xs
xsm
sm
md
lg

บอมบ์ที่ยะรังตชด.เจ็บ2 อุ้ม"นย."-ล้างแค้น16ศพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - คนร้ายลอบวางจยย.บอมบ์ที่อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ตชด.เจ็บ 2 นาย ขณะรับส่งครู ที่จ.นราธิวาส 8 คนร้ายแต่งกายเลียนแบบทหารพร้อมอาวุธครบมือ จี้ตัวพลทหารนาวิกโยธินภาคใต้ จากบ้านพักในอ.รือเสาะ ญาติหวั่นล้างแค้นเหตุวิสามัญคนร้าย 16 ศพ ด้านกองร้อยอส.เพิ่มมาตรการดูเส้นทางรถไฟ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ป้องกันก่อเหตุช่วงสงกรานต์ หลังตัวเมืองมีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา อดีตแม่ทัพภาค 4 มั่นใจ แม่ทัพคนใหม่แก้ปัญหาไม่นาน เกิดสันติสุขแน่

เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้(2 เม.ย.) พ.ต.อ.วสันต์ พวงน้อย ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งเหตุระเบิดบนถนนภายในหมู่บ้าน หมู่ 3 ต.ปิตูมุดี จึงประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบซากรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ถูกแรงระเบิดจนพังยับ ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ห่างกัน 3 เมตรพบรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ล้มอยู่ข้างทาง ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลยะรัง 2 นาย ทราบชื่อ ด.ต.นิเวศ ลือเรือง อายุ 41 ปี และด.ต.พรเทพ สายวงศ์เตีย อายุ 41 ปี ทั้งสองถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณแขนและลำตัว แพทย์รักษาจนปลอดภัยแล้ว

สอบสวนทราบว่า ตำรวจทั้ง 2 นาย สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 จ.เชียงใหม่ ก่อนเกิดเหตุ เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ไปรับครูไปส่งที่โรงเรียนบ้านบาซาเอ โดยมีกำลังอีก 6 นายใช้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ขับตามกันมา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง หนักประมาณ 5 กิโลกรัม ที่ซุกไว้ในรถจักรยานยนต์ที่นำมาจอดไว้ข้างทาง แรงระเบิดทำให้ตำรวจทั้ง 2 นายที่ขับรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว. และพ.อ.บุญสิน ภาคกลาง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 22 สั่งสนธิกำลังปิดล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ โดยเชื่อคนร้ายน่าจะเป็นแนวร่วมในพื้นที่ หวังสังหารเจ้าหน้าที่เพื่อสร้างสถานการณ์

เวลา 13.00 น. น.ส.ดารีซะ ซอพี อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/3 หมู่ 3 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมนายอายิ โตะลู อายุ 56 ปี และนางคอลีเยาะ โตะลู อายุ 55 ปี บิดา-มารดาของพลทหารมะอีลา โตะลู อายุ 24 ปี สังกัดกองพันทหารราบที่ 7 กรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ ซึ่งถูกส่งตัวไปปฏิบัติหน้าที่ ที่กองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 บ้านยือลอ หมู่ 3 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ฐานปฏิบัติการที่คนร้ายบุกโจมตี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิต 16 ราย เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.รัชสิทธิ์ ลือลั่น ร้อยเวรสภ.รือเสาะ ว่าพลทหารมะอีลาถูกคนร้าย 8 คน แต่งกายเลียนแบบทหารพร้อมอาวุธปืนครบมือ บุกจี้ตัวออกจากบ้านเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา

โดยน.ส.ดารีซะ ซึ่งเป็นภรรยาของพลทหารมะอีลา ให้การว่าช่วงเวลา 19.00 น. วันที่ 1 เมษายน ขณะที่ตนขับรถจักรยานยนต์ไปซื้ออาหารในหมู่บ้าน สามีซึ่งลาพักราชการกลับมาบ้าน 6 วัน ได้อยู่กับนายยาการียา ซอพี อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นน้องชาย ได้มีความคนร้าย 8 คน แต่งกายเลียนแบบทหาร อาวุธปืนครบมือ ขับรถกระบะไม่ทราบสี ยี่ห้อ และทะเบียน มาจอดหน้าบ้าน โดยคนร้าย 2 คน ยืนคุมเชิงอยู่หน้าบ้าน อีก 6 คนตรงเข้าไปในบ้าน และใช้ปืนเอ็ม 16 จี้ที่ศีรษะของนายยาการียา แล้วพูดภาษายาวีว่าบ้านนี้ใครเป็นทหาร จากนั้นได้เดินไปใช้เชือกที่เตรียมมามัดมือพลทหารมะอีลา แล้วใช้ปืนจี้คุมตัวขึ้นรถกระบะหายไป

น.ส.ดารียะ กล่าวว่า ปกติพลทหารมะอีลาไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับใครในพื้นที่ เมื่อลาพักก็จะกลับมาอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนมาไหน เนื่องจากเกรงจะตกเป็นเป้าลอบสังหาร ทั้งนี้สามีพูดให้ฟังบ่อยครั้งว่า ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ที่กองร้อยปืนเล็กที่ 2 บ้านยือลอ ต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีกระแสข่าวหลังคนร้ายเสียชีวิต 16 ศพ ว่าคนร้ายจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาคืนชีวิตเจ้าหน้าที่เป็น 2 เท่า คือ 32 ศพ เพื่อแก้แค้นให้สมาชิกที่ถูกวิสามัญ

หลังจากรับแจ้งความ ร.ต.ท.รัชสิทธิ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปบ้านเกิดเหตุ เพื่อตรวจหาหลักฐานกลุ่มคนร้ายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่การสืบสวนหาข้อเท็จจริง และติดตามกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดี

เวลา 18.30 น.พ.ต.ท.ธวัชชัย สังฆมิตกล รองผกก.ป.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี นำกำลังไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงบนถนนหมู่ 4 ต.เมาะมาวี พบรถยนต์นิสสัน ทะเบียน กก 4785 ปัตตานี จอดอยู่ข้างทาง มีรูกระสุนที่กระจกด้านคนขับหลายแห่ง ภายในรถพบผู้เสียชีวิตบนเบาะคนขับ ทราบชื่อนายดอรอแม กาเจ๊ะลาตี อายุ 52 ปี ถูกยิงปืนขนาด 9 มม.ที่ศีรษะและลำตัว คนเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลยะรัง ทราบชื่อนางแวหม๊ะ กาเจ๊ะลาตี อายุ 50 ปี มีบาดแผลที่แขนและที่คอเล็กน้อย พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ จำนวน 5 ปลอก

สอบสวนทราบว่า ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถมาจากจ.ยะลา เพื่อเดินทางกลับบ้าน ถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย 2 คนขับรถจักรยานยนต์ประกบยิง สาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสร้างสถานการณ์

ด้านอาสาสมัคร(อส.)หมวดปฏิบัติการที่ 1 กองร้อยบังคับการและบริการส่วนหน้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเส้นทางรถไฟ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก่อเหตุ หลังจหน่วยงานด้านความมั่นคง แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในเดือนนี้ซึ่งมีเทศกาลสงกรานต์ การเดินทางหนาแน่น คนร้ายอาจเปลี่ยนเป้าหมายมาก่อเหตุกับรถไฟ เนื่องจากในตัวเมืองมีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา

ทั้งนี้ มีการจัดกำลังอส. 8 นาย และตำรวจรถไฟ 2 นายดูแลความปลอดภัยบนขบวนรถไฟทุกขบวน ทั้งขาขึ้นและขาล่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา จนถึงสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยเฉพาะช่วงรอยต่อระหว่าจ.ยะลา กับจ.นราธิวาส จะคุมเข้มเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นจุดล่อแหลมที่คนร้ายมักลอบวางระเบิดเส้นทาง และโจมตีเจ้าหน้าที่บนขบวนรถไฟ รวมทั้งจัดชุดลาดตระเวนเส้นทางก่อน ที่ขบวนรถไฟเที่ยวแรกจะออกให้บริการทุกวัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานรถไฟที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ภาค 4 ส่วนหน้า ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กองทัพภาคที่ 4 ได้จัดให้มีพิธีรับ-ส่งหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4) โดยพล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัตน์ (ตท.13) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก อดีตมทภ.4 ผู้อำนวยการรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ส่งมอบหน้าที่ให้กับพล.ท.สกล ชื่นตระกูล มทภ.4 และผู้อำนวยการรมน.ภาค 4 ส่วนหน้า คนใหม่

ทั้งนี้ ได้มีพิธีบวงสรวงสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก่อนจะร่วมลงนามมอบตำแหน่งที่ห้องรับรองกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จากนั้นทำพิธีส่งมอบตำแหน่งต่อหน้ากำลังพลกว่า 500นาย และพบปะกับกลุ่มพลังมวลชนที่เดินทางมาให้กำลังใจ

พล.ท.สกล กล่าวกับกำลังพลว่า จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมจะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาความสงบเพื่อให้เกิดสันติสุขต่อไป

พล.อ.อุดมชัย กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบหน้าที่ ว่าก่อนอื่นตนเองก็ต้องขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน ทั้งในพื้นที่และส่วนกลาง เพราะเวลา 2 ปีครึ่งที่ตรับตำแหน่งผู้อำนวยการรมน.ภาค 4 ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งในการนำเสนอข่าวสาร บางครั้งอาจมีข้อขัดข้องบางประการก็ต้องขออภัย แต่สิ่งที่สื่อมวลชนได้ทำไป ทำให้ตนเองเกิดการพัฒนาด้านมุมมอง มีแง่คิดแง่มุมหลายด้าน ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน กับการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้

"แม่ทัพคนใหม่ก็เป็นเพื่อนกัน ซึ่งไม่เป็นตามคำอ้างของฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องการสร้างความแตกแยกระหว่างพวกเรา สำหรับผมก็ยังคงอยู่เพื่อช่วยงานบางเรื่อง เชื่อว่าท่านแม่ทัพท่านใหม่มีความรู้ความสามารถ ทำงานได้ดีกว่าผมและตน คาดว่าอีไม่นานจะเกิดความสันติสุข ขึ้น"
กำลังโหลดความคิดเห็น