการลอบวางระเบิดที่ประกอบเสร็จแล้วในรถจักรยานยนต์ 3 คัน โดยมุ่งก่อเหตุในเขต อ.เมืองปัตตานี แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้มีการตรึงกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทำให้กลุ่มคนร้ายปรับเปลี่ยนแผนก่อเหตุต่อประชาชน พร้อมทั้งได้ทิ้งใบปลิวไว้เพื่อแสดงศักยภาพว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงเคลื่อนไหว และก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง
**นายกฯเรียกประชุมความมั่นคง
เวลา 10.00 น.ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผบ.ทบ., พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร., นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช., พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต., นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังคนร้ายก่อเหตุกราดยิงร้านชำมีผู้เสียชีวิต 6 ศพ
**เลขาฯสมช.เชื่อ6ศพไม่เกี่ยวคุยสันติ
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาฯ สมช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมถึงเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงร้านขายของชำใน จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 6 ศพว่า ไม่เกี่ยวข้องและไม่ใช่การตอบโต้การพูดคุยระหว่างไทยกับบีอาร์เอ็น เมื่อวันที่ 29 เม.ย. และไม่ได้เป็นการกดดันให้ไทยรับ 5 ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็น เบื้องต้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นการล้างแค้นส่วนตัว เนื่องจากในที่เกิดเหตุพบป้ายที่มีข้อความในลักษณะที่ต้องการแก้แค้น ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงก่อน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคนร้ายยิงชาวบ้าน 6 ศพที่ จ.ปัตตานีว่า หลังเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง.ผอ.รมน.) รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น โดยเฉพาะเพิ่มมาตรการการดูแลต่อเป้าหมายที่อ่อนแอให้ดีที่สุด รวมถึงการเร่งติดตามนำผู้กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้
**เผย"นายกฯ"สะเทือนใจ 6 ศพ
พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 กองทัพบกหนึ่งในผู้ร่วมคณะพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น เปิดเผยหลังร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบฯว่า นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงประชาชนที่ อ.เมืองปัตตานี จนทำให้ผู้มีเสียชีวิตถึง 6 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 3 ขวบ โดยผู้ว่าฯระบุว่าคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนเอชเค ในการก่อเหตุและจากการตรวจสอบปลอกกระสุนก็พบว่า ปืนเอชเคเคยใช้ก่อเหตุสังหารประชาชนไทยพุทธและไทยมุสลิมในพื้นที่มาแล้ว 18 คดี ซึ่งนายกฯ รู้สึกทะเทือนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย และทุกคนในที่ประชุมก็ได้ประณามคนร้ายที่สังหารประชาชนอย่างโหดเหี้ยมด้วย
เมื่อถามว่าการพูดคุยสันติภาพยังต้องดำเนินการต่อไปหรือไม่ พล.ต.นักรบ กล่าวว่า ต้องดำเนินการต่อไป เพราะอย่างน้อยฝ่ายไทยก็ได้เห็นตัวตนของฝ่ายตรงข้ามว่ามีใครบ้าง
**"เจะอามิง"โต้"ภราดร"ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่ เลขาฯ สมช.ออกมาระบุว่าเหตุการณ์ยิงกราดฆ่าหมู่ 6 ศพ เป็นการล้างแค้นส่วนตัวนั้น ตนเองยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้แน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐได้วิสามัญกลุ่มจรยุทธ์ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ จ.นราธิวาส นี่จึงเป็นการตอบโต้อำนาจรัฐว่าไม่สามารถให้ความคุ้มครองและดูแลความปลอดภัยกับชาวบ้านได้จริง นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำว่าตัวแทนบีอาร์เอ็น ไม่สามารถควบคุมสั่งการต่อกลุ่มจรยุทธ์ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ได้
"อีกสาเหตุที่กล้าฟันธงว่าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไฟใต้ โดยเฉพาะการกรณีการเจรจาสันติภาพของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ยื่นเงื่อนไขให้รัฐไทย 5 ข้อคือหลังเกิดเหตุฆ่าหมู่ 6 ศพ ก็มีใบปลิวแจกจ่ายในเขต อ.เมืองยะลา และลงในเฟสบุ๊ก ซึ่งใบปลิวนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเชื่อมโยงถึงข้อเสนอ 5 ข้อของบีอาร์เอ็นและสถานการณ์ไฟใต้ โดยมีการใช้คำว่า “ซีแย” ในที่นี้หมายถึงรัฐไทย ถึงเวลาที่เลขาฯ สมช.จะต้องยอมรับความจริงว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่ตัดตอน ตัดต่อปมปัญหาออก ดังนั้นจึงต้องถามว่าถึงเวลาทบทวนการเจรจาหรือยัง เพราะคุยไปฆ่าไปแบบนี้ เชื่อว่าชาวบ้านจะรับเคราะห์ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เลขาฯ สมช.หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงไทยต้องทบทวนตั้งเงื่อนไขต่อบีอาร์เอ็นแล้วว่า หากจะคุยต่อบีอาร์เอ็นก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นก่อนว่า สามารถสั่งการควบคุมกลุ่มอาร์เคเค หรือกลุ่มอื่นที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างๆ ให้ยุติใช้ความรุนแรงหรือจะใช้ชีวิตชาวบ้านให้รับเคราะห์แทน"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกหนักใจเพราะฝ่ายผู้มาเจรจาสันติภาพกับรัฐบาล ยืนยันว่า สามารถคุยกับคนปฏิบัติการในพื้นที่ได้ แต่ก็เกิดเหตุเช่นนี้ ดังนั้น สมช.และเลขาธิการศอ.บต. ต้องเป็นหลักในเรื่องนี้โดยในการเจรจาวันที่ 13 มิ.ย. นี้ เราต้องหนักแน่น และรุกกลับในเวทีเจรจา โดยไม่ควรรับข้อเสนอจากฝ่ายตรงข้าม
**แม้วบินมาเลย์ขออุสตาซชวนถกดับไฟใต้
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว Thaksin Shinawatra ระบุถึงการเดินทางไปเยือนมาเลเซีย และฮ่องกง ในช่วงวันที่ 27-29 เมษายน 2556 โดยมีรายละเอียดดังนี้ “วันที่ 27 เมษายน กลางคืน ผมบินไปถึงกัวลาลัมเปอร์ ได้ไปพบท่านอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด และท่านนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ ในวันที่ 28 ครับ เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่อง ASEAN และสังเกตการณ์เลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ค.นี้ เท่าที่ประเมินทาง UMNO ก็น่าจะชนะอย่างไม่มีปัญหา เหลือเพียงว่าจะถึง 2 ใน 3 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐที่เป็น Swing Vote บางรัฐ ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนไทย นอกจากนั้นก็ได้พบกับนักธุรกิจมาเลเซียที่สนใจไปลงทุนในต่างประเทศไทยอีก 4-5 ราย
ในวันที่ 29 ก่อนจะเดินทางมาฮ่องกงก็ได้พบกับอุสตาซ(ครูสอนศาสนา) ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของไทย ก็เลยขอความร่วมมือช่วยกันทำให้ภาคใต้สงบ โดยขอให้เชิญทุกกลุ่มมาพูดคุยกับคณะของสภาความมั่นคงเพื่อประสานความเข้าใจ และช่วยกันพัฒนาประเทศให้เกิดความผาสุกด้วยกันครับ”