ASTV ผู้จัดการรายวัน - ภาพรวมปรากฏการณ์ราคาทองคำดิ่ง กูรูเชื่อเกิดจากข่าวลือด้านลบสร้างpanic ใหญ่ ชี้การทยอยปรับขึ้นเพราะได้แรงซื้อจากฝั่งเอเชีย ทั้งจีน เวียดนาม อินเดียด ไทย ฯลฯ เหตุนักลงทุนเข้าเก็งกำไรดันดีมานต์พุ่ง วงการประเมิน3วัน (17-19เม.ย.)คนไทยซื้อขายทองคำเฉียด2หมื่นล้านบาท หรือกว่า 10 ตัน มากกว่าที่ไซปรัสจะขายออก คาดมีโอกาสเห็น16,000 บาท แต่ขึ้นกับเท่าเดิมใช้เวลาเป็นปี
ราคาทองคำที่ลดลงอย่างรุนแรงรอบนี้ สร้างปรากฏการณ์ที่น่าสนใจหลาย กับการซื้อขายทองคำในเมืองไทย เช่นความต้องการซื้อทองคำของประชาชนจำนวนมากที่เข้าแถวต่อคิว แม้ร้านทองคำจะไม่มีทองคำจำหน่าย ได้ไปแค่ใบจองก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย จุดนี้มาจากที่ผ่านมาในช่วง 2-3ปีก่อนหน้านี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไม่มีหยุด ก่อนจะมาชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางปีก่อน และวูบลงมาอย่างแรงในปัจจุบัน
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทอง และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวกับ ASTV ผู้จัดการ ว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำรอบนี้ สวนทางกับความเป็นจริง ที่หลายเหตุการณ์ทั่วโลกกำลังมีความตรึงเครียด เหตุเพราะข่าวลือที่เกิดขึ้น สร้างความกังวลต่อนักลงทุนจนเกิด Panic แต่ที่ราคาทองคำเริ่มทยอยปรับตัวขึ้นตอนนี้ ก็มองว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทองคำที่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกลับมา หลังจากราคาปรับตัวลงไปแรง ทำให้หลายคนเชื่อว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมาได้ในอนาคต
“หลังจากลงไปแรงเมื่อกลับมาสงกรานต์ ตอนนี้ราคาทองคำก็ทยอยปรับตัวขึ้น ปัจจัยโดยรวมของการทยอยขึ้นรอบนี้ ผมให้น้ำหนักกับเอเชียมากสุด ความต้องการทองคำในเอเชียนั้นมีสูงกว่าทวีปอื่นๆ ตลาดค้าทองคำใหญ่ๆทั่วโลก ยังต้องชั่งใจต่อดีมานต์ในเอเชียก่อนจะมีการเปลี่ยน ไม่ใช่แค่บ้านเรา ตอนนี้ที่ จีน เวียดนาม และ อินเดีย ทองคำก็ขายดีมาก”
ส่วนที่ราคาทองคำปรับตัวลงรุนแรงนั้น เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า เชื่อว่ามาจากข่าวลือเป็นหลัก จากช่วงต้นปี2556 มีการปรับลดประมาณการณ์ราคาทองคำในหลายองค์กรใหญ่ ต่อมามีการออกมาให้ข่าวเชิงลบต่อทองคำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ จอร์จ โซรอส ที่สั่งให้กองทุนขายทองคำออกมา และออกมาวิจารณ์ว่าทองคำไม่น่าสนใจแล้ว ต่อมาเกิดข่าวการปรับลดประมาณการณ์ราคาทองคำ จากโกลด์ แมน แซคส์ ที่เหลือเพียง 1,400 เหรียญ/อนนซ์ และที่หนักสุดคือข่าวลือว่าไซปรัสจะเอาทองคำในทุนสำรองประเทศออกมาขาย ตามเงื่อนไขที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งทำให้เกิดกังวลว่า ประเทศในยูโรโซนที่เกิดปัญหาอย่างอิตาลี และสเปนที่มีทองคำในทุนสำรองจำนวนมากจะถูกบังคับให้นำทองคำออกมาขายด้วย
“ผมมองว่าร้านทองบ้านเรา ไม่ได้รับผลกระทบถึงขั้นเจ๊งและขาดทุนจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่อาจมีบ้างที่เขาไม่บริหารความเสี่ยงให้ดี ทองคำแท่งนั้นเมื่อมีคนมาซื้อ ของไม่พอขายทางร้านสามารถสั่งทองคำเข้ามาขายได้ในทันทีไม่น่ามีผลกระทบ พวกที่จะขาดทุนหรือเจ๊ง น่าจะมาจากเจ้าของร้านเก็งกำไรราคาทองคำเอง หรือซื้อมาเก็บสะสมไว้เก็งกำไรเกินดีมานต์มากไป ซึ่งไม่ควรทำ
ขณะเดียวกัน พวกที่จะขาดทุนตามมาคือกลุ่มนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส อย่าลืมเพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุด ปีที่แล้วก็เป็นอย่างนี้แม้ไม่รุนแรงเท่านี้ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวลง ส่วนรอบนี้ก่อนหน้าจะหยุดสงกรานต์มีหลายบริษัทแนะนำนักลงทุนให้เข้าสะสม คิดดูเองแล้วกันว่าจะมีคนเข้าไปลงทุนมากน้อยแค่ไหนก่อนวันหยุด พอมันลงมาแรง บริษัทที่มีฐานลูกค้าเยอะย่อมเลี่ยงไม่พ้น ที่จะมีลูกค้าขาดทุนจากการเรียกเพิ่มวางหลักประกัน หรือถูกบังคับขาย ”
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำจากนี้ไป นายพิชญา กล่าวว่า อย่าประเมินหรือคาดการณ์ราคาทองคำในระยะยาวมากไปนักในช่วงนี้ อยากให้นักลงทุนหันมาติดตามแบบวันต่อวันมากกว่า เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอน และอาจมีผลต่อราคาทองคำทั้งทางบวกและลบ เช่นเบลเยี่ยม อาจเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ต้องขอเข้ารับความช่วยเหลือทางเงินในไม่ช้านี้ หรือสถานการณ์จากตะวันออกกลางอาจเข้ามาช่วยผลักดันราคา หรือจอร์จ โซรอส อาจกลับคำหันกลับมาซื้อสะสมทองคำอีกรอบหลังจากร่วงลงมามาก
“แค่หยุด4 วันทำการยังลงมา 2 พันกว่าบาท ข่าวลือเรื่องเกาหลีเตรียมเปิดฉากรบก็ยังมี ข่าวพวกนี้พอเกิดขึ้นก็มีผลต่อราคาทองคำ ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด”
คาดซื้อขายทองไทยสะพัดเฉียด2หมื่นล.
จากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำโลกตั้งแต่วันที่ 11-16 เม.ย. และเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับ ขณะที่ทองคำในประเทศลดลงอย่างรุนแรงเมื่อสมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อ/ขายในเช้าวันที่ 17เม.ย. ซึ่งลดลงจากวันที่ 12เม.ย. ถึง 2,350 บาท/ทองคำน้ำหนัก 1 บาท จนประชาชนแห่มาซื้อทองคำเป็นจำนวนมากนั้น
แหล่งข่าวรายหนึ่ง กล่าวว่า ภาพรวมทั้งประเทศเกิดภาวะทองคำไม่พอขาย จนมีการออกใบจองให้ลูกค้ามารับในวันอื่น บางรายเมื่อไม่ได้ทองคำแท่งก็หันไปซื้อทองคำรูปพรรณแทน ทำให้ทั้งทองคำแท่ง และรูปพรรณขายดีมาก “โดยรวมเชื่อว่าแค่วันที่ 17-19 เม.ย.(3วันของสัปดาห์) ทั้งประเทศมีการซื้อขายมากกว่า 10 ตัน หรือเท่ากับน้ำหนักทองคำ 656,600 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,250 ล้านบาท(ณราคาวันที่19เม.ย.) หรือมากกว่าข่าวลือที่ไซปรัสจะขายทองคำออกมาเสียอีก”
จับตาเลิกQE-บาทแข็งจ่อซ้ำเติม
นักวิเคราะห์ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลกดดันราคาทองคำในตอนนี้ คือ การเทขายของกองทุนSPDR ที่ลดการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง และข่าวที่ธนาคารกลางในหลายประเทศของยูโรโซน จะขายทอง โดยเฉพาะไซปรัสที่อาจเป็นตัวจุดฉนวน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยทำให้เกิดpanic ครั้งใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องกรณีสหรัฐฯอาจยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะมีผลให้ดอลลาร์แข็งค่า นั่นหมายถึงราคาทองคำปรับตัวลดลง อีกทั้ง การแข็งค่าของเงินบาทก็จะนับเป็นอีกปัจจัยลบสำคัญ ที่จะกดดันให้ราคาทองคำในประเทศประตัวลดลง
โดยสาเหตุที่ราคาทองฟื้นตัวกลับมา ปัจจัยสำคัญ ตอนนี้มาจากแรงซื้อในเอเชีย หลังตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศในจีนปรับตัวดีขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจว่าเศรษฐกิจของจีนจะดีอยู่
“ต่อจากนี้นักลงทุตนต้องจับตาดู มาตรการQEของสหรัฐ ว่าจะยุติลงเร็วเกินคาดหรือไม่ ถ้าเป็นจริงจะมีผลให้ดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ สัญญาณที่จะบ่งชี้คือตัวเลขอัตราการว่างงาน โดยรวมปัจจัยลบยังมีอยู่รอบตัว โอกาสได้เห็นทองในประเทศลงแตะ16,000 บาท ทางเทคนิคเป็นไปได้ และต้องขึ้นอยู่กับทางสหรัฐฯ และยุโรปด้วย แต่ไม่ถึง 15,000 บาท ส่วนโอกาสกลับไป ณ จุดเดิม ต้องบอกว่ายังต้องเวลาอีกนานอาจ 2-3 ปีขึ้นไป
กลยุทธ์การลงทุนในดกลด์ ฟิวเจอร์สช่วงขาลง นักลงทุนต้องมีวินัย ตั้งจุดขาย จุดขาดทุนให้ชัดเจน ในสัญญาShort อีกเครื่องมือที่ช่วยได้คือ อาบิทราจ ซึ่งจะทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น”
ราคาทองคำที่ลดลงอย่างรุนแรงรอบนี้ สร้างปรากฏการณ์ที่น่าสนใจหลาย กับการซื้อขายทองคำในเมืองไทย เช่นความต้องการซื้อทองคำของประชาชนจำนวนมากที่เข้าแถวต่อคิว แม้ร้านทองคำจะไม่มีทองคำจำหน่าย ได้ไปแค่ใบจองก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย จุดนี้มาจากที่ผ่านมาในช่วง 2-3ปีก่อนหน้านี้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไม่มีหยุด ก่อนจะมาชะลอตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางปีก่อน และวูบลงมาอย่างแรงในปัจจุบัน
นายพิชญา พิสุทธิกุล เลขาธิการสมาคมค้าทอง และผู้บริหารห้างทองเลี่ยงเส็งเฮง กล่าวกับ ASTV ผู้จัดการ ว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำรอบนี้ สวนทางกับความเป็นจริง ที่หลายเหตุการณ์ทั่วโลกกำลังมีความตรึงเครียด เหตุเพราะข่าวลือที่เกิดขึ้น สร้างความกังวลต่อนักลงทุนจนเกิด Panic แต่ที่ราคาทองคำเริ่มทยอยปรับตัวขึ้นตอนนี้ ก็มองว่าส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อทองคำที่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกลับมา หลังจากราคาปรับตัวลงไปแรง ทำให้หลายคนเชื่อว่าราคาจะปรับตัวขึ้นมาได้ในอนาคต
“หลังจากลงไปแรงเมื่อกลับมาสงกรานต์ ตอนนี้ราคาทองคำก็ทยอยปรับตัวขึ้น ปัจจัยโดยรวมของการทยอยขึ้นรอบนี้ ผมให้น้ำหนักกับเอเชียมากสุด ความต้องการทองคำในเอเชียนั้นมีสูงกว่าทวีปอื่นๆ ตลาดค้าทองคำใหญ่ๆทั่วโลก ยังต้องชั่งใจต่อดีมานต์ในเอเชียก่อนจะมีการเปลี่ยน ไม่ใช่แค่บ้านเรา ตอนนี้ที่ จีน เวียดนาม และ อินเดีย ทองคำก็ขายดีมาก”
ส่วนที่ราคาทองคำปรับตัวลงรุนแรงนั้น เลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า เชื่อว่ามาจากข่าวลือเป็นหลัก จากช่วงต้นปี2556 มีการปรับลดประมาณการณ์ราคาทองคำในหลายองค์กรใหญ่ ต่อมามีการออกมาให้ข่าวเชิงลบต่อทองคำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ จอร์จ โซรอส ที่สั่งให้กองทุนขายทองคำออกมา และออกมาวิจารณ์ว่าทองคำไม่น่าสนใจแล้ว ต่อมาเกิดข่าวการปรับลดประมาณการณ์ราคาทองคำ จากโกลด์ แมน แซคส์ ที่เหลือเพียง 1,400 เหรียญ/อนนซ์ และที่หนักสุดคือข่าวลือว่าไซปรัสจะเอาทองคำในทุนสำรองประเทศออกมาขาย ตามเงื่อนไขที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งทำให้เกิดกังวลว่า ประเทศในยูโรโซนที่เกิดปัญหาอย่างอิตาลี และสเปนที่มีทองคำในทุนสำรองจำนวนมากจะถูกบังคับให้นำทองคำออกมาขายด้วย
“ผมมองว่าร้านทองบ้านเรา ไม่ได้รับผลกระทบถึงขั้นเจ๊งและขาดทุนจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่อาจมีบ้างที่เขาไม่บริหารความเสี่ยงให้ดี ทองคำแท่งนั้นเมื่อมีคนมาซื้อ ของไม่พอขายทางร้านสามารถสั่งทองคำเข้ามาขายได้ในทันทีไม่น่ามีผลกระทบ พวกที่จะขาดทุนหรือเจ๊ง น่าจะมาจากเจ้าของร้านเก็งกำไรราคาทองคำเอง หรือซื้อมาเก็บสะสมไว้เก็งกำไรเกินดีมานต์มากไป ซึ่งไม่ควรทำ
ขณะเดียวกัน พวกที่จะขาดทุนตามมาคือกลุ่มนักลงทุนที่เข้าไปลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส อย่าลืมเพราะเป็นช่วงเทศกาลวันหยุด ปีที่แล้วก็เป็นอย่างนี้แม้ไม่รุนแรงเท่านี้ แต่ในช่วงเวลาเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวลง ส่วนรอบนี้ก่อนหน้าจะหยุดสงกรานต์มีหลายบริษัทแนะนำนักลงทุนให้เข้าสะสม คิดดูเองแล้วกันว่าจะมีคนเข้าไปลงทุนมากน้อยแค่ไหนก่อนวันหยุด พอมันลงมาแรง บริษัทที่มีฐานลูกค้าเยอะย่อมเลี่ยงไม่พ้น ที่จะมีลูกค้าขาดทุนจากการเรียกเพิ่มวางหลักประกัน หรือถูกบังคับขาย ”
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำจากนี้ไป นายพิชญา กล่าวว่า อย่าประเมินหรือคาดการณ์ราคาทองคำในระยะยาวมากไปนักในช่วงนี้ อยากให้นักลงทุนหันมาติดตามแบบวันต่อวันมากกว่า เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ไม่แน่นอน และอาจมีผลต่อราคาทองคำทั้งทางบวกและลบ เช่นเบลเยี่ยม อาจเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ต้องขอเข้ารับความช่วยเหลือทางเงินในไม่ช้านี้ หรือสถานการณ์จากตะวันออกกลางอาจเข้ามาช่วยผลักดันราคา หรือจอร์จ โซรอส อาจกลับคำหันกลับมาซื้อสะสมทองคำอีกรอบหลังจากร่วงลงมามาก
“แค่หยุด4 วันทำการยังลงมา 2 พันกว่าบาท ข่าวลือเรื่องเกาหลีเตรียมเปิดฉากรบก็ยังมี ข่าวพวกนี้พอเกิดขึ้นก็มีผลต่อราคาทองคำ ดังนั้นนักลงทุนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด”
คาดซื้อขายทองไทยสะพัดเฉียด2หมื่นล.
จากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำโลกตั้งแต่วันที่ 11-16 เม.ย. และเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับ ขณะที่ทองคำในประเทศลดลงอย่างรุนแรงเมื่อสมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อ/ขายในเช้าวันที่ 17เม.ย. ซึ่งลดลงจากวันที่ 12เม.ย. ถึง 2,350 บาท/ทองคำน้ำหนัก 1 บาท จนประชาชนแห่มาซื้อทองคำเป็นจำนวนมากนั้น
แหล่งข่าวรายหนึ่ง กล่าวว่า ภาพรวมทั้งประเทศเกิดภาวะทองคำไม่พอขาย จนมีการออกใบจองให้ลูกค้ามารับในวันอื่น บางรายเมื่อไม่ได้ทองคำแท่งก็หันไปซื้อทองคำรูปพรรณแทน ทำให้ทั้งทองคำแท่ง และรูปพรรณขายดีมาก “โดยรวมเชื่อว่าแค่วันที่ 17-19 เม.ย.(3วันของสัปดาห์) ทั้งประเทศมีการซื้อขายมากกว่า 10 ตัน หรือเท่ากับน้ำหนักทองคำ 656,600 บาท คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,250 ล้านบาท(ณราคาวันที่19เม.ย.) หรือมากกว่าข่าวลือที่ไซปรัสจะขายทองคำออกมาเสียอีก”
จับตาเลิกQE-บาทแข็งจ่อซ้ำเติม
นักวิเคราะห์ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลกดดันราคาทองคำในตอนนี้ คือ การเทขายของกองทุนSPDR ที่ลดการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง และข่าวที่ธนาคารกลางในหลายประเทศของยูโรโซน จะขายทอง โดยเฉพาะไซปรัสที่อาจเป็นตัวจุดฉนวน ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยทำให้เกิดpanic ครั้งใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องกรณีสหรัฐฯอาจยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่ากำหนด ซึ่งจะมีผลให้ดอลลาร์แข็งค่า นั่นหมายถึงราคาทองคำปรับตัวลดลง อีกทั้ง การแข็งค่าของเงินบาทก็จะนับเป็นอีกปัจจัยลบสำคัญ ที่จะกดดันให้ราคาทองคำในประเทศประตัวลดลง
โดยสาเหตุที่ราคาทองฟื้นตัวกลับมา ปัจจัยสำคัญ ตอนนี้มาจากแรงซื้อในเอเชีย หลังตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศในจีนปรับตัวดีขึ้น ทำให้เกิดความมั่นใจว่าเศรษฐกิจของจีนจะดีอยู่
“ต่อจากนี้นักลงทุตนต้องจับตาดู มาตรการQEของสหรัฐ ว่าจะยุติลงเร็วเกินคาดหรือไม่ ถ้าเป็นจริงจะมีผลให้ดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำ สัญญาณที่จะบ่งชี้คือตัวเลขอัตราการว่างงาน โดยรวมปัจจัยลบยังมีอยู่รอบตัว โอกาสได้เห็นทองในประเทศลงแตะ16,000 บาท ทางเทคนิคเป็นไปได้ และต้องขึ้นอยู่กับทางสหรัฐฯ และยุโรปด้วย แต่ไม่ถึง 15,000 บาท ส่วนโอกาสกลับไป ณ จุดเดิม ต้องบอกว่ายังต้องเวลาอีกนานอาจ 2-3 ปีขึ้นไป
กลยุทธ์การลงทุนในดกลด์ ฟิวเจอร์สช่วงขาลง นักลงทุนต้องมีวินัย ตั้งจุดขาย จุดขาดทุนให้ชัดเจน ในสัญญาShort อีกเครื่องมือที่ช่วยได้คือ อาบิทราจ ซึ่งจะทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น”