ASTVผู้จัดการรายวัน – สงกรานต์เม็ดเงินโฆษณาซึม ทรงตัวเท่าปีก่อน เหตุเจ้าของแบรนด์สินค้าหวั่นสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง สถานะการเงินยุโรปสั่นคลอน สินค้ายุโรปเลื่อนการใช้เงินในช่วงสงกรานต์ไปก่อน ส่อแววเม็ดเงินโฆษณา4เดือนแรกหวิดต่ำกว่าปีก่อน หลังพบ 2 เดือนแรก โฆษณารวมตกลง 0.12% หรือมีมูลค่าเพียง 16,249 ล้านบาท
นางวรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไอพีจี มีเดีย แบรนด์ส จำกัด ในฐานะ นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในเดือนเมษายนนนี้ มีแนวโน้มไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
เนื่องจากภาพรวมโฆษณาในปีก่อนค่อนข้างดีและน่าจะส่งให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีก่อนมาจนถึงหน้าร้อนปีนี้ได้ แต่พอถึงเมายน จริงๆ กลับพบว่ามีตัวเลขทรงตัวเท่าปีก่อน ถึงแม้จะมีกลุ่มสินค้าหน้าร้อน เช่น กลุ่มเครื่องดื่ม น้ำอัดลม หรือ ชาเขียว จะออกมาสร้างแคมเปญส่งเสริมการขายช่วงหน้าร้อนอย่างคึกคักก็ตาม
“สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขโฆษณาหน้าร้อน หรือในเดือนเม.ย.นี้ทรงตัว มองว่าน่าจะมาจากความกังวลใจของผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับ สถานการณ์ทางการเมืองที่มองว่ามีความไม่นิ่งอยู่ในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์จากฝั่งยุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นด้วย จึงทำให้เม็ดเงินโฆษณาจากสินค้าที่มาจากยุโรปในเดือนเม.ย.นี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้”
ถึงแม้จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายค่อนข้างมาก แต่เม็ดเงินที่ใช้ก็ไม่ได้มากจนทำให้ส่วนของการลงสื่อโฆษณาหายไปมากขนาดนี้ สำหรับลูกค้าของทางบริษัทเอง ยังพบด้วยว่า มีการเลื่อนการใช้เงินและกิจกรรมส่งเสริมการขายออกไปเช่นกัน”
อย่างไรก็ตามจากตัวเลขตลาดรวมโฆษณาในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา ของทางนีลสัน คอมปะนี พบว่าเติบโตลดลง 0.12% หรือมีมูลค่าเพียง 16,249 ล้านบาท เทียบกับ 2 เดือนแรกของปีก่อน ทำได้ดีกว่าที่ 16,268 ล้านบาท โดยสื่อทีวีจะเติบโตได้ดีอยู่ราว 4.37% คิดเป็นมูลค่าที่ 10,328 ล้านบาท และสื่ออินเตอร์เน็ตเติบโตมากสุดที่ 61.63% หรือมีมูลค่าที่ 139 ล้านบาท รองมาคือสื่อทรานซิท ที่เติบโต 26.05%คิดเป็นมูลค่ากว่า 479 ล้านบาท
โดยสื่อที่เหลือมีอัตราการเติบโตลดลงทั้งหมด ประกอบด้วย สื่อในโรงภาพยนตร์ลดลงมากสุด 18.65% ทำได้เพียง 807 ล้านบาท รองลงมาคือ สื่อนิตยสาร ตกลง 15.19% หรือมีมูลค่าที่ 631 ล้านบาท อันดับสาม คือ สื่อหนังสือพิมพ์ ตกลง 8.41% มีมูลค่าอยู่ที่ 2,125 ล้านบาท อันดับสี่ คือ สื่อเอาท์ดอร์ ตกลง 6.49% หรือมีมูลค่าที่ 663 ล้านบาท อันดับห้า คือ สื่ออินสโตร์ ตกลง 6.32% มีมูลค่าเพียง 237 ล้านบาทและสุดท้ายคือ สื่อ วิทยุ ตกลง 5.29% หรือมีมูลค่าที่ 841 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังพบด้วยว่า กลุ่มเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโค้ก มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงที่สุดตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา รวมแล้วใช้ไปกว่า 198,789,000 บาท มากกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ใช้ไปราว 92 ล้านบาท ในเดือนมี.ค.และ เม.ยนี้ มีแนวโน้มที่จะใช้มากขึ้นตามสถาณการณ์การแข่งขันในช่วงหน้าร้อน
นางวรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไอพีจี มีเดีย แบรนด์ส จำกัด ในฐานะ นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในเดือนเมษายนนนี้ มีแนวโน้มไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
เนื่องจากภาพรวมโฆษณาในปีก่อนค่อนข้างดีและน่าจะส่งให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีก่อนมาจนถึงหน้าร้อนปีนี้ได้ แต่พอถึงเมายน จริงๆ กลับพบว่ามีตัวเลขทรงตัวเท่าปีก่อน ถึงแม้จะมีกลุ่มสินค้าหน้าร้อน เช่น กลุ่มเครื่องดื่ม น้ำอัดลม หรือ ชาเขียว จะออกมาสร้างแคมเปญส่งเสริมการขายช่วงหน้าร้อนอย่างคึกคักก็ตาม
“สาเหตุที่ทำให้ตัวเลขโฆษณาหน้าร้อน หรือในเดือนเม.ย.นี้ทรงตัว มองว่าน่าจะมาจากความกังวลใจของผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับ สถานการณ์ทางการเมืองที่มองว่ามีความไม่นิ่งอยู่ในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์จากฝั่งยุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นด้วย จึงทำให้เม็ดเงินโฆษณาจากสินค้าที่มาจากยุโรปในเดือนเม.ย.นี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้”
ถึงแม้จะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายค่อนข้างมาก แต่เม็ดเงินที่ใช้ก็ไม่ได้มากจนทำให้ส่วนของการลงสื่อโฆษณาหายไปมากขนาดนี้ สำหรับลูกค้าของทางบริษัทเอง ยังพบด้วยว่า มีการเลื่อนการใช้เงินและกิจกรรมส่งเสริมการขายออกไปเช่นกัน”
อย่างไรก็ตามจากตัวเลขตลาดรวมโฆษณาในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ที่ผ่านมา ของทางนีลสัน คอมปะนี พบว่าเติบโตลดลง 0.12% หรือมีมูลค่าเพียง 16,249 ล้านบาท เทียบกับ 2 เดือนแรกของปีก่อน ทำได้ดีกว่าที่ 16,268 ล้านบาท โดยสื่อทีวีจะเติบโตได้ดีอยู่ราว 4.37% คิดเป็นมูลค่าที่ 10,328 ล้านบาท และสื่ออินเตอร์เน็ตเติบโตมากสุดที่ 61.63% หรือมีมูลค่าที่ 139 ล้านบาท รองมาคือสื่อทรานซิท ที่เติบโต 26.05%คิดเป็นมูลค่ากว่า 479 ล้านบาท
โดยสื่อที่เหลือมีอัตราการเติบโตลดลงทั้งหมด ประกอบด้วย สื่อในโรงภาพยนตร์ลดลงมากสุด 18.65% ทำได้เพียง 807 ล้านบาท รองลงมาคือ สื่อนิตยสาร ตกลง 15.19% หรือมีมูลค่าที่ 631 ล้านบาท อันดับสาม คือ สื่อหนังสือพิมพ์ ตกลง 8.41% มีมูลค่าอยู่ที่ 2,125 ล้านบาท อันดับสี่ คือ สื่อเอาท์ดอร์ ตกลง 6.49% หรือมีมูลค่าที่ 663 ล้านบาท อันดับห้า คือ สื่ออินสโตร์ ตกลง 6.32% มีมูลค่าเพียง 237 ล้านบาทและสุดท้ายคือ สื่อ วิทยุ ตกลง 5.29% หรือมีมูลค่าที่ 841 ล้านบาท
ทั้งนี้ยังพบด้วยว่า กลุ่มเครื่องดื่ม โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มโค้ก มีการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงที่สุดตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา รวมแล้วใช้ไปกว่า 198,789,000 บาท มากกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ใช้ไปราว 92 ล้านบาท ในเดือนมี.ค.และ เม.ยนี้ มีแนวโน้มที่จะใช้มากขึ้นตามสถาณการณ์การแข่งขันในช่วงหน้าร้อน
