ปธ.โบรกฯ ยันตลาดซื้อขายล่วงหน้ารับมือความเสี่ยง และผลกระทบ “ทองคำ” ปั่นป่วนได้ ไม่เกิดความเสียหายอย่างที่กลัวกันไว้ ด้านผู้ค้าทองเตือนนักลงทุนอย่าตื่นซื้อทองเพราะราคาลง แนะให้ตระหนักว่าต้องใช้เงินเย็นเท่านั้น เพราะต้องถือรอนานถึง 3 ปี
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ ในฐานะประธานกรรมการชมรมผู้ประกอบการธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กล่าวถึงสาเหตุที่ตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสัญญาซื้อขายทองคำที่ปรับตัวลดลง จนต้องประกาศหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที โดยยืนยันว่าเป็นเพราะในช่วงที่ราคาทองคำดิ่งลงรุนแรง ตลาดซื้อขายล่วงหน้าในประเทศไทยปิดทำการ ดังนั้น เมื่อตลาดเปิดทำการในวันที่ 17 เม.ย. จึงเกิดการกระจุกตัว หรือการอั้นเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนในอุตสาหกรรมทราบกันดีอยู่แล้ว และเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าบริษัทสมาชิกทุกรายสามารถรับมือได้ และสามารถดูแลลูกค้าได้
“ความจริงแล้ว เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการบังคับขายสัญญาของลูกค้าเกิดขึ้นน้อยมากเพราะเกิดขึ้นในเฉพาะกรณีที่ลูกค้ารายนั้นๆ ไม่สามารถติดต่อได้ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทสมาชิกตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. จึงมีการปิดสถานะและมีการนำหลักประกันมาเพิ่มได้ทันทีที่ตลาดเปิด”
สำหรับกรณีราคาทองคำดิ่งแรงไม่ใช่จะเพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงนี้ เพราะก่อนหน้านี้ลูกค้าที่ลงทุนในทองคำ และสัญญาทองคำเคยเจอเหตุการณ์ราคาทองคำดิ่งแรงมาแล้ว และสามารถที่จะเรียนรู้แ ละทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้
“เหตุการณ์ตลาดทอง และตลาดล่วงหน้าป่วนครั้งนี้ คงพูดลำบากว่า จะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกลัว และถอยห่างจากตลาดจนส่งผลกระทบต่อการพัฒนาตลาดล่วงหน้า เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีทั้งนักลงทุนที่ได้รับกำไรจากการปิดสถานะได้ทัน และสามารถคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ได้ดี ส่วนคนที่จะกลัวก็อาจเป็นไปได้ในส่วนของนักลงทุนที่เจอผลขาดทุนที่อาจทำให้เกิดการกลัวต่อการเข้ามาลงทุน และอาจจะต้องมีความระมัดระวังในการเข้ามาลงทุนมากขึ้น”
สำหรับกรณีที่มีข่าวบอกว่า ผู้ที่จะขาดทุนมากสุดในภาวะแบบนี้คือ ร้านทองนั้น นายชาญชัย กล่าวว่า ก็เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงที่ภายหลังร้านทองสามารถยกระดับมามาเป็นโบรกเกอร์ในการซื้อขายทองคำได้เช่นเดียวกับบริษัทหลักทรัพย์ จึงทำให้มีส่วนการซื้อขายในตลาดขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์จึงได้รับผลกระทบ แต่ร้านทองทั้งหมดก็สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตราสารอนุพันธุ์ บล.โกลเบล็ก(GBX) ให้ความเห็นว่า ราคาทองคำ นักลงทุนที่เข้ามาในตลาดโกลด์ ฟิวเจอร์ส นั้น ถ้าเข้ามาเพื่อเล่นเก็งกำไรระยะสั้นอายุ 2 สัปดาห์ 1 เดือน หรือ 2 เดือน ก็อาจจะเหมาะสมเพราะใช้เงินน้อยกว่า แต่ถ้าจะใช้โกลด์ ฟิวเจอร์ส สำหรับการลงทุนในระยะยาวนั้นถือว่าคงไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหมาะสม
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายในตลาด TFEX ในช่วงเช้านั้น ทั้งในส่วนของผู้บริหารตลาด TFEX และโบรกเกอร์เองได้มีการหารือ และเตรียมการกันมาเป็นอย่างดีในช่วงที่ปิดทำการเทศกาลสงกรานต์ ทำให้เปิดตลาดมาเช้านี้แรงขายไม่มากเท่ากับที่นักลงทุนวิตกกังวล และราคาสัญญาซื้อขายทองคำก็ไม่ได้ร่วงลงไปมาก
“ตอนนี้เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เพราะลูกค้าที่โดนบังคับขาย ณ ราคาเปิดก็จะเลือกไปขายกระดาน put through มากกว่า ทำให้แรงขายช่วงตลาดเปิดไม่มากอย่างที่คนกลัว เพราะ TFEX โบรกเกอร์มีมาตรการรับซื้อสถานะ บังคับขายของลูกค้าหลายราย ทำให้ราคาไม่ลงไปต่ำกว่าทฤษฎีมากนัก”
ด้านนางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า วายแอลจีมีมุมมองเชิงลบต่อทิศทางของราคาทองคำในขณะนี้ ซึ่งหากราคาทองคำไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,500 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือ 20,400 บาทต่อบาททองคำ แนวโน้มขาลงของราคาทองคำจะดำเนินต่อไป โดยประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ 1,300 เหรียญต่อออนซ์ หรือ 17,700 บาทต่อบาททองคำ หากหลุดลงไป แนวรับสำคัญจะอยู่ที่ 1,200 เหรียญต่อออนซ์ หรือ 16,300 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในขณะนี้ นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอดูว่าราคาทองคำจะสามารถตั้งฐานในบริเวณ 1,300 เหรียญต่อออนซ์ได้หรือไม่ โดยสามารถเฉลี่ยซื้อได้หากมีการปรับตัวลงมาใกล้ 1,300 เหรียญต่อออนซ์ หรือ 17,700 บาท และตัดขาดทุนหากหลุดลงไป เพื่อไปรอซื้อในบริเวณด้านล่างอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำกลับตัวขึ้นไปในบริเวณ 1,400-1,420 เหรียญต่อออนซ์ หรือ 19,100-19,400 บาทต่อบาททองคำ เน้นให้นักลงทุนขายทองคำเพื่อทำกำไรออกมาก่อน เนื่องจากโซนดังกล่าวจะเป็นแนวต้านที่สำคัญ
นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทห้างขายทองฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองในช่วงนี้ลดลงเนื่องจากธนาคารกลางไซปรัสประกาศขายทองคำออกมา 10 ตัน ส่งผลให้มีความกังวลว่า ธนาคารกลางในกลุ่มยุโรปโซน เช่น สเปน โปรตุเกส และอิตาลี มีแนวโน้มเทขายทองตามออกมา ประกอบกับการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนออกมาขยายตัว 7.7% ต่ำกว่าที่คาดว่า จะเติบโต 8% ด้วย
ดังนั้น ขอให้นักลงทุนระวังการลงทุน เพราะแนวโน้มราคาทองยังขาลง หลังหลุดแนวรับที่ 1,520 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเมื่อปี 2555 โดยในระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นได้ โดยมีแนวต้านที่ 1,400 เหรียญ โดยนักลงทุนที่ซื้อทองคำแท่งไว้แล้วให้ถือครองต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากหากมองในระยะ 3 ปี ทองอาจกลับขึ้นมาสูงได้อีกครั้ง จากการอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่วนนักลงทุนที่สนใจลงทุนให้ทยอยซื้อสะสม
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอสโกลด์แม่ทองสุก กล่าวให้ความเห็นว่า สาเหตุที่ราคาทองในประเทศปรับราคาลง คาดว่ามาจากความกังวลมาตรการนโยบายการเงินธนาคารกลางต่างประเทศ ทั้งนี้ มองว่าราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลดลงถึงสิ้นปี
ซึ่งหากมีสถานการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงอยู่ที่ 1,170 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 16,700 บาท อย่างไรก็ตาม สำหรับบุคคลที่จะซื้อทองเพื่อเก็งกำไรในช่วงที่ราคาทองปรับลดลงนั้น แนะนำว่าควรจะประเมินจากปัจจัย หรือแนวโน้มต่างๆ มากกว่าราคาที่ปรับลง หรือใช้วิธีการขายก่อน ซื้อทีหลัง