ในท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทยและมีการล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอย่างต่อเนื่อง และนับวันจะทวีความรุนแรงล่อแหลมขึ้นเรื่อยๆ วันดีคืนดีรายการตอบโจทย์ ที่เป็นรายการสนทนาพาทีทางการเมืองอันโด่งดังของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (Thai PBS) ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดำเนินการโดยองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ก็จัดให้มีการเชิญบุคคลสำคัญต่างๆ หลากหลายฝ่ายมาเสวนาโดยตั้งโจทย์เกี่ยวกับสถาบัน และกฎหมายอาญามาตรา 112 อย่างต่อเนื่อง
และล่าสุดคือการให้ราคาเปิดโอกาสให้นักวิชาการเสื้อแดง คนเกลียดเจ้าอย่างนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์โดยฉายเดี่ยวหนึ่งตอน และวิสาสะร่วมกับ นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งเดิมตั้งใจจะเป็นรายการต่อเนื่องหลายตอน แต่แล้วจู่ๆ สถานีก็ประกาศยุติ เมื่อออกอากาศไปได้เพียงตอนเดียว โดยอ้างว่าได้พิจารณาความไม่เหมาะสมและเกรงจะก่อให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม ซึ่งต่อมา นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมาผู้ดำเนินรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กของรายการ ขอยุติทำรายการตอบโจทย์ โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากไม่สามารถตอบโจทย์ได้อีกต่อไป เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนต่อวิชาชีพสื่อสารมวลชน และเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแทรกแซงการทำงานจากภายในอย่างไม่เป็นมืออาชีพ ทั้งยังระบุว่ายินดีที่จะถูกประณาม เพื่อจุดไฟท่ามกลางหวาดกลัวต่อการสนทนาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อนำการกล่าวร้ายโจมตีในที่มืดออกสู่ที่แจ้ง ให้คนได้แสดงเหตุผลและหักล้างกันด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยอารมณ์
เหตุการณ์ดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อสารมวลชนและโซเชียลเน็ตเวิร์กในแง่มุมต่างๆ อย่างกว้างขวาง แต่แล้วไทยพีบีเอสก็พลันพลิกกลับเกิดตัดสินใจออกต่อตอนที่สองในคืนวันจันทร์ที่ 18 โดยคู่สนทนา นายสมศักดิ์ และนายสุลักษณ์ ต่างช่วยกันรุมกระหน่ำว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ปัจจุบันไม่เป็นประชาธิปไตยต้องปรับปรุง นายสมศักดิ์ย้ำว่า ต้องให้ประชาชนเลือกว่าจะเอาหรือไม่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์ วนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนั้นจนจบรายการ
ผู้เขียนในฐานะที่สมัครใจอยู่ข้างฝ่ายที่ปกป้องและต่อต้านการล่วงละเมิดต่อ สถาบันในยุคปัจจุบันทุกรูปแบบ อยากตั้งคำถามต่อสถานีวิทยุไทยพีบีเอส และนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ว่าก่อนที่จะตั้งโจทย์ให้ใครต่อใครพากันมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันถ่ายเดียวแถมอ้างตลอดเวลาว่า อึดอัดขัดข้อง เพราะไม่มีเสรีภาพ ตามระบอบประชาธิปไตยในการจะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันได้อย่างเสรี เหมือนซีกโลกตะวันตกที่ชอบกล่าวอ้างกันนั้น นายภิญโญ และสถานีไทยพีบีเอส เคยตระหนักและรับรู้ถึงความรู้สึกเบื้องลึกของฝ่ายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ในรัชสมัยปัจจุบันพระองค์นี้บ้างหรือไม่? พระองค์ท่านได้เคยปรารภเปิดใจต่อหน้ามหาสมาคม เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2548 ในยุคที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ ไม่แน่ใจว่าเคยสำเหนียกรับฟังกันบ้างหรือไม่?
ผู้เขียนขอ “ตอบโจทย์” ต่อนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา และสถานีไทยพีบีเอส ด้วยพระราชดำรัสของในหลวงดังต่อไปนี้
“..........ข้าพเจ้าเป็น เดอะคิง และเขาบอกว่า do no wrong เราก็เห็นด้วยกับเขา เพราะการทำอะไร ถ้าคนเรา ถือว่าต้องมีสติ คือหมายความว่ารู้ว่าทำอะไร คิดอะไร และไม่ปล่อยให้ผิดออกมา ก็ไม่ผิด ผิดไม่ได้ อันนี้ก็เป็นการพูดว่าข้าพเจ้าเองไม่ผิด ไม่มีวันผิด ถ้าสมมติพูดผิดเพราะไม่รู้ แต่ผิดโดยรู้ว่าผิด การทำผิดโดยรู้ไม่ดี แต่บางทีไม่รู้เพราะว่าไม่มี ขอโทษนะ พูดไม่มีสติ ขาดสติ คือไม่ระวังตัว ทีหลังก็เสียใจ เมื่อก่อน ก่อนจะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เป็นคิง ก็เสียใจหลายครั้ง แต่ตอนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วเป็น คิง คิงแบบไทยๆ ฝรั่งบอกเป็นเดอะคิง เข้าใจว่าน้อยครั้งที่ทำผิด เพราะระวัง ถ้าไม่ระวัง ป่านนี้ตายแล้ว ลำบาก ต้องระวัง ไม่ระวังก็ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เรียกว่าการเมือง หรือการอยู่ในสายตาของคน สายตาคนฆ่าได้ ถ้าเราไม่ระวัง เราตาย ก็เลยถึงบอกได้ว่าทำไมการที่บอกว่า THE KING can do no wrong เพราะต้อง can do no wrong
ทุกคนก็มีฐานะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่า THE KING เก่ง แต่ทุกคนก็มีส่วนเก่ง เพราะมีตำแหน่งรับ รับตำแหน่งสูง ได้รับเหรียญตรา และคนชี้คนคนนี้สูงมาก มียศศักดิ์ เดอะคิงเป็นยศศักดิ์สูง แต่คนที่อยู่ในที่นี้ ยศศักดิ์ทั้งนั้น ไม่ระวังตัวก็ตายเหมือนกัน ถ้าไม่ระวัง ไม่ใช่คนที่นึกว่า คนนั้นเขาต้องตายแน่ เพราะไม่ระวัง ทุกคนตั้งแต่แถวแรกจนถึงแถวสุดท้าย จนหลังแถว จนถึงข้างนอก ทุกคนถ้าไม่ระวังก็มีอันตราย ที่พูดอย่างนี้อาจแปลกๆ หน่อย นี่ก็หาว่าแช่ง จริงๆ ไม่แช่ง สงสาร เพราะถ้าไม่ระวัง เมืองไทยตาย
เพราะฉะนั้น จึงขอร้องอย่างเดียวว่า มาวันนี้ให้ระวังๆ ระวังที่จะคิด จะพูด ที่ทำ เรื่องที่มีและก็บอกในหนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ บอกว่า ที่เดอะคิงทำอะไร ก็ไม่วิจารณ์ และเขาบอกอย่าวิจารณ์ เพราะว่าเราทำอะไรไป ก็ต้องรู้ว่าเขาเห็นดีไม่ดี ถ้าไม่พูด ก็หาว่าทำดีแล้ว แต่แท้จริงที่พูดที่ออกข่าวให้สัมภาษณ์บอกว่าอย่าไปวิจารณ์ THE KING ต้องบอกว่าอย่าไปวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าไม่ควร ในรัฐธรรมนูญก็มีอยู่ว่าละเมิดมิได้ นักกฎหมายก็พยักหน้าอีกแล้วว่าถูกต้องว่าไม่ควรจะวิจารณ์ วิจารณ์ไม่ได้ ละเมิดไม่ได้ แต่ว่าถ้าพูดว่าพระเจ้าอยู่หัวทำถูก พูดถูก ไม่ใช่ละเมิด เป็นการถ้าพูดภาษาอังกฤษก็ approve พระเจ้าอยู่หัว เห็นชอบด้วย แต่ไม่เคยมีใครมาบอกเห็นชอบว่าพระเจ้าอยู่หัวพูดดี พูดถูก
แต่ว่าความจริง ก็จะต้องวิจารณ์บ้างเหมือนกัน แล้วก็ไม่กลัวถ้าใครจะวิจารณ์ว่าทำไม่ดีตรงนั้นๆ จะได้รู้ เพราะว่าถ้าบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวไปวิจารณ์ท่านไม่ได้ ก็หมายความว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่เป็นคน ไม่วิจารณ์เราก็กลัวเหมือนกัน ถ้าบอกไม่วิจารณ์แปลว่าพระเจ้าอยู่หัวไม่ดี รู้ได้อย่างไร ถ้าเขาบอกว่า ไม่ให้วิจารณ์พระเจ้าอยู่หัว เพราะพระเจ้าอยู่หัวดีมาก ไม่ใช่อย่างนั้น บางคนอยู่ในสมองว่าพระเจ้าอยู่หัวพูดชอบกล พูดประหลาดๆ ถ้าขอเปิดเผยว่าวิจารณ์ตัวเองได้ว่าบางทีก็อาจจะผิด แต่ให้รู้ว่าผิด ถ้าเขาบอกว่าวิจารณ์พระเจ้าอยู่หัวว่าผิด งั้นขอทราบว่าผิดตรงไหน ถ้าไม่ทราบ เดือดร้อน
ฉะนั้นก็ที่บอกว่าการวิจารณ์เรียกว่าละเมิดพระมหากษัตริย์ ละเมิด ให้ละเมิดได้ แต่ถ้าเขาละเมิดผิดเขาก็ถูกประชาชนบอมบ์ คือเป็นเรื่องของขอให้รู้ว่าเขาวิจารณ์อย่างไร ถ้าเขาวิจารณ์ถูกไม่ว่า แต่ถ้าเขาวิจารณ์ผิดไม่ดี แต่เมื่อบอกว่าไม่ให้วิจารณ์ ไม่ให้ละเมิดไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญว่าอย่างนั้น ก็ลงท้ายก็เลยพระมหากษัตริย์ก็เลยลำบากแย่ อยู่ในฐานะลำบาก ก็แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่ให้วิจารณ์ก็หมายความว่า พระเจ้าอยู่หัวนี่ ก็ต้องวิจารณ์ ต้องละเมิด แล้วไม่ให้ละเมิด พระเจ้าอยู่หัวเสีย พระเจ้าอยู่หัวเป็นคนไม่ดี ซึ่งถ้าคนไทยด้วยกันก็ยังไม่กล้า สองไม่เอ็นดูพระเจ้าอยู่หัว ไม่อยากละเมิด แต่มีฝ่ายชาวต่างประเทศ มีบ่อยๆ ละเมิดพระเจ้าอยู่หัว ละเมิด THE KING แล้วก็หัวเราะเยาะว่า THE KING ของไทยแลนด์ พวกคนไทยทั้งหลายนี่ เป็นคนแย่ ละเมิดไม่ได้ ในที่สุดถ้าละเมิดไม่ได้ก็เป็นคนเสีย เป็นคนที่เสีย
ฉะนั้นก็บางโอกาสขอให้ละเมิด จะได้รู้กันว่าใครดีใครไม่ดี นี่พูดเลยเถิด พูดมากไป แต่ว่าคนที่อยู่ข้างหน้านี่ ไม่ต้องกลัว เพราะว่าไม่ได้มีความผิด คนที่นึกว่ามีความผิดพยักหน้า พยักหน้าว่ามีความผิดจริงๆ ความจริงเขาไม่มีความผิด คนที่มาก่อนน่ะมีความผิด แล้วกลัวคนที่พยักหน้าเนี่ยไม่ได้แก้ไข นี่ผิดตรงนี้ ไม่ได้แก้ไข หลบความรับผิดชอบ มันเป็นอย่างนั้น ในเมืองไทยนี่ คนไหนที่ทำอะไรไม่เข้าร่องเข้ารอยก็ลาออก ลาออกแล้วไม่มีอะไรผิดเลย แม้จะทำอะไรผิดอย่างมากๆ ถ้าเป็นข้าราชการก็เรียกเข้ากระทรวง เข้ากรุงเทพฯ แล้วก็หมดเรื่อง นานๆ ทีมีเข้าคุก นี่พูดอย่างนี้ชักจะหนัก ใช้คำว่าเรียกเข้ากรุงเทพฯ หรือเข้าคุก แต่มีที่เกิดเรื่องเข้าคุก
แต่อย่างไรก็ตาม เข้าคุกแล้ว ถ้าเป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์เองเดือดร้อน เดือดร้อนหลายทาง ทางหนึ่งต่างประเทศเขาบอกว่าเมืองไทยนี่พูดวิจารณ์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ ว่าวิจารณ์ไม่ได้ก็เข้าคุก มีที่เข้าคุก เดือดร้อนพระมหากษัตริย์ ต้องบอกว่าเข้าคุกแล้วต้องให้อภัย ทั้งที่เขาด่าเราอย่างหนัก ฝรั่งเขาบอกว่าในเมืองไทยนี่ พระมหากษัตริย์ถูกด่า ต้องเข้าคุก ที่จริงควรเข้าคุก แต่เพราะฝรั่งบอกอย่างนั้นก็ไม่ให้เข้า ไม่มีใครกล้าเอาคนที่ด่าพระมหากษัตริย์เข้าคุก เพราะพระมหากษัตริย์เดือดร้อน เขาหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นคนที่ไม่ดี อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคนที่จั๊กจี้ ใครว่าไรซักนิดก็บอกให้เข้าคุก ที่จริงพระมหากษัตริย์ไม่เคยบอกให้เข้าคุก ตั้งแต่สมัยรัชกาลก่อนๆ เป็นกบฏ ก็ยังไม่จับใส่คุก ไม่ลงโทษ รัชกาลที่ 6 ท่านไม่ลงโทษ ไม่ได้ลงโทษผู้ที่เป็นกบฏ มาจนกระทั่งถึงต่อมารัชกาลที่ 9 ใครเป็นกบฏ ก็ไม่เคยมีแท้ๆ ที่จริงก็ทำแบบเดียวกันไม่ให้เข้าคุก ให้ปล่อย หรือถ้าเข้าคุกแล้วก็ให้ปล่อย ถ้าไม่เข้าก็ไม่ฟ้อง เพราะเดือดร้อนผู้ที่ถูกด่า เป็นคนเดือดร้อน อย่างที่คนที่ละเมิดพระมหากษัตริย์ และถูกทำโทษไม่ใช่คนนั้นเดือดร้อน พระมหากษัตริย์เดือดร้อน นี่ก็แปลก
คราวนี้นักกฎหมายก็ชอบให้ฟ้อง ให้จับเข้าคุก อันนี้นักกฎหมายก็สอนนายกฯ ว่าต้องฟ้อง ต้องลงโทษ ก็สอนนายกฯ ว่าใครบอกว่าให้ลงโทษ อย่าลงโทษเขา ลงโทษไม่ดี ลงท้ายไม่ใช่นายกฯ เดือดร้อน แต่พระมหากษัตริย์เดือดร้อน อาจจะอยากให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อนไหมล่ะ ไม่รู้นะ เขาทำผิด เขาด่าพระมหากษัตริย์ เพื่อให้พระมหากษัตริย์เดือดร้อน และเดือดร้อนจริงๆ เพราะใครมาด่าเรา ชอบไหม ไม่ชอบ แต่ถ้านายกฯ เกิดให้ลงโทษ แย่เลย แล้วนักกฎหมายต่างๆ ก็จะให้ลงโทษคนที่ด่าพระมหากษัตริย์ .....”
อยากให้นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา และไทยพีบีเอส อ่านพระราชดำรัสนี้ทบทวนหลายๆ เที่ยว จนถ่องแท้ทุกถ้อยความ ก่อนจัดรายการเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ครั้งต่อๆ ไป