ASTVผู้จัดการรายวัน-"ปู"หารือหน่วยงานมั่นคง แก้ปัญหาไฟใต้ด้วยสันติวิธี สมช.ยันคุยบีอาร์เอ็นรอบ 3 ตามกำหนดเดิม 29 เม.ย. แม้สถานการณ์ยังป่วน เผยยังไม่ชัดมีกลุ่มใหม่เข้าหารือหรือไม่ มั่นใจกลุ่มติดป้ายประท้วง หวังร่วมวงคุย สั่งเจ้าหน้าที่ระวังครบรอบ 9 ปีกรือเซะ หน่วยงานมั่นคงจับตาป่วนก่อนเจรจา ด้านทบ. สั่งเลิกใช้จีที 200 ตรวจระเบิดใน 3 จังหวัดใต้ หลังศาลลอนดอนชี้เป็นเครื่องลวงโลก
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (24 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาและแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 22 ที่ประเทศบรูไนตารุสซาลาม ระหว่างวันที่ 24-25 เม.ย.2556
พล.ท.ภราดร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ติดตามการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ว่าขับเคลื่อนอย่างไร และมีปัญหาอะไร โดยจะเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงลักษณะนี้ทุกสัปดาห์ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศปก.กปต. เสนอให้มีการตั้งสำนักงานของ ศปก.กปต.นั้น ขณะนี้ยังคงใช้พื้นที่ใน สมช. ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติม โดยได้มีการปรับพื้นที่ตึก สมช.แล้ว
สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ที่มีอย่างต่อเนื่องนั้น ขณะนี้ยังคงจับภาพที่จุดเกิดเหตุในพื้นที่ ซึ่งยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่ควบคุมไม่ออกไปไหน โดยนายกฯ ได้ยืนยันการแก้ปัญหาโดยใช้สันติวิธี และเน้นช่องทางที่จะสื่อสารพูดคุยกับทุกกลุ่ม โดยฝ่ายความมั่นคงได้ทำความเข้าใจกับนายกฯ แล้ว เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามปฏิบัติการในแง่จิตวิทยาการเมือง นอกจากนี้ นายกฯ ต้องการให้งานพัฒนากับงานความมั่นคงทำงานคู่ขนานและมีความรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นปัญหา โดยเน้นภาพรวมว่า งานพัฒนาพื้นฐานให้ทางสภาพัฒน์ฯ มาช่วยเสริมควบคู่กับ ศอ.บต. และในช่วงเดือนพ.ค. กำลังพล อส. ตำรวจ จะลงพื้นที่เพิ่มเติม จะทำให้ภาระของทหารเบาลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า อาจมีการเลื่อนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในวันที่ 29 เม.ย.ออกไป พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อน เพราะการเลื่อนต้องมีความเห็นพ้องของทั้งสามฝ่าย ทั้งฝ่ายไทย มาเลเซีย และขบวนการ การพูดคุยต้องเป็นไปตามนโยบาย และยังคงต้องหาช่องทางที่จะพูดคุยหลายกลุ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ตัวแทนที่จะเดินทางไปพูดคุยครั้งนี้ จะใช้กรอบเดิมคือ 15 คน โดยนั่งโต๊ะเจรจา 9 คน ซึ่งที่ผ่านมา มีกลุ่มพูโลเข้ามาเพิ่มเติม และตอนนี้คาดว่าจะมีหลายฝ่ายและกลุ่มอื่นเข้ามาเพิ่มเติมอีก
เมื่อถามว่ายังมีกลุ่มที่คัดค้านการพูดคุยโดยการติดป้ายในหลายพื้นที่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ความหมายของเขาไม่ได้คัดค้านการพูดคุย แต่ต้องให้คนในพื้นที่รับรู้ เขาไม่ได้ปฏิเสธการพูดคุย ตามหลักภาษาศาสตร์แล้ว เขาเห็นด้วย แต่ขอให้พูดคุยกับคนในพื้นที่ และถามความเห็นของคนในพื้นที่ ส่วนการที่อยากพูดคุยด้วย แล้วก่อเหตุระเบิดไปเรื่อยๆ นั้น คาดว่าจะสืบได้ เพราะขณะนี้กระทรวงมหาดไทยมีข้อมูลพอสมควรแล้ว
สำหรับการดูแลความปลอดภัยในวันครบรอบ 9 ปี เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะนั้น ในวันที่ 28 เม.ย. พล.ท.ภราดร ระบุว่า ฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติการเต็มที่อยู่แล้ว แต่เรื่องปัญหาทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่ไม่ต้องการที่จะพูดถึง เพราะต้องการให้เป็นบรรยากาศที่น่าท่องเที่ยว ส่วนการที่มาเลเซียตรึงกำลังบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียนั้น เป็นเพียงการจัดระเบียบในพื้นที่ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีอะไร เพราะคนสองสัญชาติตอนนี้มีเยอะพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแพ้การเลือกตั้ง โต๊ะเจรจาจะยังอยู่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเชิงนโยบายของรัฐบาล และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผลประโยชน์ของประเทศเขาด้วย หากพื้นที่ดังกล่าวไม่เป็นปัญหา มาเลเซียกับไทยรับกินด้วยกัน จะได้ประโยชน์ร่วมกันในเรื่องของงานพัฒนา ทำให้การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างแข็งแรง และรัฐบาลไทยไม่ได้มีสัมพันธภาพแค่กับนายนาจิบ ราซัก แต่กับฝ่ายค้านของมาเลเซียก็ถือว่าไปด้วยกันได้ และหากสังเกตดีๆ ระหว่างที่เกิดกระบวนการพูดคุยจะไม่เคยเห็นฝ่ายค้านของมาเลเซียออกมาคัดค้านเลย ดังนั้น การเจรจาคงเกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไป เพราะตรงนี้อย่างไรต้องเห็นพ้องกันทั้งสามฝ่าย
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงมั่นใจในตัวนายฮัสซัน ตอยิบว่าจะไม่ล้มการเจรจา พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในทางการข่าวที่ผ่านมายืนยันว่าเขายังเป็นแกนนำที่มีบทบาทอยู่ในบีอาร์เอ็น แต่เขายอมรับว่าแกนนำในสภาของขบวนการบีอาร์เอ็นส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่มีกลุ่มน้อยที่ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่นายฮัสซัน ตอยิบ มาในฐานะเสียงส่วนใหญ่ ที่มีนายสะแปอิง บาซอ และนายมะแซ อุเซ็ง รวมอยู่ด้วย
***สั่งจับตาความเคลื่อนไหว 7 แกนนำ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงทั้ง 5 อำเภออย่างต่อเนื่องทั้ง อ.จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย และหาดใหญ่ โดยล่าสุดหน่วยงานด้านการข่าวได้เฝ้าจับตาความเคลื่อนไวของ นายไซนูบาเซ สุหลงเส็น แกนนำอาร์เคเคระดับสั่งการใน อ.สะบ้าย้อย โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้สั่งการให้กลุ่มแนวร่วมออกมาสร้างความปั่นป่วนแขวนป้ายผ้าต่อต้านการเจรจากับบีอาร์เอ็นรวม 8 จุดใน อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย พร้อมๆ กับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และอาจจะออกมาก่อกวนในพื้นที่สี่อำเภอชายแดนสงขลาในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งจะมีการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นและครบรอบ9 ปีเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ
ส่วนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีการเฝ้าระวังสูงสุดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบุคคลต้องสงสัยที่เป็น 7 แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งให้กำลังทุกหน่วยรวมทั้งอาสาสมัครภาคประชาชนเฝ้าระวังและตรวจสอบ ประกอบด้วย นายอมีนูดีน หมะจิ, นายวัชรินทร์ เล๊าะยิ, นายฮัมบาหลี หวังยิ, นายเสรีย์ แวมามุ และนายรุสลัน ใบหมะ สองผู้ต้องหาระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์, นายการียา สาเมาะ,และ นายอับดุลตอเละ กาสอ
**คาดป่วนใต้หนักถึงวันคุยสันติภาพรอบ 3
นายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า คาดว่าความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ยังจะคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงวันพูดคุยรอบที่ 3 แน่นอน และไม่ว่าจะเป็นการก่อเหตุที่มีเป้าหมายสร้างสถานการณ์รายวันในพื้นที่หรือมีเป้าประสงค์ทำลายบรรยากาศการพูดคุยสันติภาพ แต่ขอยืนยันว่าทุกอย่างจะไม่มีการล้มโต๊ะการพูดคุยแน่นอน เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จะคลี่คลายและบรรเทาเบาบางลงได้ด้วยการที่ทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุย
** ทบ.สั่งระงับใช้จีที200
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอาญากลาง กรุงลอนดอน ตัดสินว่า นายเจมส์ แม็คคอร์มิค นักธุรกิจชาวอังกฤษ มีความผิดฐานฉ้อโกง หลอกขายเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดขนาดมือถือ “เอดีอี 651” ให้แก่กองทัพและสำนักงานตำรวจหลายประเทศทั่วโลก และยังเป็นผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่น "จีที 200" ขายให้กับกองทัพบกไทย ว่า ปัจจุบันเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 ถูกสั่งระงับการใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปนานแล้ว หลังจากที่มีข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพการใช้ว่าสามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้จริงหรือไม่
ทั้งนี้ กองทัพบก โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้น จึงมีคำสั่งให้ระงับการใช้จนกว่าจะมีการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ ต่อมาเมื่อผลการพิสูจย์ออกมาว่าไม่สามารถใช้การได้ ทางกองทัพก็ยอมรับทุกอย่างตามกระบวนการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก คนปัจจุบัน ก็สั่งการเน้นย้ำให้ยุติการใช้งานเครื่อง จีที 200 อีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการจัดซื้อจัดหาเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด Fido มาทดแทน จีที 200 เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
***"ธาริต"ย้ำสอบแล้วพบห่วยจริง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2556 คณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้รับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากบริษัทเอกชนได้เสนอขายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย จีที 200 และ อัลฟ่า 6 ไม่มีประสิทธิภาพให้กับหน่วยราชการของไทย 13 หน่วยงาน จำนวน 1,358 เครื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 1,137,588,990 บาท โดยในการสอบสวนของดีเอสไอ ได้มีการสอบปากคำผู้กล่าวหา พยานบุคคลที่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อและคณะกรรมการตรวจรับ และพยานผู้ใช้เครื่องประมาณ 90 ปาก ซึ่งให้การยืนยันว่าเครื่องมือทั้ง 2 ชนิดไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถใช้งานได้จริง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานผลการดำเนินงานการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้ทำการทดสอบยืนยันว่า เครื่องจีที 200 และอัลฟ่า 6 ไม่มีประสิทธิภาพด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น ศาลอังกฤษตัดสินให้นักธุรกิจชาวอังกฤษรายหนึ่งมีความผิดฐานฉ้อโกงเมื่อวันที่ 23เม.ย. หลังทำเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐ จากการหลอกขายอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ADE 651 ที่อาศัยกลไกการทำงานของเครื่องมือค้นหาลูกกอล์ฟให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในนั้นรวมไปถึงไทย ซึ่งก่อความเสี่ยงต่อชีวิตแก่ผู้ใช้มากกว่าที่จะปกป้องตามที่ผู้ขายกล่าวอ้าง
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (24 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.อารยะ งามประมวญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการพัฒนาและแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 22 ที่ประเทศบรูไนตารุสซาลาม ระหว่างวันที่ 24-25 เม.ย.2556
พล.ท.ภราดร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ติดตามการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ว่าขับเคลื่อนอย่างไร และมีปัญหาอะไร โดยจะเรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงลักษณะนี้ทุกสัปดาห์ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศปก.กปต. เสนอให้มีการตั้งสำนักงานของ ศปก.กปต.นั้น ขณะนี้ยังคงใช้พื้นที่ใน สมช. ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มเติม โดยได้มีการปรับพื้นที่ตึก สมช.แล้ว
สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ที่มีอย่างต่อเนื่องนั้น ขณะนี้ยังคงจับภาพที่จุดเกิดเหตุในพื้นที่ ซึ่งยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่ควบคุมไม่ออกไปไหน โดยนายกฯ ได้ยืนยันการแก้ปัญหาโดยใช้สันติวิธี และเน้นช่องทางที่จะสื่อสารพูดคุยกับทุกกลุ่ม โดยฝ่ายความมั่นคงได้ทำความเข้าใจกับนายกฯ แล้ว เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามปฏิบัติการในแง่จิตวิทยาการเมือง นอกจากนี้ นายกฯ ต้องการให้งานพัฒนากับงานความมั่นคงทำงานคู่ขนานและมีความรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นปัญหา โดยเน้นภาพรวมว่า งานพัฒนาพื้นฐานให้ทางสภาพัฒน์ฯ มาช่วยเสริมควบคู่กับ ศอ.บต. และในช่วงเดือนพ.ค. กำลังพล อส. ตำรวจ จะลงพื้นที่เพิ่มเติม จะทำให้ภาระของทหารเบาลง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่า อาจมีการเลื่อนการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในวันที่ 29 เม.ย.ออกไป พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการเลื่อน เพราะการเลื่อนต้องมีความเห็นพ้องของทั้งสามฝ่าย ทั้งฝ่ายไทย มาเลเซีย และขบวนการ การพูดคุยต้องเป็นไปตามนโยบาย และยังคงต้องหาช่องทางที่จะพูดคุยหลายกลุ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ตัวแทนที่จะเดินทางไปพูดคุยครั้งนี้ จะใช้กรอบเดิมคือ 15 คน โดยนั่งโต๊ะเจรจา 9 คน ซึ่งที่ผ่านมา มีกลุ่มพูโลเข้ามาเพิ่มเติม และตอนนี้คาดว่าจะมีหลายฝ่ายและกลุ่มอื่นเข้ามาเพิ่มเติมอีก
เมื่อถามว่ายังมีกลุ่มที่คัดค้านการพูดคุยโดยการติดป้ายในหลายพื้นที่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ความหมายของเขาไม่ได้คัดค้านการพูดคุย แต่ต้องให้คนในพื้นที่รับรู้ เขาไม่ได้ปฏิเสธการพูดคุย ตามหลักภาษาศาสตร์แล้ว เขาเห็นด้วย แต่ขอให้พูดคุยกับคนในพื้นที่ และถามความเห็นของคนในพื้นที่ ส่วนการที่อยากพูดคุยด้วย แล้วก่อเหตุระเบิดไปเรื่อยๆ นั้น คาดว่าจะสืบได้ เพราะขณะนี้กระทรวงมหาดไทยมีข้อมูลพอสมควรแล้ว
สำหรับการดูแลความปลอดภัยในวันครบรอบ 9 ปี เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะนั้น ในวันที่ 28 เม.ย. พล.ท.ภราดร ระบุว่า ฝ่ายความมั่นคงปฏิบัติการเต็มที่อยู่แล้ว แต่เรื่องปัญหาทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่ไม่ต้องการที่จะพูดถึง เพราะต้องการให้เป็นบรรยากาศที่น่าท่องเที่ยว ส่วนการที่มาเลเซียตรึงกำลังบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียนั้น เป็นเพียงการจัดระเบียบในพื้นที่ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีอะไร เพราะคนสองสัญชาติตอนนี้มีเยอะพอสมควร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียแพ้การเลือกตั้ง โต๊ะเจรจาจะยังอยู่หรือไม่ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเชิงนโยบายของรัฐบาล และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผลประโยชน์ของประเทศเขาด้วย หากพื้นที่ดังกล่าวไม่เป็นปัญหา มาเลเซียกับไทยรับกินด้วยกัน จะได้ประโยชน์ร่วมกันในเรื่องของงานพัฒนา ทำให้การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างแข็งแรง และรัฐบาลไทยไม่ได้มีสัมพันธภาพแค่กับนายนาจิบ ราซัก แต่กับฝ่ายค้านของมาเลเซียก็ถือว่าไปด้วยกันได้ และหากสังเกตดีๆ ระหว่างที่เกิดกระบวนการพูดคุยจะไม่เคยเห็นฝ่ายค้านของมาเลเซียออกมาคัดค้านเลย ดังนั้น การเจรจาคงเกิดขึ้นต่อเนื่องต่อไป เพราะตรงนี้อย่างไรต้องเห็นพ้องกันทั้งสามฝ่าย
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงมั่นใจในตัวนายฮัสซัน ตอยิบว่าจะไม่ล้มการเจรจา พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในทางการข่าวที่ผ่านมายืนยันว่าเขายังเป็นแกนนำที่มีบทบาทอยู่ในบีอาร์เอ็น แต่เขายอมรับว่าแกนนำในสภาของขบวนการบีอาร์เอ็นส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่มีกลุ่มน้อยที่ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่นายฮัสซัน ตอยิบ มาในฐานะเสียงส่วนใหญ่ ที่มีนายสะแปอิง บาซอ และนายมะแซ อุเซ็ง รวมอยู่ด้วย
***สั่งจับตาความเคลื่อนไหว 7 แกนนำ
ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงทั้ง 5 อำเภออย่างต่อเนื่องทั้ง อ.จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย และหาดใหญ่ โดยล่าสุดหน่วยงานด้านการข่าวได้เฝ้าจับตาความเคลื่อนไวของ นายไซนูบาเซ สุหลงเส็น แกนนำอาร์เคเคระดับสั่งการใน อ.สะบ้าย้อย โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นผู้สั่งการให้กลุ่มแนวร่วมออกมาสร้างความปั่นป่วนแขวนป้ายผ้าต่อต้านการเจรจากับบีอาร์เอ็นรวม 8 จุดใน อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย พร้อมๆ กับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และอาจจะออกมาก่อกวนในพื้นที่สี่อำเภอชายแดนสงขลาในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งจะมีการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นและครบรอบ9 ปีเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ
ส่วนในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีการเฝ้าระวังสูงสุดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบุคคลต้องสงสัยที่เป็น 7 แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่อาจจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ซึ่งให้กำลังทุกหน่วยรวมทั้งอาสาสมัครภาคประชาชนเฝ้าระวังและตรวจสอบ ประกอบด้วย นายอมีนูดีน หมะจิ, นายวัชรินทร์ เล๊าะยิ, นายฮัมบาหลี หวังยิ, นายเสรีย์ แวมามุ และนายรุสลัน ใบหมะ สองผู้ต้องหาระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์, นายการียา สาเมาะ,และ นายอับดุลตอเละ กาสอ
**คาดป่วนใต้หนักถึงวันคุยสันติภาพรอบ 3
นายอาซิส เบ็ญหาวัน ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า คาดว่าความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ยังจะคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงวันพูดคุยรอบที่ 3 แน่นอน และไม่ว่าจะเป็นการก่อเหตุที่มีเป้าหมายสร้างสถานการณ์รายวันในพื้นที่หรือมีเป้าประสงค์ทำลายบรรยากาศการพูดคุยสันติภาพ แต่ขอยืนยันว่าทุกอย่างจะไม่มีการล้มโต๊ะการพูดคุยแน่นอน เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จะคลี่คลายและบรรเทาเบาบางลงได้ด้วยการที่ทุกฝ่ายหันหน้ามาพูดคุย
** ทบ.สั่งระงับใช้จีที200
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอาญากลาง กรุงลอนดอน ตัดสินว่า นายเจมส์ แม็คคอร์มิค นักธุรกิจชาวอังกฤษ มีความผิดฐานฉ้อโกง หลอกขายเครื่องมือตรวจจับวัตถุระเบิดขนาดมือถือ “เอดีอี 651” ให้แก่กองทัพและสำนักงานตำรวจหลายประเทศทั่วโลก และยังเป็นผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่น "จีที 200" ขายให้กับกองทัพบกไทย ว่า ปัจจุบันเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 ถูกสั่งระงับการใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปนานแล้ว หลังจากที่มีข้อสงสัยถึงประสิทธิภาพการใช้ว่าสามารถตรวจหาวัตถุระเบิดได้จริงหรือไม่
ทั้งนี้ กองทัพบก โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้น จึงมีคำสั่งให้ระงับการใช้จนกว่าจะมีการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ ต่อมาเมื่อผลการพิสูจย์ออกมาว่าไม่สามารถใช้การได้ ทางกองทัพก็ยอมรับทุกอย่างตามกระบวนการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก คนปัจจุบัน ก็สั่งการเน้นย้ำให้ยุติการใช้งานเครื่อง จีที 200 อีกครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งได้มีการดำเนินการจัดซื้อจัดหาเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด Fido มาทดแทน จีที 200 เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
***"ธาริต"ย้ำสอบแล้วพบห่วยจริง
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2556 คณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้รับคดีดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากบริษัทเอกชนได้เสนอขายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย จีที 200 และ อัลฟ่า 6 ไม่มีประสิทธิภาพให้กับหน่วยราชการของไทย 13 หน่วยงาน จำนวน 1,358 เครื่อง รวมมูลค่าความเสียหาย 1,137,588,990 บาท โดยในการสอบสวนของดีเอสไอ ได้มีการสอบปากคำผู้กล่าวหา พยานบุคคลที่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อและคณะกรรมการตรวจรับ และพยานผู้ใช้เครื่องประมาณ 90 ปาก ซึ่งให้การยืนยันว่าเครื่องมือทั้ง 2 ชนิดไม่มีประสิทธิภาพและไม่สามารถใช้งานได้จริง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานผลการดำเนินงานการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัยของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้ทำการทดสอบยืนยันว่า เครื่องจีที 200 และอัลฟ่า 6 ไม่มีประสิทธิภาพด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น ศาลอังกฤษตัดสินให้นักธุรกิจชาวอังกฤษรายหนึ่งมีความผิดฐานฉ้อโกงเมื่อวันที่ 23เม.ย. หลังทำเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐ จากการหลอกขายอุปกรณ์ตรวจจับวัตถุระเบิด ADE 651 ที่อาศัยกลไกการทำงานของเครื่องมือค้นหาลูกกอล์ฟให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในนั้นรวมไปถึงไทย ซึ่งก่อความเสี่ยงต่อชีวิตแก่ผู้ใช้มากกว่าที่จะปกป้องตามที่ผู้ขายกล่าวอ้าง