xs
xsm
sm
md
lg

“พงศพัศ” ตำรวจมีตำหนิ

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติอนุมัติรับพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับเข้ารับราชการตามเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่ตำรวจใหญ่นายนี้ จะยืดอกในเครื่องแบบสีกากีอย่างภาคภูมิใจได้อย่างไร ในเมื่อเป็นข้าราชการที่ฝักใฝ่ทางการเมืองไปแล้ว

การสมัครรับเลือกตั้ง ชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในสังกัดพรรคเพื่อไทย ถือว่าพล.ต.อ.พงศพัศได้เลือกข้างไปแล้ว เลือกข้างที่จะอยู่กับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำงานเพื่อรับใช้พรรคเพื่อไทย

แม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีระเบียบ ข้าราชการที่เล่นการเมืองลงสมัครรับเลือกตั้ง สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เมื่อไม่ได้รับการเลือกตั้งสามารถยื่นเรื่องกลับเข้ารับราชการได้ ซึ่งหากลงสมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระ การกลับเข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงไม่มีปัญหา

แต่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และยืนยันความศรัทธาพรรคเพื่อไทย คำถามคือ เมื่อกลับมาเป็นรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พงศพัศ จะทำงานรับใช้ใคร

จะทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน หรือทำงานเพื่อรับใช้พรรคเพื่อไทย

กฎระเบียบการรับตำรวจที่อกหักจากการลงสมัครรับเลือกตั้งกลับเข้ารับราชการ ควรจะทบทวนกันได้แล้ว อย่างน้อยจะต้องทบทวนตั้งเงื่อนไขใหม่ โดยข้าราชการที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่สามารถกลับเข้ารับราชการได้ ต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง เพื่อแสดงความเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

เมื่อกลับเข้ารับราชการ ประชาชนจะได้ไม่มีความรู้สึกว่า ตำรวจนายนั้นไม่ได้กลับมาทำงานเพื่อเป็น “ข้า” รับใช้นักการเมืองใด

เพราะถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่แตกต่างจากกระโถนท้องพระโรง ใครอยากไปไหนก็ไป แต่เมื่อไปไม่รอด กลับเข้ามากินเงินเดือนหลวง กลับมากินตำแหน่งใหม่ ประชาชนทั้งประเทศก็มีภาระต้องเลี้ยงดู

ทั้งที่นายตำรวจที่กลับเข้ารับราชการใหม่ กลับมาเพื่อทำงานรับใช้นักการเมือง

แต่ยุคนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีวันทบทวนกฎระเบียบ ในเมื่อกฎระเบียบที่มีอยู่เอื้อต่อพวกพ้องแวดวงสีกากีทั้งระบบ และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ไม่มีวันแก้ไข ในเมื่อกฎที่มีอยู่เป็นเครื่องมือที่จะใช้ตำรวจเป็นลูกสมุน

หลักเกณท์การรับตำรวจกลับเข้ารับราชการถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด เพราะตำรวจที่มีความผิดวินัยร้ายแรง และถูกให้ออกจากราชการ

แต่ไม่นานก็สามารถกลับเข้ารับราชการใหม่ได้ ทั้งที่ตำรวจที่กระทำความผิด ควรถูกบทลงโทษอย่างหนัก ควรถูกปิดโอกาสที่จะกลับมาเป็นตำรวจใหม่ เพราะนอกจากจะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสื่อมเสียแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อประชาชนด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์องค์กร แม้จะรู้ว่าตำรวจภาพลักษณ์ฟอนเฟะสุดขีด แต่เมื่อนักการเมืองหนุนหลัง รัฐบาลคอยปกป้อง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับความรู้สึกของประชาชน และตั้งระบบมาช่วยพวกพ้องคนสีเดียวกันอย่างตามใจชอบ

จะต่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ไม่ยอมสังคายนาตำรวจก็ไม่ได้ เพราะสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่แตะต้องแก้ไขความฟอนเฟะในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเหมือนกัน เนื่องจากต้องการใช้ตำรวจเป็นลูกสมุน

พรรคการเมืองเมื่อก้าวขึ้นมามีอำนาจ มักจะมองข้ามความเลวร้ายของตำรวจ โดยเลี้ยงไว้หวังเป็นพวกเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์น่าจะรู้ฤทธิ์เดชของตำรวจดี

แต่ต่อให้ประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล ก็ไม่มีวันจัดการกับตำรวจอยู่ดี

สรุปคือ ใครไปใครมา ตำรวจก็อยู่กันอย่างสบาย เพราะพร้อมจะเปลี่ยนสี แปรพักตร์รับใช้ใครก็ได้ที่ขึ้นมามีอำนาจ แต่คนที่รับเคราะห์คือประชาชน เพราะต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูตำรวจทั้งสำนักงาน

ตำรวจดีหรือตำรวจเลว ประชาชนมีหน้าที่จ่ายภาษีเลี้ยงดูหมด ตำรวจที่ทำตัวเป็นโจร ทำร้ายประชาชน ทำลายสังคม ประชาชนก็ตกอยู่ในภาวะจำยอมต้องเจียดภาษีให้อยู่ดี

การกลับเข้ารับราชการของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ หมายถึงประชาชนต้องมีภาระรับเลี้ยงดูนายตำรวจใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 1 คน และเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ดาวและช่อชัยพฤกษ์บนบ่าเอี้ยงเข้าใส่พรรคการเมืองอย่างชัดแจ้ง

         เงินเดือนภาษีที่ประชาชนต้องร่วมกันรับผิดชอบจ่าย จะคุ้มค่าอย่างไร เมื่อนายตำรวจใหญ่ผู้นี้กลับมาอย่างมีตำหนิ

และเมื่อเลือกข้างอยู่พรรคเพื่อไทย พลีใจรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรไปแล้ว การกลับมาเป็นตำรวจอีกครั้ง จะจ้างสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครเชื่อว่า จะเป็นนายตำรวจที่ดีทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน

ใครจะไปเชื่อว่า จะไม่สวมเครื่องแบบเพื่อเป็น “ข้า” รับใช้พรรคเพื่อไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น