xs
xsm
sm
md
lg

บึ้มร้านทองยะลา เผาวอด2หลังบ้านไทยพุทธ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - 2 คนร้ายใช้ประทัดยักษ์บึ้มร้านทองซังเต็ง 2 หัวมุมตลาดสด ถ.รถไฟ เขตเทศบาลนครยะลา บาดเจ็บ 1 ตร.ชี้คนร้ายหวังชิงทรัพย์ ส่วนที่นราฯ คนร้ายบุกเผาบ้านไทยพุทธ 2 หลัง หวังลวงดักสังหารหมู่ จนท. ยะลาบุกจับ "มะเสาพี ดอแม" มือประกอบระเบิดเครือข่าย "นูรมาน ดอเลาะ" ด้าน "เหลิม" ชี้เหตุเผายางยะลา-นราฯแค่สร้างสถานการณ์ อ้างถ้าลงพื้นที่เองจะหนักกว่านี้ "ผบ.ทบ."วอนเลิกตำหนิรัฐบาล หรือมาขัดแย้งกันเองในเรื่องเจรจาโจรใต้ เชื่อเป็นหนทางใหม่

เมื่อเวลา 15.20 น.วานนี้ (5มี.ค.) ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในร้านทองซังเต้ง 2 เลขที่ 4 ถนนรถไฟ อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมือง จ.ยะลา พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา และเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุภายในร้านดังกล่าวพบตู้กระจกหน้าร้านแตกเศษกระจกกระจายอยู่บนพื้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดเล็กน้อย 1 ราย ชื่อ น.ส.พิมภา ผอมขาวช่วง อายุ 54 ปีได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าจากเศษกระจกบาดโดยเจ้าหน้าที่พบเศษท่อพีวีซี เศษดินดำ รวมทั้งตะปูจำนวนหนึ่ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดระบุเป็นเพียงประทัดยักษ์ชนิดทำเองที่คนร้ายนำมาใส่ในท่อพีวีซี

สอบสวนนายสมศักดิ์ พงษ์พันธ์ไพศาล เจ้าของร้านทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คนใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟ ไม่ทราบสี ทะเบียน 692 นราธิวาส นำประทัดยักษ์ประกอบใส่ท่อพีวีซีเข้าไปวางบนตู้กระจกแล้วประทัดได้เกิดระเบิดขึ้นทำให้กระจกแตก ก่อน 1 ใน 2 คนร้ายวิ่งกลับเข้ามาเพื่อที่จะหยิบทองภายในตู้ แต่เนื่องจากยังมีกรงเหล็กอยู่ภายในทำให้ไม่สามารถหยิบไปได้ จากนั้นคนร้ายได้วิ่งออกมาจากร้านขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายประสงค์ต่อทรัพย์ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบ แต่อย่างไรก็ตามจะนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพคนร้ายที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ไปตรวจสอบเพื่อดำเนินการติดตามจับกุมต่อไป

**เผาบ้านไทยพุทธ 2 หลังในรือเสาะ

ก่อนหน้านี้เวลา 08.30 น.ที่ จ.นราธิวาส พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้เข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงบ้านไทยพุทธได้รับความเสียหาย 2 หลังเมื่อช่วงคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ภายในหมู่บ้านตือโละ ม.7 ต.เรียง อ.รือเสาะ แต่เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบเกรงจะถูกคนร้ายวางแผนลวงเพื่อดักสังหาร

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบบ้านไม้ 2 หลังปลูกติดกัน ซึ่งฝั่งตรงกันข้ามเป็นป่ารกทึบ โดยหลังแรกคือ บ้านเลขที่ 18/1 เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น โดยมีนางเล็ก ดองจันทร์ อายุ 70 ปี เป็นเจ้าของ ซึ่งคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบงัดประตูหลังแล้วนำน้ำมันเชื้อเพลิงไปราดบนที่นอน 2 จุด ซึ่งอยู่ชั้นบน และชั้นล่างแล้วจุดไฟเผา โดยเจ้าหน้าที่พบคราบน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่บนที่นอน และส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ทำให้บ้านได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง

ส่วนหลังที่ 2 เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เลขที่ 85/4 โดยมีนางเมธินี งามแสง อายุ 30 ปี เป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เยียวยาประจำที่ว่าการ อ.รือเสาะ โดยคนร้ายได้งัดประตูหน้าบ้านเข้าไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงราดที่โต๊ะภายในห้องนอนจนไฟลุกลามเข้าไปกินฝาผนังได้รับความเสียหาย ซึ่งหลังนี้เจ้าหน้าที่พบคราบน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวนหนึ่งตกอยู่ที่พื้น เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

สอบถามชาวบ้านละแวกดังกล่าวทราบว่า จุดเกิดเหตุเป็นชุมชนไทยพุทธ ในอดีตมีอยู่ด้วยกัน 7 หลังคาเรือน ต่อมากลุ่มผู้ไม่หวังดีได้ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของบ้านเสียชีวิตไปทีละหลัง ตั้งแต่ปี 2550-54 จนไทยพุทธกลุ่มนี้ได้อพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่อื่น ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร.15122 ฉก.นราธิวาส 30 และเจ้าหน้าที่ทหารชุดรบพิเศษที่ 408 ได้ขอเจ้าของบ้านซึ่งถูกคนร้ายวางเพลิงทั้ง 2 หลังใช้เป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการย่อยเพื่อปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองชาวบ้าน และหลังจากทหารทั้ง 2 หน่วยได้ถอนกำลังไปประมาณ 3 เดือนคนร้ายจึงได้งักบ้าน และบุกเข้าไปวางเพลิงได้รับความเสียหายดังกล่าว

พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายมีแผนบุกเผาบ้านไทยพุทธร้างทั้ง 2 หลังเพื่อลวงเจ้าหน้าที่เข้าไปดักสังหารหมู่ ขณะที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ แต่ทางการรู้ทันจึงทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว

**รวบมือผลิตบึ้มเครือข่าย"นูรมาน"

ที่ จ.ยะลา พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 พร้อมกำลังทหาร ตำรวจ ชุดสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดยะลา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ เข้าตรวจค้นห้องหมายเลข 541/97 ชั้น 3 อาคารที่พัก ภายในแขวงการทางยะลา อ.เมืองยะลา หลังสืบทราบว่านายมะเสาพี ดอแม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.2 ต.สามัคคี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งทำงานเป็นลูกจ้างของแขวงการทางยะลา ผู้ต้องสงสัยมีส่วนพัวพันเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดยะลาพักอาศัยอยู่

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ขอเข้าทำการตรวจค้นพบนายมะเสาพี ดอแม อยู่ภายในห้องดังกล่าวโดยภายในห้องนอนพบโทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่อง อุปกรณ์ซ่อมโทรศัพท์มือถือ สายไฟ วงจรอิเล็กทรอนิกส์นับร้อยรายการ จึงได้รวบรวมเป็นหลักฐาน โดยนายมะเสาพี ให้การปฎิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดแต่อย่างใด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นายมะเสาพี จะเป็นผู้ประกอบระเบิด และมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหน้าแขวงการทางเมื่อปี 2553 คดีเหตุระเบิดหน้าร้านแสงไทยโลหะกิจ รวมทั้งล่าสุดเหตุระเบิดทหารพราน ฉก.ทพ.33 ที่สวนศรีเมือง เขตเทศบาลนครยะลา และยังมีความเชื่อมโยงกับเหตุคนร้ายถูกระเบิดเสียชีวิต 2 ศพ ที่ อ.รือเสาะ ซึ่งทราบว่า นายมะเสาพี ได้เดินทางไปรับศพคนร้ายทั้ง 2 เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวพร้อมให้ชุดนิติวิทยาศาสตร์เข้าตรวจสอบดีเอ็นเอ พร้อมนำนายมะเสาพี ไปสอบสวนต่อที่ ฉก.ยะลา 11

พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามกลุ่มคนร้ายที่มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดภายในเขตเมืองยะลาและก็มีกลุ่มเป้าหมายคือ นายมะเสาพี ดอแม ซึ่งเป็นลูกจ้างแขวงการทางยะลา ที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน เมื่อปี 2553 รวมทั้งมีความเชื่อมโยงกับอีกหลายคดี ซึ่งหลังจากที่เข้าตรวจค้นภายในห้องพักก็พบโทรศัพท์มือถือกว่า 10 เครื่องและวงจรอิเล็กทรอนิกส์อีกหลายรายการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการตรวจสอบ

"สำหรับนายมะเสาพี เบื้องต้นพบว่า พัวพันในหลายเหตุการณ์ รวมทั้งกรณีเหตุระเบิด จยย.บอมบ์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีทหารพราน 3308 เสียชีวิต 2 นายและบาดเจ็บจำนวนมาก ก็พบว่านายมะเสาพี น่าจะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้"

ด้านชุดสืบสวนสอบสวน เผยว่า สำหรับนายมะเสาพี ทางการข่าวพบว่ามีหน้าที่ในการประกอบระเบิดให้แก่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงว่าระเบิดที่หน้าแขวงการทางยะลาเมื่อปี 2553 และระเบิดหน้าร้านแสงไทยโลหะกิจ เมื่อเดือน พ.ย.55 ที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนายนูรมาน ดอเลาะ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ รวมทั้งระเบิด จยย.บอมบ์ ทหารพราน 33 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.56 นายมะเสาพี เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น

**"เหลิม"กลืนน้ำลายตัวเอง"พูดไฟใต้"

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ครม. แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ติดภารกิจเดินทางไปเยือนประเทศสวีเดนโดย ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นการเมือง แต่จะให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงแนวทางการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และปรับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯแทนใน 5 อำเภอ จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ยังมีความเห็นไม่สอดคล้องต้องกัน แต่แนวโน้มจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ประมาณ 5-6 อำเภอที่สถานการณ์ดีขึ้น แต่ฝ่ายปฏิบัติการขอไปเจรจากับฝั่งมาเลเซียเบื้องต้นก่อน แล้วมาหาบทสรุป

"เมื่อช่วงเช้าผมได้ประสานกับผู้ว่าฯนราธิวาส และยะลา รวมถึง ผบก.ยะลา เพี่อสอบถามถึงกรณีที่มีกลุ่มคนร้ายเผายางรถยนต์บนถนนหลายจุดในพื้นที่ จ.ยะลา และนราธิวาส ซึ่งพบว่าข้อเท็จจริงเกิดเหตุใน 2 จังหวัด คือ จ.นราธิวาสที่ อ.รือเสาะ มีการเผาบ้านร้างนอกเมือง ส่วนที่ จ.ยะลา เกิดเหตุทั้งหมด 54 จุด เหตุเกิดระหว่างเวลา 20.00-21.00 น. เป็นการเผายางรถยนต์ในเขตนอกเมือง จากอำเภอหนึ่งไปอำเภอหนึ่งและมีการล้มเสาไฟฟ้า แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้สรุปสถานการณ์มาว่า เป็นการก่อกวนนอกเมือง เพื่อให้กำลังเจ้าหน้าที่ในเมืองออกไป แต่เขารู้ทัน จึงไม่ออกไป ความเสียหายมีเพียงเท่านี้ ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ทั้งสองจังหวัด"

ผู้สื่อข่าวถามว่า การข่าวรายงานหรือไม่ว่าจะมีการป่วนสร้างสถานการณ์แบบนี้ต่อไป ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หากตนเดินทางไปจะยิ่งกว่านี้อีก เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ระบุหรือไม่ว่า เป็นการกระทำของกลุ่มใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นวัยรุ่น ทำเพื่อความสะใจ อาจจะได้รับการยุยงให้สร้างความปั่นปวน หากตนไปแล้วกลับ จะมีเป็นร้อย

**"ผบ.ทบ."วอนเลิกขัดแย้งแก้ไฟใต้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวถึงกรณีที่มีการเผายางรถยนต์ สร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 50 จุดว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้มีหลายมิติ ความขัดแย้งต้องเกิดขึ้นแน่นอนในหลายส่วน ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เดินกันหลายทาง งานในภาคใต้มี 5 กลุ่มงาน ซึ่งทั้ง 5 กลุ่มงานนี้ เดินไม่ได้ 100 % เพราะเกิดจากคนบางกลุ่ม ไม่พึงพอใจ ต้องการให้ใช้ความรุนแรงแก้ไขปัญหา และเรียกร้องในสิ่งที่ตนเองพึงพอใจ ทั้งนี้คิดว่าวิธีการดีที่สุดคือ เร่งดำเนินการในงานทั้ง 5 กลุ่ม ทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา รวมถึงงานรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน กระบวนการยุติธรรม การเปิดเวทีพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออก

ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เราจะทำงานโดยอิสระไม่ได้ ต้องทำควบคู่กันไปว่าจะทำให้พื้นที่ไหนปลอดภัยก่อนจะไปเน้นงานพัฒนา และ ไปสร้างความเข้มแข็งให้ตำรวจ และพลเรือนในการดูแลพื้นที่ได้ด้วยตนเอง ตอนนี้ทหารยังดูแลพื้นที่เป็นหลักตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งการแก้ไขปัญหาทั้งหมดต้องดำเนินตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่กำหนดโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช.) ตอนนี้ที่เป็นปัญหาที่สุดคือ ยุทธศาสตร์ที่ 8 คือการแสวงหาทางออก ท่ามกลางความขัดแย้ง

" ผมขอว่า เราอย่าขัดแย้งกันเองได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ความขัดแย้งมีมากอยู่แล้ว ซึ่งการแก้ไขปัญหาตรงนี้ สมช.ได้รับมอบหน้าที่จากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา เขาก็เดินในส่วนของเขาไป ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องรอดู แต่ถ้ามาพูดกันวันนี้ว่าใช่ หรือไม่ ถูกหรือไม่ถูก ได้หรือไม่ได้ แล้วจะทำอะไรกันได้ เพราะตอนนี้ได้ทำไปแล้ว และก้าวเดินกันไปแล้ว อีกทั้งเป็นยุทธศาสตร์ที่กลั่นกรองโดยสภาฯ มาแล้วเช่นกัน ซึ่งจะใช่หรือไม่ใช่ ก็ค่อยไปว่ากัน ซึ่งผมก็ไม่เคยบอกว่าถูกตัวหรือ ผิดตัว ไม่เคยตอบว่าใช่ หรือไมใช่ เพราะผมเป็นเจ้าหน้าที่ต้องทำตามนโยบายและยุทธศาสตร์ ไม่ใช่จะทำหรือไม่ทำ ไม่ได้ เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่กำหนดโดยรัฐบาล"

** ไม่วิจารณ์เรื่อง"แม้ว"เข้ามาจุ้น

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องฟังเงื่อนไขจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ฟังจากเขา เราฟังจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลมอบหมายให้ใครไปพูดคุย เจรจา ก็ไปพูดคุย แต่ไม่ใช่ว่าข้อเรียกร้องมาถึง แล้วรัฐบาลจะดำเนินการตามที่เขาขอมาทันที ต้องนำเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย มาตรการต่างๆ รวมถึงเข้าสู่สภาฯด้วย ซึ่งไม่ง่ายนัก ถ้าฝ่ายหนึ่งต้องการสิ่งใดเขาก็ต้องเร่งดำเนินการให้เกิดความกดดันให้มากขึ้น เราก็อย่ามากดดันกันเองและลดความกดดันลงเพื่อจะได้มีการไตร่ตรอง ใคร่ครวญอย่างดีที่สุด ไม่มีใครที่ทำได้โดยไม่ผ่านกระบวนการ

เมื่อถามว่า เชื่อทฤษฎีว่าเหตุการณ์จะยุติลงบนโต๊ะเจรจาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เป็นเหตุเป็นผล ทั้งโลกก็ทำแบบนี้ แต่เหตุการณ์จะจบ 100 % หรือไม่ ซึ่งตนคิดว่ามันไม่จบ แต่ยุติความรุนแรงได้ วันนี้อย่ามาติติงกันมากนัก เพราะจะมีปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ ซึ่งคนทำก็ลำบากใจ และก็ไม่ได้เข้าข้างใคร คิดแต่ว่า ต้องทำอย่างไรให้ประเทศชาติปลอดภัย เดินไปข้างหน้า

เมื่อถามว่าที่คนหวาดระแวงกัน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการพูดคุยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องหยุดเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อน ตนจะไม่กล่าวถึงคนอื่น เราแก้ไขปัญหาของเราด้วยกลไกของรัฐ คนอื่นใครจะช่วย ก็ว่าไป ซึ่งทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น