ASTVผู้จัดการรายวัน -ผบ.ตร.สั่งเด้ง ผบก.น.5 และ 3 ผกก. “คลองตัน-บางนา-โพธิ์แก้ว” ช่วยราชการที่ ศปก.ตร. หลังถูกคอมมานโดทลายบ่อนในพื้นที่ เตรียมประสานป.ป.ง. ยึดทรัพย์เพิ่ม ศาลสั่งจำคุกเจ้ามือ 7 เดือน ปรับนักพนันหัวละ 2 พันบาท "ชูวิทย์" จี้จัดการบ่อนลอยฟ้าของคนโตย่านบางบอน
วานนี้ (24 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจคอนมานโด กองบังคับการปราบปราม ไปจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.คลองตัน, สน.บางนา และ สภ.โพธิ์แก้ว จว.นครปฐม ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มีวิทยุสั่งการด่วนให้ข้าราชการตำรวจ ให้ พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.บางนา และ พ.ต.อ.ชัชชาย คล้ายคลึง ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ส่วนกลุ่ม รอง ผกก.ป., สว.สส.และ สวป.ให้ ผบช.น.และ ผบช.ภ.7 สั่งให้ปฏิบัติราชการในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานจเรตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ได้สั่งให้นายตำรวจทั้ง 4 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าการสอบสวนทางวินัยจะแล้วเสร็จ สำหรับ ผบก.น.5 ที่ถูกให้มาช่วยราชการ เพราะถูกจับกุมบ่อนในพื้นที่ถึง 2 แห่ง ส่วนกรณีที่ตำรวจคอนมานโดเข้าจับบ่อนดังกล่าวนั้น ตนเป็นคนสั่งเอง และยังจะมีการจับกุมแบบนี้อีก
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลักในการพิจารณาของ ผบ.ตร. ว่าจะสั่งให้ผู้บังคับบัญชาระดับใดมาช่วยราชการ คือ หากท้องที่ใดถูกตำรวจส่วนกลางจับกุมบ่อนการพนัน หัวหน้าสถานีตำรวจต้องรับผิดชอบ หากถูกจับกุม 2 ท้องที่ ผบก.ต้องรับผิดชอบ และหากถูกจับกุมใน 2 บก.หรือ 2 จังหวัด ผบช.ต้องรับผิดชอบ
ทั้งนี้ จะพิจารณาด้วยว่าพฤติกรรมเข้าข่ายต้องยึดทรัพย์หรือไม่ เพราะตามกฎหมาย ระบุว่า หากมีการจับกุมผู้เล่นพนันได้มากกว่า 100 ราย และมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท จะต้องประสานคณะกรรมการและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ให้ทำการยึดทรัพย์ด้วย
ที่ สน.คลองตันและบางนา พนักงานสอบสวน ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งตัวฟ้องศาล โดยใช้รถประจำทางสาย 92 จำนวน 3 คัน ขสมก. รวม 3 คัน ส่งตัวให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง มายื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ
โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 259 คน มีความผิดตาม พรบ.การพนัน พ.ศ.2478 การกระทำของนายฉลอง จำเลยที่ 1 และนายอำนวย จำเลยที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันไพ่ 3 กอง จำคุก 4 เดือน ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันถั่ว จำคุก 6 เดือน ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันบาคาร่า จำคุกคนละ 4 เดือน รวมจำคุก จำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 14 เดือน และปรับฐานร่วมกันเข้าเล่นพนันไพ่ 3 กอง ปรับจำเลยที่ 3-13 คนละ 2 พันบาท ฐานเข้าเล่นพนันถั่ว ปรับจำเลยที่ 14-76 คนละ 4 พันบาท ฐานร่วมกันเล่นพนันบาคาร่า ปรับจำเลยที่ 77-259 คนละ 2 พันบาท จำเลยทั้ง 259 คนให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 7 เดือน และปรับจำเลยที่ 3-13 และ 77-259 คนละ 1 พันบาท และปรับจำเลยที่ 14-36 คนละ 2 พันบาท และศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นการจัดให้มีการเล่นพนัน ในลักษณะบ่อนพนันขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยมิได้เกรงกลัวกฎหมายถือว่ามีพฤติการณ์ที่ร้ายแรง กรณีนี้จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ หากจำเลยที่ 3-259 ไม่ชำระค่าปรับ ให้กักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 และให้ริบอุปกรณ์การเล่นพนัน ของกลาง
ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการจับกุมบ่อนการพนันใหญ่ว่า ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะใช้เวลาในการตรวจสอบค่อนข้างนาน เพราะตนเคยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องบ่อนในพื้นที่ต่างๆ 300 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ ปี 2555 ที่ผ่านมา แต่การทำงานติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ก็ยังดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย ซึ่งการจับกุมบ่อนใหญ่เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้บ่อนเล็กๆ ที่เตรียมจะเปิดตัวเพิ่มก็ระงับการเปิดไว้ก่อน และบางบ่อนพอทราบข่าวว่ามีการจับกุมบ่อนใหญ่ก็ปิดตัวไปแล้วเช่นกัน
สำหรับบ่อนแม่โห้ ถือเป็นบ่อนใหญ่อีกแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ไม่มีสายสัมพันธ์กับทางการเมือง และหากตำรวจอยากจับกุม กวาดล้างให้หมด ต้องไม่เลือกปฏิบัติ อย่างเช่น บ่อนใหญ่อีกแห่ง คือ บ่อนลอยฟ้า ย่านปิ่นเกล้า ที่ตนมีข้อมูลว่า มีสายสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโต ย่านบางบอน ถ้าหากมีการจับกุมได้ ก็คงต้องชื่นชมเช่นกัน
วานนี้ (24 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจคอนมานโด กองบังคับการปราบปราม ไปจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ สน.คลองตัน, สน.บางนา และ สภ.โพธิ์แก้ว จว.นครปฐม ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มีวิทยุสั่งการด่วนให้ข้าราชการตำรวจ ให้ พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.บางนา และ พ.ต.อ.ชัชชาย คล้ายคลึง ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ส่วนกลุ่ม รอง ผกก.ป., สว.สส.และ สวป.ให้ ผบช.น.และ ผบช.ภ.7 สั่งให้ปฏิบัติราชการในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้สำนักงานจเรตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นภายใน 7 วัน
พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ได้สั่งให้นายตำรวจทั้ง 4 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าการสอบสวนทางวินัยจะแล้วเสร็จ สำหรับ ผบก.น.5 ที่ถูกให้มาช่วยราชการ เพราะถูกจับกุมบ่อนในพื้นที่ถึง 2 แห่ง ส่วนกรณีที่ตำรวจคอนมานโดเข้าจับบ่อนดังกล่าวนั้น ตนเป็นคนสั่งเอง และยังจะมีการจับกุมแบบนี้อีก
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หลักในการพิจารณาของ ผบ.ตร. ว่าจะสั่งให้ผู้บังคับบัญชาระดับใดมาช่วยราชการ คือ หากท้องที่ใดถูกตำรวจส่วนกลางจับกุมบ่อนการพนัน หัวหน้าสถานีตำรวจต้องรับผิดชอบ หากถูกจับกุม 2 ท้องที่ ผบก.ต้องรับผิดชอบ และหากถูกจับกุมใน 2 บก.หรือ 2 จังหวัด ผบช.ต้องรับผิดชอบ
ทั้งนี้ จะพิจารณาด้วยว่าพฤติกรรมเข้าข่ายต้องยึดทรัพย์หรือไม่ เพราะตามกฎหมาย ระบุว่า หากมีการจับกุมผู้เล่นพนันได้มากกว่า 100 ราย และมีเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท จะต้องประสานคณะกรรมการและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ให้ทำการยึดทรัพย์ด้วย
ที่ สน.คลองตันและบางนา พนักงานสอบสวน ได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งตัวฟ้องศาล โดยใช้รถประจำทางสาย 92 จำนวน 3 คัน ขสมก. รวม 3 คัน ส่งตัวให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง มายื่นฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ
โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 259 คน มีความผิดตาม พรบ.การพนัน พ.ศ.2478 การกระทำของนายฉลอง จำเลยที่ 1 และนายอำนวย จำเลยที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันไพ่ 3 กอง จำคุก 4 เดือน ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันถั่ว จำคุก 6 เดือน ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันบาคาร่า จำคุกคนละ 4 เดือน รวมจำคุก จำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 14 เดือน และปรับฐานร่วมกันเข้าเล่นพนันไพ่ 3 กอง ปรับจำเลยที่ 3-13 คนละ 2 พันบาท ฐานเข้าเล่นพนันถั่ว ปรับจำเลยที่ 14-76 คนละ 4 พันบาท ฐานร่วมกันเล่นพนันบาคาร่า ปรับจำเลยที่ 77-259 คนละ 2 พันบาท จำเลยทั้ง 259 คนให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 7 เดือน และปรับจำเลยที่ 3-13 และ 77-259 คนละ 1 พันบาท และปรับจำเลยที่ 14-36 คนละ 2 พันบาท และศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นการจัดให้มีการเล่นพนัน ในลักษณะบ่อนพนันขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง โดยมิได้เกรงกลัวกฎหมายถือว่ามีพฤติการณ์ที่ร้ายแรง กรณีนี้จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ หากจำเลยที่ 3-259 ไม่ชำระค่าปรับ ให้กักขังแทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 และให้ริบอุปกรณ์การเล่นพนัน ของกลาง
ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการจับกุมบ่อนการพนันใหญ่ว่า ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะใช้เวลาในการตรวจสอบค่อนข้างนาน เพราะตนเคยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องบ่อนในพื้นที่ต่างๆ 300 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ ปี 2555 ที่ผ่านมา แต่การทำงานติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ก็ยังดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย ซึ่งการจับกุมบ่อนใหญ่เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้บ่อนเล็กๆ ที่เตรียมจะเปิดตัวเพิ่มก็ระงับการเปิดไว้ก่อน และบางบ่อนพอทราบข่าวว่ามีการจับกุมบ่อนใหญ่ก็ปิดตัวไปแล้วเช่นกัน
สำหรับบ่อนแม่โห้ ถือเป็นบ่อนใหญ่อีกแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ไม่มีสายสัมพันธ์กับทางการเมือง และหากตำรวจอยากจับกุม กวาดล้างให้หมด ต้องไม่เลือกปฏิบัติ อย่างเช่น บ่อนใหญ่อีกแห่ง คือ บ่อนลอยฟ้า ย่านปิ่นเกล้า ที่ตนมีข้อมูลว่า มีสายสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโต ย่านบางบอน ถ้าหากมีการจับกุมได้ ก็คงต้องชื่นชมเช่นกัน
