ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโด กองปราบปราม กว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการสายฟ้าแลบ บุกทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่ 2 แห่ง ในพื้นที่กทม.ที่มีการเปิดให้มีการเล่นพนันอย่างเย้ยฟ้าท้าดิน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ที่แรกตำรวจคอมมานโด 50 นาย พร้อมหมายศาล บุกเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 146/64 และ 146/65 ซ.ปรีดีพนมยงค์ 10 ถ.สุขุมวิท 71 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. ซึ่งสถานที่แห่งนี้เปิดเป็นบ่อนการพนัน เป็นที่รู้จักกันในชื่อบ่อน “แม่โห้” สภาพเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ โอ่โถง มีกล้องวงจรปิดติดตั้งดูความเคลื่อนไหวตั้งแต่บริเวณปากซอยจนถึงหน้าบ้าน นอกจากนี้บริเวณทางเข้ามีเครื่องตรวจจับอาวุธ มิหนำซ้ำยังมีตู้แดงของสน.คลองตัน ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านด้วย
ขณะที่ภายในแบ่งเป็นห้องโถงหลายห้อง มีนักพนันชายหญิง กำลังจับกลุ่มเล่นพนันบาคาร่า ถั่ว และไฮโล ตามโต๊ะพนันที่ตั้งอยู่บริเวณห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งแบ่งเป็น 4 ห้อง ซึ่งห้องด้านในสุดจัดเป็นห้องวีไอพี รวมเป็นโต๊ะพนัน 19 โต๊ะ แบ่งเป็นโต๊ะบักคารา 17 โต๊ะ และโต๊ะถั่ว 2 โต๊ะ ส่วนบริเวณชั้น 2 เป็นที่เล่นพนันไพ่สามกอง โดยมีโต๊ะสำหรับเล่นพนัน 4 โต๊ะ นอกจากนี้ ยังมีตู้ม้าอีก 2 ตู้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเจ้ามือและนักพนันได้จำนวน 258 ราย สามารถตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย โต๊ะพนันทั้งหมดเกือบ 20 โต๊ะ โดยเป็นโต๊ะพนันบักคารา 11 โต๊ะ โต๊ะถั่ว 1 โต๊ะ และโต๊ะพนันของแขกวีไอพีอีก 6 โต๊ะ เงินสดกว่า 4 ล้านบาท ชิปแลกเงินมูลค่าตั้งแต่ 100-100,000 บาท รวมถึงอุปกรณ์การพนันอื่นๆ เช่น กระดาษจดแต้ม ไพ่และเครื่องสับไพ่ วิทยุสื่อสาร รวมมูลค่าของกลางไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ส่วนกำลังอีกชุดนำโดย พ.ต.ต.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย สว.กก.ปพ.บก.ป. บุกเข้าจับกุมบ่อนการพนันอีกแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในซอยอุดมสุข 25 แขวงและเขตบางนา กทม. ซึ่งรู้จักกันในนามบ่อน “อ้วน อุดมสุข” โดยภายในมีการเปิดให้เล่นการพนันไฮโล ตู้ลูกดีดไฟฟ้า และพนันฟุตบอล ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนักพนันชายหญิงได้ทั้งหมด 92 ราย
ขณะที่เจ้าของพื้นที่อย่าง "เดอะแจ๊ด" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เจอชุดใหญ่ขนาดนี้ ถึงกับหน้าถอดสี พร้อมใช้ข้ออ้างสุดคลาสสิก ที่ว่า ตำรวจงานมีภาระงานรัดตัว ทำให้ไม่มีเวลาไปดูแลการลักลอบเปิดบ่อนการพนัน
"เรื่องนี้ต้องยอมรับ เพราะที่ผ่านมามุ่งเน้นกำลังตำรวจส่วนใหญ่ไปที่การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ทำให้เกิดช่องว่างมีการลักลอบเปิดบ่อนการพนันในหลายพื้นที่ ซึ่งหากจะมองว่าเป็นเรื่องความบกพร่องก็ยินดีน้อมรับ"พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ระบุ
อย่างไรก็ตามวันรุ่งขึ้น "บิ๊กอู๋" พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งด่วนให้ พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.บางนา มาปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) ส่วนกลุ่ม รอง ผกก.ป., สว.สส.และ สวป.ให้ ผบช.น.สั่งให้ปฏิบัติราชการในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สำนักงานจเรตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน
ผบ.ตร.ระบุว่า ตนได้สั่งให้นายตำรวจทั้ง 4 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าการสอบสวนทางวินัยจะแล้วเสร็จ ส่วน ผบก.น.5 ที่ถูกให้มาช่วยราชการด้วย เพราะถูกจับกุมบ่อนในพื้นที่ถึง 2 แห่ง ส่วนกรณีที่ตำรวจคอนมานโดเข้าจับบ่อนดังกล่าวนั้น ผบ.ตร.ย้ำว่า เป็นคนสั่งเอง และจะยังมีการจับกุมแบบนี้อีก ที่สำคัญไม่ใช่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าเรื่องปราบปรามอบายมุข เป็นหน้าที่ที่ตำรวจจะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ทว่า การเข้าทลายบ่อนขนาดยักษ์คราวเดียวทั้ง 2 แห่งในพื้นที่เมืองหลวง ย่อมเป็นที่จับตามอง อย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะเรื่องการแซะเก้าอี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เจ้าของรหัส "น.1" ซึ่งเจ้าตัวตอนนี้อาจเรียกว่ากำลังดวงตก ถูกมรสุมลูกใหญ่ถาโถมเข้าใส่ลูกแล้วลูกเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความล้มเหลวในการผลักดัน "บิ๊กจูดี้" พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ให้เข้าวินเป็นผู้ว่าฯ เมืองหลวง จนมีกระแสข่าวว่า "บิ๊กแม้ว" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่คอนโทรลอยู่แดนไกลถึงกับควันออกหู หรือแม้แต่ "เจ๊ปู" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกอาการไม่ปลื้มเอาซะมากๆ
หลังจากนั้นก็มีกระแสข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องว่าจะมีการโยก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พ้นนครบาล มาคราวนี้ยังถูกตำรวจนอกหน่วยอย่างกองปราบบุกทลายบ่อนขนาดมหึมาในพื้นที่คราวเดียวถึง 2 บ่อน ยึดของกลางมูลค่ากว่าสิบล้าน จนผบ.ตร.ออกโรงหิ้ว หัวหน้าหน่วยระดับผบก.-ผกก. เหลือเพียงระดับผบช.เท่านั้นที่ยังคงลอยนวลอยู่
แต่ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผบช.นั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. จึงต้องมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผลสามารถตอบสังคมหรือแม้กระทั่งเจ้าตัวได้ ปฏิบัติการจับบ่อนครั้งนี้ของตำรวจกองปราบภายใต้อาณัติของ "เดอะกิ๊ก"พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ที่เคยมีปมขุ่นข้องหมองใจกับลูกพี่ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อย่าง “เป็ดเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงถูกมองว่าเป็นการช่วยหาเหตุผลให้กับ ก.ตร. ซึ่งในการประชุมก.ตร.ในวันที่ 4 เม.ย.2556 มีวาระการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับผบก.-รองผบช.นอกวาระประจำปี โดยวันดังกล่าวจะมีการแต่งตั้งระดับผบช.ในตำแหน่งที่กำหนดขึ้นใหม่ด้วย จึงมีการคาดการณ์กันว่าอาจจะมีการพิจารณาตำแหน่ง ผบช.น.ด้วย
งานนี้เรียกว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถึงกับออกอาการร้อนๆ หนาวๆ เพราะมีโอกาสสูงที่จะถูกโยกพ้นนครบาล หรือโชคดีอาจแค่ได้สลับเก้าอี้กับ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 ตามกระแสข่าว แต่ถ้าโชคร้าย อาจเลยเถิดถึงขั้นเก็บกรุเลยก็มีโอกาสเป็นไปได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับลูกพี่ใหญ่อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ว่าจะสามารถใช้อำนาจบารมีที่เหลือน้อยเต็มที ปกป้องน้องรักคนนี้ได้มากแค่ไหน แว่วว่าเจ้าตัวถึงกับลงทุนดอดไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว ซึ่งหากจริงดังข่าวลือ เรื่องของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คงเป็นประเด็นลำดับแรกๆ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม หยิบยกไปคุย
ขณะที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เองมีคนตาดีแอบเห็นว่าช่วงนี้เจ้าตัวขยันเดินเข้า-ออก สตช.ถี่เป็นพิเศษ รวมทั้งมาปรากฎตัวในงานแถลงข่าวที่ พล.ต.อ.อดุลย์ อยู่ร่วมแถลงด้วยเสมอ ทั้งนี้ หากจับกิริยาอาการดังกล่าวของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ย่อมเป็นการคอนเฟิร์ม กระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายแล้วหากมีการโยก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยใช้ข้อหาปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่จริง ลูกพี่ใหญ่ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม ก็คงเถียงไม่ออก เพราะหากยังจำกันได้ ร.ต.อ.เฉลิม เองก็เคยใช้ข้อหานี้กดดันให้ "บิ๊กน้อย" พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. จำยอมสละเก้าอี้ ก่อนยกให้ "บิ๊กอ๊อบ" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาแล้ว ดังนั้น หากจะพูดว่ากรณีนี้เข้าทำนองสุภาษิตไทยที่ว่า "กงเกวียนกำเกวียน"ก็คงไม่ผิดนัก