ASTVผู้จัดการรายวัน-"ทูตวีรชัย"เปลือยเขมรกลางศาลโลก โกหกปลิ้นปล้อน ปลอมเอกสาร หวังฉกแผ่นดินไทย "ส.ว.คำนูณ"เชื่อไทยมีโอกาสชนะสูง แต่กลัวกรรมการไม่กดแต้ม ทั้งๆ ที่ไล่เขมรจนมุม ด้านม็อบทวงคืนเขาพระวิหารบุกปักธงชาติพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ก่อนสลายตัว ปชป.เตือนสติ "ปู" อย่าเอาชาติไปแลกผลประโยชน์
วานนี้ (17 เม.ย.) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อเวลา 15.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ตัวแทนฝ่ายไทยนำโดยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะตัวแทนฝ่ายไทยพร้อมทีมทนายความได้ขึ้นให้การทางวาจาคดีตีความคำพิพากษาคดีเขาพระวิหารปี 2505ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก
โดยก่อนหน้านี้ นายวีรชัยได้ระบุว่าทางฝ่ายไทยที่จะขึ้นพูดเรื่องแผนที่ คือ ทนายความหญิงอลินา มิรอง ผู้ช่วยของ ศ.อแลน แปลเลต์ เพราะเป็นผู้ที่ทำงานเรื่องแผนที่โดยเฉพาะกว่า 60 ฉบับ โดยนายวีรชัยจะขึ้นพูดเป็นลำดับแรก จากนั้น ศ.โดนัล เอ็ม แม็กเรย์ น.ส.อลินา มิรอง ศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด และสุดท้ายคือ ศ.แปลเลต์
***"ทูตวีรชัย"เปลือยธาตุแท้เขมร
นายวีรชัยให้การต่อตุลาการศาลโลกว่า ในปี 2505 (ค.ศ.1962) ศาลโลกยืนยันชัดแล้วว่า ไม่มีการพิจารณาแผนที่ตามภาคผนวก 1 แต่คำร้องครั้งนี้ของกัมพูชาเป็นคำร้องโดยมิชอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ กัมพูชายอมรับคำสั่งตามบันทึกความเข้าใจเอ็มโอยู 2543 มาตลอด และจุดประสงค์ที่แท้จริงของกัมพูชา ก็คือการพยายามฉวยโอกาสในดินแดง 4.6 ตร.กม. ของไทย ที่เห็นว่ามีความจำเป็นต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกต่อตัวปราสาทพระวิหาร ข้อโต้แย้งของกัมพูชาในปัจจุบัน เป็นเรื่องขอให้ศาลตัดสินเรื่องเขตแดน และคำอ้างของกัมพูชาขณะนี้ เป็นการอ้างเส้นในแผนที่ 1:200,000 ตามอำเภอใจ ทั้งนี้ ไทยปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกตั้งแต่ปี 2505 มาตลอด แต่กัมพูชาก็ให้ตัวเองอยู่ในโลกคู่ขนาน บอกว่าค้นพบแผนที่ลับ เป็นความลึกลับที่ครม.ของกัมพูชาเพิ่งได้เรียนรู้
นายวีรชัยระบุว่า กัมพูชากล่าวหาการเมืองภายในของไทยเป็นต้นตอแห่งปัญหา แต่สาเหตุแท้ที่จริงแล้วเป็นนโยบายต่างประเทศที่ก้าวร้าวและทะเยอทะยานของกัมพูชา การโต้แย้งโดยไม่มีมูลฐาน แสดงให้เห็นชัดเจนในข้อพิพาทบริเวณพื้นที่เมื่อเทียบปี 2505 บิดเบี้ยวไปมาก โดยไม่สนใจในเรื่องภูมิประเทศ อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงในเอ็มโอยู 2543 รวมถึงการปักปันเขตแดน ไม่พูดถึงคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร เป็นเพียงขั้นตอนสำรวจสันปันน้ำ กัมพูชาปลอมแปลงเอกสาร แผ่นที่ 3และ4 ในภาคผนวก 49 รวมทั้งแผนที่ภาคผนวก1 เรื่องการร่างเขต 4.6 ตร.กม. สิ่งที่กัมพูชาทำเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ
“เป็นเวลา 50 ปี จนถึงก่อนหน้าปี 2000 กัมพูชาไม่เคยประท้วง ต้นปี 2000 กัมพูชาเริ่มรุกเข้ามาในแผ่นดินไทย ทำให้เกิดปัญหาด้านเสถียรภาพ”
ทั้งนี้ เห็นว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของกัมพูชาในการรุกรานไทย ก็คือ การต้องการดินแดนเพื่อนำไปใช้ร่วมโครงการมรดกโลก ไม่พูดถึงสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม หมายความว่ายังตกลงกันไม่ได้ และต้องร่วมกันสำรวจแนวสันปันน้ำต่อไป กัมพูชาใช้ศาลโลกเป็นเครื่องมือในการริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของไทย โดยมีหลักฐานมาแสดงน้อยมาก กัมพูชาให้เอกสารกว่า 10 รายการที่ไม่ถูกต้อง แสดงหลักฐานที่ไม่เป็นจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมกฎมายไทยได้ แสดงเอกสารหน้า19 ที่กัมพูชาตัดเอามาแสดงเพียงบางส่วน ขาดความน่าเชื่อถือ รวมทั้งได้เปิดเผยภาพเอกสารฝ่ายไทยที่กัมพูชานำไปตัดต่อ เพื่อใช้โจมตีไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าทีมทนายไทย สรุปได้ว่า กัมพูชาสร้างความไม่เหมาะสมด้านกระบวนพิธีต่อศาล มีความผิดพลาดข้อเท็จจริง โดยเฉพาะตอนที่ประมุขของกัมพูชาขึ้นไปฉลองบนพื้นที่ เพื่อต้องการสร้างหลักฐานว่าเป็นพื้นที่ของตัวเอง (4.6 ตรม.กม.) เป็นการปลอมแปลงแผนที่ข้อตอบแก้ของประเทศไทย เป็น "การกระทำมิชอบ" กัมพูชายื่นเอกสารไม่ถูกต้อง 10 ประเภท แต่งขึ้นมาเอง กัมพูชาปลอมแปลงหลักฐานแผนที่ภาคผนวก 1 กัมพูชาสร้างความประหลาดใจแก่ทุกท่าน เพราะไม่สามารถหรือให้คำอธิบายชัดเจน พื้นที่พิพาทเป็นข้อโต้แย้งใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเดิม มีการการแปลไม่ถูกต้อง ไม่ถูกบริบท กัมพูชาอ้างมติครม.ไทยไม่ถูกต้อง "กัมพูชาบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ"
**"คำนูณ"เฟซกลัวกรรมการฯไม่กดแต้ม
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เปรียบการต่อสู้เรื่องถ้อยแถลงคดีเขาพระวิหารฝ่ายไทยและกัมพูชาเหมือนกีฬาต่อยมวย ที่ผลัดกันรุก-รับตามกติกาที่กำหนดขึ้น โดยชี้ว่ากัมพูชาไม่มีแม่ไม้มวยอะไรใหม่ เป็นอาวุธเดียวกับที่ใช้เมื่อ 50 ปีก่อน ส่วนตัวมั่นใจว่าฝ่ายไทยจะแก้เกมได้ เพราะรู้กลวิธีที่กัมพูชาใช้ ทั้งยังเตรียมตัวมาดี ส่วนตัวมั่นใจว่าไทยสามารถรับอาวุธที่กัมพูชาปล่อยออกมาได้หมด และยังสามารถตอบโต้กลับไปได้ด้วย คนดูอาจมองแล้วให้คะแนนเราชนะแน่ แต่ไทยอาจประสบปัญหาเรื่องกรรมการให้คะแนน จึงขอจับตาว่ากรรมการจะกดคะแนนหรือไม่
การแถลงด้วยวาจาคดีพระวิหารภาค 2 หากเปรียบเป็นการแข่งขันชกมวย ก็เป็นมวย 4 ยก กติกากำหนดให้แต่ละฝ่ายชกสลับยกกัน ยกแรกเมื่อวานเป็นรอบของกัมพูชา ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่คนดูจะเห็นเขาเป็นต่อ เพราะชกข้างเดียวตามกติกา และเป็นมวยบุก ประกอบกันคนดูจำนวนมากไม่ได้ดูมวยคู่นี้เมื่อ 50 ปีก่อน ก็เลยเป็นห่วงฝ่ายไทย ทั้งๆ ที่แม่ไม้มวยที่กัมพูชาใช้ออกมาไม่มีอะไรใหม่เลย เป็นแม่ไม้ชื่อ the Annex I map ที่เคยใช้ได้ผลมาระดับหนึ่งเมื่อ 50 ปีก่อน แต่กรรมการสมัยนั้น แม้กดคะแนนให้ชนะ ก็ไม่จะแจ้งสวยงาม กัมพูชาจึงต้องขอมารีแมทช์อีก เชื่อว่าพอขึ้นยก 2 บนเวที ICJ ฝ่ายไทยก็จะชกข้างเดียวตามกติกาเดียวกัน เชื่อว่าจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เพราะเตรียมตัวฝึกซ้อมมานาน และรู้แม่ไม้ the Annex I mapนี้ดี
จบยก 2 คนดูก็จะมั่นใจว่าฝ่ายไทยนอกจากรับอาวุธได้หมดแล้ว ยังประเคนของหนักกลับไปอีกหลายดอก สถานการณ์จะกลับไปกลับมา จบยกสุดท้ายเชื่อว่าคนดูฝ่ายไทยจะมั่นใจว่าฝ่ายไทยจะแก้มือได้สำเร็จแน่ แต่ปัญหาคือกรรมการ !
ก็เหมือนมวยจริงนั่นแหละ นักมวยชกเห็นจะแจ้งแทบจะข้างเดียว กรรมการไม่กดคะแนนให้ก็เห็นกันมานักต่อนักแล้ว และองค์การมวยโลกก็รู้กันอยู่ว่าเสมือนมีมาเฟียขาใหญ่กำกับอยู่ การกดคะแนนของกรรมการบางทีก็เป็นเรื่องล๊อบบี้ เรื่องผลประโยชน์ด้านอื่นของประเทศคู่ชก คนดูจะเห็นจะเชื่ออย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่ากรรมการกดคะแนนให้หรือไม่ !!
***ทีมทนายไทยไล่ต้อนเขมรเรื่องแผนที่
จากนั้น นายคำนูณ ได้โพสต์ข้อความต่อเนื่องในหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกว่า นายวีรชัย พลาศรัย ได้ทำลายความถูกต้องของ the Annex I map (แผนที่ตามภาคผนวก 1 ที่กัมพูชานำมากล่าวอ้าง) ด้วยการหยิบยก map sheet 3 ใน Annex 49 ท้ายคำต่อสู้คดีของไทยเมื่อปี 2504 (รายงานสเกมาฮอน ที่มีการเดินสำรวจสถานที่จริงบริเวณพระวิหาร) มาหักล้างด้วย
นายคำนูณได้โพสต์รายงานความคืบหน้าการให้ถ้อยคำของทนายความฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก "โปรเฟสเซอร์แมคเร (Donald McRae) ทนายชาวแคนาดาของไทย บอกว่าศาล ณ วันนี้ไม่มีอำนาจตีความในสิ่งที่ศาล ณ ปี 2505 ไม่ได้พิพากษา (the Annex I map และเขตแดน)
โปรเฟสเซอร์อแลง เปเล่ ทนายชาวฝรั่งเศสของไทย กำลังออกอาวุธด้วยกระบวนท่า "ยืมหอกคืนสนองผู้ใช้" ว่าถ้าสมเด็จนโรดม สีหนุไม่คัดค้านการกำหนดอาณาเขตปราสาทพระวิหารของไทยตามมติ ครม. 10 ก.ค.2505 ก็ต้องถือว่ายอมรับ เพราะท่านเป็นถึงประมุขแห่งรัฐ
อลีนา มีรอง ทนายชาวฝรั่งเศสคนใหม่ของไทย (ผู้ช่วยของโปรเฟสเซอร์อแลง เปเล่ ทนายชาวฝรั่งเศสของไทย) เป็นอาวุธลับที่ขึ้นมาพูดเรื่อง map โดยเฉพาะ กำลังขึ้นมาฉีก the Annex I map ของกัมพูชาเป็นชิ้นๆ โดยใช้อาวุธหนักที่ทรงพลานุภาพของไทยตั้งแต่เมื่อปี 2505 ชื่อ map sheets 3 ที่อยู่ในรายงานสเกมาฮอน แห่งสถาบัน ITC พยานผู้เชี่ยวชาญของไทย (Annex 49) ที่มาจากภาพถ่ายทางอากาศของอเมริกัน ผสมกับการเดินสำรวจสถานที่จริงของนานเฟรเดริค อัครมัน ผู้ช่วยของศาสตราจารย์วิลเลม สเกมาฮอน map sheet 3 หรือ The big map ที่ไทยใช้แสดงในการให้การด้วยวาจาของศาสตราจารย์สเกมาฮอนต่อศาลเมื่อ 15 มี.ค.2505
ศาลได้สกัด the big map เฉพาะส่วนสำคัญออกมา 45% ให้ชื่อว่า map 85 d เป็นแผนที่เดียวที่ศาลเมื่อปี 2505 จัดทำขึ้น และอะลีนา มีรอง ได้นำมาแสดงอีกครั้งต่อศาลแห่งนี้หลังเวลาผ่านไป 51 ปี เพียงแต่เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น จึงไม่ต้องทำเป็นแผนที่ขนาดยาว 4.5 คูณ 3 เมตรมาแสดงเหมือนเดิม ใช้เพียงภาพฉาย
***มอบธงชาติให้ทหารนำขึ้นไปปัก
วันเดียวกันนี้ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พร้อมด้วย นายวีระพันธ์ มาไลยพันธุ์ และตัวแทนกลุ่มพลังมวลที่เดินทางมาเพื่อขอขึ้นไปปักธงชาติไทยสูง 21 เมตรบริเวณพื้นที่พิพาท 4.6 ตร.กม. ได้ยอมสลายการชุมนุม หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และชุดชรบ.ตั้งด่านสกัด จึงเจรจากับตัวแทนฝ่ายเจ้าหน้าเพื่อขอมอบธงดังกล่าวให้ฝ่ายทหารขึ้นไปปักธงแทน โดยมี พ.อ.ธัญญา เกียรติสาร รองผู้บังคับการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.) กองทัพภาคที่ 2 เป็นตัวแทนมารับมอบธง โดยรับปากว่าจะนำขึ้นไปปักบริเวณที่กลุ่มพลังมวลชนเรียกร้องต่อหน้าสื่อมวลชนที่ตามขึ้นไปทำข่าวเพื่อเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก
จากนั้น พล.อ.ปรีชา ได้กลับลงมาขึ้นไปบนรถที่ติดเครื่องขยายเสียงประกาศว่าวันนี้ภารกิจได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยฝ่ายทหารได้รับมอบจากกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติที่มากันในวันนี้และจะนำขึ้นไปปักบริเวณที่เราร้องขอแทน วันนี้ถือว่าได้ทำหน้าที่จบแล้ว โดยได้แสดงออกถึงความรักชาติรักแผ่นดิน ขอให้ทุกคนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ และได้นำร้องเพลงชาติไทยก่อนที่จะแยกย้ายสลายการชุมนุมอย่างสงบสันติไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
**ยะใสอัดรัฐสกัดม็อบทวงแผ่นดิน
นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำกลุ่มกรีน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า การที่รัฐบาลสั่งให้ทหารตำรวจตั้งด่านสกัดประชาชนกลุ่มทวงคืนแผ่นดิน ไม่ให้เข้าไปปักธงบริเวณ พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร อาจถูกกัมพูชานำไปอ้างต่อศาลว่า รัฐบาลไทยก็ยอมรับกลายๆ ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็น "อธิปไตยของกัมพูชา" จึงห้ามคนไทยลุกล้ำเข้าไป ต่างจากฝ่ายกัมพูชาที่ให้คนของเขาไปตั้งชุมชน วัด โรงเรียน หรือตัดถนนขึ้นไปอาศัยอยู่พื้นที่ดังกล่าวนานแล้ว และฝ่ายไทยก็ไม่คัดค้านใดๆ ดังที่ทนายฝ่ายกัมพูชาแถลงต่อศาลไปแล้ว
**แม่ทัพ2ยันไม่มีธงเขมรบนพื้นที่พิพาท
พลโท จีระศักดิ์ ชมประสบ แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ที่กองกำลังทหารพรานที่ 23 บ้านน้ำเย็นว่า ขอยืนยันไม่มีธงชาติของกัมพูชา หรือธงชาติใดบนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะต่างเคารพ และปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลโลก การเดินทางในครั้งนี้ เพื่อประชุมหารือกับนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในการปฏิบัติหน้าที่ อำนวยความสะดวกแก่กลุ่มพลังมวลชนที่จะเดินทางมาแสดงเจตนารมณ์ในการรักษาอธิปไตย แต่ก็ไม่สามารถอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก เพราะผิดกฎหมายและไม่ปลอดภัย ส่วนเรื่องที่อาสาพิทักษ์แผ่นดิน มอบธงให้ทหารนำขึ้นไปปักแทน จะดำเนินการให้ตามคำขอ ในพื้นที่ที่ธงชาติไทยปักอยู่เป็นปกติ พร้อมยืนยันว่าทหารทุกนายจะรักษาอธิปไตยของไทยไว้เช่นคนไทยทุกคน
**ปชป.เตือนสติ"ปู"อย่าเอาชาติไปแลก
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้กำลังใจทีมกฎหมายไทยในการสู้คดีและแสดงความมั่นใจในความสามารถของทีมกฎหมายไทย โดยเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจริงจังและจริงใจในการต่อสู้ ผลที่ออกมาน่าจะเป็นทีพ่อใจของประเทศไทย
ทั้งนี้ ยังมีหลายประเด็นยังไม่มีการแสดงจุดยืนจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ กรณีที่มีปัญหาการขยายขอบเขตคำพิพากษาโดยกัมพูชาพยายามอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ประเทศไทยเกิดจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้มีความพยายามเอาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วย ทั้งที่ศาลไม่เคยกำหนดให้เป็นไปตามแผนที่ของกัมพูชา แต่กลับมีการใช้กระบวนการมรดกโลกมาลักไก่เพื่อเอาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรไปครอบครอง ในขณะที่รัฐบาลไทยยังมีท่าทีที่สับสน โดยขอยืนยันว่าพรรคไม่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เช่นเดียวกับรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ก็มีการคัดค้านเรื่องนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังเตือนสติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พูดพลายครั้งเรื่องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า คนไทยอยากเห็นความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ แต่ต้องไม่แลกด้วยอธิปไตย แผ่นดิน หรือทรัพยากรของประเทศไทย ต้องไม่แลกมาด้วยสิ่งที่บรรพบุรุษปกป้อง โดยจะต้องยึดถือในเรื่องเหล่านี้
**"นพดล"ชี้ยอมเขมรเรื่องก็จบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมให้กัมพูชาเสนอปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และยอมรับแผนที่ภาคผนวกที่ 1 หรือ แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กของตนเอง ที่ใช้ username ว่า Noppadon Pattama โดยอ้างว่าไม่เป็นธรรมที่มีคนมาโพสต์ข้อความด่าตนเองบนหน้าเว็ป ทั้งที่เรื่องที่ดำเนินการนั้นเป็นเรื่องดี และหากยอมให้ดำเนินการเสร็จสิ้นในรัฐบาลสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เรื่องนี้ก็ไม่ต้องขึ้นศาลโลก
นายนพดล ยังโพสต์ด้วยว่า ขณะที่ทนายเขมรระบุว่าถูกรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปรุกรานเขา กลับไม่มีคนเชื่อ แต่กลับเชื่อว่ารัฐบาลนายสมัครสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลก นอกจากนี้ แถลงการณ์ที่ได้ดำเนินการไปนั้น เป็นการให้เขมรยอมรับว่า มีพื้นที่ทับซ้อนอยู่จริง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขมรไม่เคยยอมรับ
**โทรโข่งรัฐโต้”มาร์ค”หยิบเล่นการเมือง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ และกลุ่มคนไทยพิทักษ์แผ่นดินอีสานตอนใต้ประชาชนผู้รักชาติบางส่วน เดินทางไปที่หมู่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อปฏิบัติการเชิงสัญลักษณ์ปักธงชาติไทยในพื้นที่พิพาทว่า อยากให้มีการติดตามการแถลงปิดคดีด้วยวาจาในศาลโลก ไม่อยากให้กลุ่มหนึ่งกลุ่มใด พรรคการเมืองบางพรรคนำมาเป็นเรื่องของการเมือง รัฐบาลมีหลักฐานดำเนินการที่ชัดเจน และเป็นเรื่องที่ดำเนินการมานานแล้วถึง 51 ปี อยากให้ประชาชนให้กำลังใจ รอข้อสรุปจากศาลโลกก่อน
ด้านร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลอย่าเอาประเด็นข้อพิพาทปราสาทพระวิหารมาเป็นประเด็นการเมืองในประเทศนั้น ขอให้สบายใจได้ว่าไม่ใช่วิสัยของรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะรัฐบาลไม่มีเวลาแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในประเทศ ส่วนประชาชนที่เดินทางไปชุมนุมที่ภูมิซรอล รัฐบาลขอความร่วมมือให้ทุกท่านชุมนุม อย่างสงบ สันติ อยู่ในกรอบของกฎหมาย
***"ปู"ยังกล้าพูดล่ามแปลได้ดี
ในระหว่างการประชุมที่ศูนย์บัญชาการกำหนดยุทธศาสตร์และติดตามการต่อสู้คดีพระวิหาร ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งกับผู้บริหารกระทรวงว่า พอใจอย่างยิ่งกับการแปลของล่าม ซึ่งดีกว่าเดิมมาก เพราะมีการเตรียมข้อมูลล่วงหน้า ทำให้เกิดความเข้าใจชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ที่ติดตามการให้การด้วยวาจากรณีเขาพระวิหาร ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ล่ามแปลไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่เข้าใจเนื้อหาสาระที่ไทยพยายามนำไปโต้แย้งกัมพูชา โดยมีการแสดงความเห็นเรื่องนี้ผ่านหลายช่องทาง โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางโซเซียลมีเดีย และการคอมเม้นท์ข่าวสารต่างๆ
***ย้ำเขมรมั่วใช้แผนที่ 1:20000
วันเดียวกันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 20.00น. ตามเวลาในประเทศไทย ได้มีการให้การทางวาจาครั้งที่ 2 โดยศ.เจมส์ ครอว์ฟอร์ด และ ศ.โดนัลด์ เอ็ม แม็กเรย์ ทนายความของฝ่ายไทยได้ชี้แจงต่อ โดยเน้นย้ำไปที่กัมพูชายังคงพยายามยกแผนที่ภาคผนวก 1 หรือ 1:200,000 เรียกร้องให้ศาลพิจารณาอำนาจอธิปไตยเหนือเขตแดน ทั้งตัวปราสาทและพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาท ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมมาทีหลัง จากคำตัดสินเดิม ถือเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่มีแผนที่ฉบับไหนที่จะรองรับเขตแดนตามที่กัมพูชาอ้างแต่อย่างใด โดยองค์คณะผู้พิพากษาได้เปิดให้ไทยได้ให้การด้วยวาจา จนถึงเวลาประมาณ 21.30 น.
หลังจากนั้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ได้ยืนยันว่า ไทยสามารถทำการโต้แย้งกัมพูชาได้ในทุกประเด็น และมั่นใจว่าศาลโลกจะรับฟังข้อมูลของไทย