00 ต้องบอกว่ากำลังเข้าสู้ช่วงท้ายๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มเห็นหน้าเห็นหลังกันมากขึ้น กับ "แผนชั่ว" ที่คิดจะทำลายล้างศาลรัฐธรรมนูญของ ทักษิณ ชินวัตร กับบรรดาลิ่วล้อ และแนวร่วมหลากหลายสายพันธุ์ เพราะเห็นว่าศาลเป็นอุปสรรคต่อการ "รวบอำนาจ-ฮุบประเทศ" อย่างเบ็ดเสร็จ เห็นว่าเป็นเพราะศาลรธน.นี่แหละ ที่ยังไม่อาจเข้าไปครอบงำ สั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ ทำให้ไม่อาจเดินหน้าแก้ไขรธน.ตามใจชอบ
00 ขณะเดียวกันนาทีนี้สำหรับ ทักษิณ ถือว่าเวลาเหลือน้อยลงทุกที หากคิดจะ "กลับบ้านอย่างเท่" โดยไม่ต้องรับผิด แม้ว่าถ้าพิจารณาจากบรรยากาศเท่าที่เห็นอาจดูคึกคักทั้งในรื่องการผลักดันการแก้ไข รธน.แบบรายมาตรา และเริ่มเดินเครื่องในร่างพรบ.นิรโทษฯกับ พรบ.ปรองดอง ที่ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง รับอาสาเดินสายชี้แจงกับชาวบ้าน แต่เมื่อสำรวจอย่างละเอียดในทุกแนวรบนั้นแม้ว่าดูเหมือนฝ่ายแม้วจะชนะ เพราะกุมเอาไว้แทบจะทุกกลไกอย่างเบ็ดเสร็จ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ต้องเจอปัญหาสะดุดแทบทุกเรื่อง
00 เริ่มจากกรณีที่กำลังดาหน้าถล่มตุลาการศาลรธน.กันอย่างเมามันนั้น เอาเข้าจริงมันก็ยิ่งสร้างภาพลบให้กับตัวเอง เพราะเหมือนกับว่าไม่เคารพขื่อแป ดูยังไงก็ไม่งาม ขณะเดียวกันฝ่ายศาลแม้ว่าจะดูเหมือนเงียบ แต่ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เพราะถ้าฟังจากปากของ ประธานศาลฯคือ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ที่สั่งให้รวบรวมข้อมูล ถอดคำพูดที่ด่าศาลกันทุกเม็ดเพื่อฟ้แงร้องดำเนินคดี พร้อมประกาศให้รู้ล่วงหน้าด้วย "เจอแน่" หรือแม้แต่ท่าทีของ จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลฯอีกคนหนึ่งที่ย้ำให้เห็นว่า "ไม่เคยหวั่นไหว"กับแรงกดดันแบบนี้ และเชื่อว่าเมื่อครบกำหนดเวลาที่ศาลกำหนดให้สมาชิกรัฐสภา 312 คนที่โหวตหนุนแก้ไขรธน.มาตรา 68 มาชี้แจงภายใน 15 เมื่อถึงเวลาก็ต้องเดินหน้าวินิจฉัย จะมาอ้างว่ายังไม่เห็นหนังสือที่ศาลส่งมาให้ไปชี้แจงไม่ได้ และถ้าพิจารณาจากอาการที่ป่วนกันอยู่ตอนนี้ทำให้ดูเหมือนว่า แม้วและเครือข่ายคงจะรู้สัญญาณล่วงหน้าตั้งแต่ที่ศาลฯรับคำร้องให้ตีความเรื่องการแก้ไขมาตรา 68 มิชอบแล้วหรือไม่
00 นับวันชาวบ้านเขายิ่งรำคาญกับพวก "บ้าประชาธิปไตย" คำก็ประชาธิปไตยสองคำก็ประชาธิปไตย อ้างแต่เสียงข้างมาก คิดว่าสามารถทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ ทำได้แม้กระทั่งย่ำยีศาลย่ำยีกระบวนการยุติธรรม เพียงเพราะ "โจรถ่อย" เพียงคนเดียวเท่านั้นยังไม่สมประโยชน์ และวิธีการก็แสนจะทุเรศนั่นคือยุยงอยู่ข้างนอก ตัวเองยังเสวยสุขสบายใจ พอสถานการณ์ตึงเครียดทีไรก็ให้ครอบครัวลูกเมียเผ่นเอาตัวรอดไปก่อนทุกที ทุด !!
00 นี่ก็อีกรายเสียคนตอนแก่ หมดคุณค่ากู่ไม่กลับแล้วสำหรับ อุกฤษ มงคลนาวิน ที่หากพลิกย้อนดูอดีตล้วนแล้วได้ดิบได้ดีมีตำแหน่งแห่งที่ล้วนมาจากระบอบเผด็จการทั้งสิ้น มาวันนี้เปลี่ยนแนวมารับใช้ "เผด็จการสภา" แทน ออกมาห้อยโหนไม่ยอมตกขบวน เสนอให้รื้อระบบศาลรธน.ทำหน้าที่วินิจฉัยกม.เฉพาะที่ผ่านการพิจารณาของ สว.-สส.แล้วเท่านั้น ทำหน้าที่ไม่ต่างจากกฤษฎีกา และให้ยึดโยงกับสภา อ้างว่าเป็นอำนาจปวงชน แม้ไม่พูดออกมาตรงๆแต่ความหมายน่าจะให้ "พวกนักการเมืองเลวในสภา" เป็นคนเลือกตุลาการศาลรธน.และให้ลดวาระลงเหลือแค่ 4 ปี ทุด นี่มันใช้สมองส่วนไหนคิด เพี้ยนหรือ "วิปริต" ไปแล้วหรือเปล่า ทุด !!
00 ขณะเดียวกันนาทีนี้สำหรับ ทักษิณ ถือว่าเวลาเหลือน้อยลงทุกที หากคิดจะ "กลับบ้านอย่างเท่" โดยไม่ต้องรับผิด แม้ว่าถ้าพิจารณาจากบรรยากาศเท่าที่เห็นอาจดูคึกคักทั้งในรื่องการผลักดันการแก้ไข รธน.แบบรายมาตรา และเริ่มเดินเครื่องในร่างพรบ.นิรโทษฯกับ พรบ.ปรองดอง ที่ รตอ.เฉลิม อยู่บำรุง รับอาสาเดินสายชี้แจงกับชาวบ้าน แต่เมื่อสำรวจอย่างละเอียดในทุกแนวรบนั้นแม้ว่าดูเหมือนฝ่ายแม้วจะชนะ เพราะกุมเอาไว้แทบจะทุกกลไกอย่างเบ็ดเสร็จ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ต้องเจอปัญหาสะดุดแทบทุกเรื่อง
00 เริ่มจากกรณีที่กำลังดาหน้าถล่มตุลาการศาลรธน.กันอย่างเมามันนั้น เอาเข้าจริงมันก็ยิ่งสร้างภาพลบให้กับตัวเอง เพราะเหมือนกับว่าไม่เคารพขื่อแป ดูยังไงก็ไม่งาม ขณะเดียวกันฝ่ายศาลแม้ว่าจะดูเหมือนเงียบ แต่ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เพราะถ้าฟังจากปากของ ประธานศาลฯคือ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ที่สั่งให้รวบรวมข้อมูล ถอดคำพูดที่ด่าศาลกันทุกเม็ดเพื่อฟ้แงร้องดำเนินคดี พร้อมประกาศให้รู้ล่วงหน้าด้วย "เจอแน่" หรือแม้แต่ท่าทีของ จรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลฯอีกคนหนึ่งที่ย้ำให้เห็นว่า "ไม่เคยหวั่นไหว"กับแรงกดดันแบบนี้ และเชื่อว่าเมื่อครบกำหนดเวลาที่ศาลกำหนดให้สมาชิกรัฐสภา 312 คนที่โหวตหนุนแก้ไขรธน.มาตรา 68 มาชี้แจงภายใน 15 เมื่อถึงเวลาก็ต้องเดินหน้าวินิจฉัย จะมาอ้างว่ายังไม่เห็นหนังสือที่ศาลส่งมาให้ไปชี้แจงไม่ได้ และถ้าพิจารณาจากอาการที่ป่วนกันอยู่ตอนนี้ทำให้ดูเหมือนว่า แม้วและเครือข่ายคงจะรู้สัญญาณล่วงหน้าตั้งแต่ที่ศาลฯรับคำร้องให้ตีความเรื่องการแก้ไขมาตรา 68 มิชอบแล้วหรือไม่
00 นับวันชาวบ้านเขายิ่งรำคาญกับพวก "บ้าประชาธิปไตย" คำก็ประชาธิปไตยสองคำก็ประชาธิปไตย อ้างแต่เสียงข้างมาก คิดว่าสามารถทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ ทำได้แม้กระทั่งย่ำยีศาลย่ำยีกระบวนการยุติธรรม เพียงเพราะ "โจรถ่อย" เพียงคนเดียวเท่านั้นยังไม่สมประโยชน์ และวิธีการก็แสนจะทุเรศนั่นคือยุยงอยู่ข้างนอก ตัวเองยังเสวยสุขสบายใจ พอสถานการณ์ตึงเครียดทีไรก็ให้ครอบครัวลูกเมียเผ่นเอาตัวรอดไปก่อนทุกที ทุด !!
00 นี่ก็อีกรายเสียคนตอนแก่ หมดคุณค่ากู่ไม่กลับแล้วสำหรับ อุกฤษ มงคลนาวิน ที่หากพลิกย้อนดูอดีตล้วนแล้วได้ดิบได้ดีมีตำแหน่งแห่งที่ล้วนมาจากระบอบเผด็จการทั้งสิ้น มาวันนี้เปลี่ยนแนวมารับใช้ "เผด็จการสภา" แทน ออกมาห้อยโหนไม่ยอมตกขบวน เสนอให้รื้อระบบศาลรธน.ทำหน้าที่วินิจฉัยกม.เฉพาะที่ผ่านการพิจารณาของ สว.-สส.แล้วเท่านั้น ทำหน้าที่ไม่ต่างจากกฤษฎีกา และให้ยึดโยงกับสภา อ้างว่าเป็นอำนาจปวงชน แม้ไม่พูดออกมาตรงๆแต่ความหมายน่าจะให้ "พวกนักการเมืองเลวในสภา" เป็นคนเลือกตุลาการศาลรธน.และให้ลดวาระลงเหลือแค่ 4 ปี ทุด นี่มันใช้สมองส่วนไหนคิด เพี้ยนหรือ "วิปริต" ไปแล้วหรือเปล่า ทุด !!