ASTVผู้จัดการรายวัน – หุ้นไทยบวกต่อ 16.84 จุด “วินโดรว์ เดรสซิ่ง” และกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ช่วยดันดัชนี อีกทั้งสถานการณ์ในต่างประเทศยังเป็นบวกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความคืบหน้าแก้ปัญหาไซปรัส โบรกฯเชื่อขึ้นแรง3 วันติดมีโอกาสพักฐาน ด้านก.ล.ต.ออกโรงจี้บล.แนะนักลงทุนระมัดระวังซื้อหุ้นP/Eสูงและหุ้นติด cash balance
ภาวะตลาดหุ้นไทย วานนี้ (27 มี.ค.) ดัชนีแกว่งในแดนบวกอย่างร้อนแรงตลอดทั้งวัน ตามแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร อีกทั้งเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงยังเป็นการทำราคาก่อนปิดงวดบัญชี (วินโดรว์ เดรสซิ่ง) และการเข้าซื้อของกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์
โดยระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยทะยานขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,569.32 จุด ลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,553.57 จุด จนมาปิดตลาดที่ระดับ 1,560.87 จุด เพิ่มขึ้น 16.84 จุด หรือร้อยละ 1.09 ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 67,501.53 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปิดที่ระดับ 480.92 จุด เพิ่มขึ้น 11.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,635.26 ล้านบาท
ด้านสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็น นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 3,663.33 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 39.57 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,219.29 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,483.62 ล้านบาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังผันผวนอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมา โดยยังเป็นรอบของการรีบาวด์หลังจากปรับตัวลงแรงเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกันก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาด้วย เพราะนักลงทุนก็ยังมีความกังวลปัญหาในยุโรป ขณะที่ตลาดภูมิภาคยังเป็นการปรับตัวขึ้นตาม sentiment โดยรวมที่ดีหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาดการณ์ ประกอบกับมี่ความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาไซปรัส
ทำให้ แนวโน้มตลาดวันนี้(28 มี.ค.) ดัชนีมีโอกาสที่จะพักตัวหลังจากที่ปรับขึ้นมาแรง 3 วันติดต่อกัน แต่ในการปรับตัวลงอาจจะต้องดูว่ามีปัจจัยลบเข้ามาหรือไม่ หากไม่มีอาจปรับตัวลงไม่มาก แนวรับ 1,555 จุด แนวต้าน 1,565-1,570 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ MLINK มูลค่าการซื้อขาย 3,282.83 ล้านบาท ปิดที่ 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.94 บาท TIPCO มูลค่าการซื้อขาย 2,957.36 ล้านบาท ปิดที่ 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,595.50 ล้านบาท ปิดที่ 80.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 1,591.93 ล้านบาท ปิดที่ 2.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท และ KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,566.78 ล้านบาท ปิดที่ 25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
**ก.ล.ต.จี้โบรกฯเตือนนักลงทุน
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ขอให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทุกแห่งดูแลให้ผู้แนะนำการลงทุนให้คำแนะนำในการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าโดยพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์เป็นสำคัญ และต้องเตือนให้ผู้ลงทุนระมัดระวังหากต้องการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) สูง หรือเข้าเกณฑ์ต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวน (cash balance)
อีกทั้งต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการที่หลักทรัพย์มีค่า P/E สูง หรือเข้าเกณฑ์ cash balance ด้วยโดย บล. ต้องติดตามและควบคุมดูแลให้ผู้แนะนำการลงทุนปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น ก.ล.ต. อาจพิจารณาได้ว่าบริษัทไม่มีระบบในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้แนะนำการลงทุนที่รัดกุมเพียงพอและจะดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
ในระยะที่ผ่านมาการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีค่า P/E สูง และเข้าเกณฑ์ cash balance มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาก โดยกลุ่มผู้ลงทุนทั่วไปในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุด อีกทั้งมีผู้ลงทุนรายใหม่จำนวนมากเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้ผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยความระมัดระวังและใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ เป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ลงทุน และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อระบบโดยรวม
ภาวะตลาดหุ้นไทย วานนี้ (27 มี.ค.) ดัชนีแกว่งในแดนบวกอย่างร้อนแรงตลอดทั้งวัน ตามแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร อีกทั้งเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงยังเป็นการทำราคาก่อนปิดงวดบัญชี (วินโดรว์ เดรสซิ่ง) และการเข้าซื้อของกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์
โดยระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยทะยานขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,569.32 จุด ลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,553.57 จุด จนมาปิดตลาดที่ระดับ 1,560.87 จุด เพิ่มขึ้น 16.84 จุด หรือร้อยละ 1.09 ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 67,501.53 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ปิดที่ระดับ 480.92 จุด เพิ่มขึ้น 11.77 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,635.26 ล้านบาท
ด้านสัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็น นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 3,663.33 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 39.57 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,219.29 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,483.62 ล้านบาท
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังผันผวนอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมา โดยยังเป็นรอบของการรีบาวด์หลังจากปรับตัวลงแรงเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะเดียวกันก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาด้วย เพราะนักลงทุนก็ยังมีความกังวลปัญหาในยุโรป ขณะที่ตลาดภูมิภาคยังเป็นการปรับตัวขึ้นตาม sentiment โดยรวมที่ดีหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาดการณ์ ประกอบกับมี่ความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาไซปรัส
ทำให้ แนวโน้มตลาดวันนี้(28 มี.ค.) ดัชนีมีโอกาสที่จะพักตัวหลังจากที่ปรับขึ้นมาแรง 3 วันติดต่อกัน แต่ในการปรับตัวลงอาจจะต้องดูว่ามีปัจจัยลบเข้ามาหรือไม่ หากไม่มีอาจปรับตัวลงไม่มาก แนวรับ 1,555 จุด แนวต้าน 1,565-1,570 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ MLINK มูลค่าการซื้อขาย 3,282.83 ล้านบาท ปิดที่ 5.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.94 บาท TIPCO มูลค่าการซื้อขาย 2,957.36 ล้านบาท ปิดที่ 13.10 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,595.50 ล้านบาท ปิดที่ 80.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 1,591.93 ล้านบาท ปิดที่ 2.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท และ KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,566.78 ล้านบาท ปิดที่ 25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
**ก.ล.ต.จี้โบรกฯเตือนนักลงทุน
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ขอให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทุกแห่งดูแลให้ผู้แนะนำการลงทุนให้คำแนะนำในการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าโดยพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์เป็นสำคัญ และต้องเตือนให้ผู้ลงทุนระมัดระวังหากต้องการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ (P/E) สูง หรือเข้าเกณฑ์ต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวน (cash balance)
อีกทั้งต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการที่หลักทรัพย์มีค่า P/E สูง หรือเข้าเกณฑ์ cash balance ด้วยโดย บล. ต้องติดตามและควบคุมดูแลให้ผู้แนะนำการลงทุนปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้น ก.ล.ต. อาจพิจารณาได้ว่าบริษัทไม่มีระบบในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของผู้แนะนำการลงทุนที่รัดกุมเพียงพอและจะดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
ในระยะที่ผ่านมาการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีค่า P/E สูง และเข้าเกณฑ์ cash balance มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาก โดยกลุ่มผู้ลงทุนทั่วไปในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุด อีกทั้งมีผู้ลงทุนรายใหม่จำนวนมากเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ การดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้ผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยความระมัดระวังและใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างเพียงพอ เป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ลงทุน และอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อระบบโดยรวม
