บ้านเมืองยังอยู่บนเส้นทางสู่หายนะด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม นอกเหนือจากการล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติ โดยน้ำมือของกลุ่มอาชญากรขายชาติ กลุ่มคนทรยศต่อบ้านเมืองกุมอำนาจในวงการต่างๆ สั่งการเป็นระบบผ่านเครือข่ายโดยอาชญากรหนีคุก ซึ่งสร้างวิกฤตให้ชาติกว่า 15 ปีแล้ว
ยิ่งเห็นเค้าลางตัวเร่งของการโกงกินจนสิ้นชาติ โดยตระกูลโกงทั้งโคตรวางตัวทายาทการเมืองสืบทอดอำนาจไม่สิ้นสุด ก็ยิ่งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่บ้านจะต้องเร่งหาทางออก เพื่อหยุดกระแสพลังอำนาจชั่วร้ายก่อนจะหายนะ
ถ้าแม่นางโพยปูโพรกเน่าในมีเหตุต้องพ้นจากอำนาจ คืนสู่สภาพจมไม่ลงปลงไม่ตกวีนแตก เป็นบุคคลช่างแต่งตัว ชอบกิน ชอบเที่ยวเหมือนเดิม บักเหลี่ยมต้องหาตัวแทนคนใหม่มาสืบอำนาจจนกว่าตัวเองจะมีโอกาสคืนสู่เหย้า
และวันนั้นไม่มีวันมาถึง ตราบใดที่ยังปราศจากจิตสำนึกด้านดีในหัวกะโหลกเหลี่ยม ทั้งยังไม่เลิกราในการวางแผนชั่วร้ายเพื่อบ่อนทำลายสถาบัน โครงสร้างของแผ่นดินด้วยการสั่งให้โคตรเหง้าเหล่ากอ ขี้ข้าทาสบริวารโกงกินสารพัดทั้งเงินภาษี งบประมาณ และกู้มหาศาลด้วยวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท
ใครจะพูด เตือน ท้วงติงอย่างไรก็ไม่ยอมฟังว่าการกู้เงินเป็นการเปิดช่องทางสู่ความไม่มั่นคง บ้านเมืองจะสะสมหนี้สินเกินกำลังจะใช้คืนได้ ผลสุดท้ายจะไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ซึ่งประสบชะตากรรมจากการใช้จ่ายเงินเกินรายได้ ฟุ่มเฟือย ทุจริต คอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์โดยระบบเครือญาติ บริวาร
มีอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง 3 รายพูดเตือนอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างมาชี้ให้เห็น แต่ภาครัฐตัวแทนของรัฐบาลนางปูโพรกไม่มีใครกล้าออกมาชี้แจง โต้แย้ง มีแต่คำพูดอ้อมแอ้มเชิงแหลจากนักโกหกไวท์ลาย
ป่วยการที่จะพูดเหตุผลกับขบวนการอาชญากรการเมืองหน้าด้าน ไร้จิตสำนึกจ้องแต่ขายชาติ แต่ละวันไม่มีแนวโน้มว่าจะมีอะไรดีขึ้น ข่าวเลวร้ายเรื่องข้าวเน่า รถคันแรกโดนยึด หนี้สิน ธนาคารจะล้ม ภัยแล้ง ไม่มีโกดังเก็บข้าว ความดันทุรังจะเดินหน้าด้วยโครงการสารพัด ล้วนแต่เสี่ยงต่อความล่มจม
เมื่อพูดถึงปัญหา และเห็นภัยร้ายโดยเครือข่ายของขี้ข้าตัวแทนบักเหลี่ยม โอกาสของนางซาลาเปายัดไส้ขาหมูจะมาจ่อคิวเป็นนายกฯ ต่อจากนางปูโพรกเน่าใน ทำให้เห็นว่าคนไทยกำลังโดยหยามน้ำหน้าโดยบักเหลี่ยม ซึ่งเชื่อว่าต้องเป็นคนจากโคตรเหง้าพวกโกงทั้งโคตรเท่านั้นมีสิทธิเป็นนายกฯ ได้
จะหาทางออกอย่างไร ในสภาพการณ์ซึ่งไม่เป็นปกติ นอกเหนือตำรารัฐศาสตร์ทุกฉบับในโลก? เพียงแค่โจทย์ง่ายๆ ว่าทำไมประชากรเกือบ 70 ล้านคน มีอารยธรรมยาวนาน มีความสมบูรณ์ในแผ่นดิน ต้องทนยอมมีผู้นำรัฐบาลนานเกือบ 2 ปี ทั้งๆ ดูแล้วไม่ปกติด้านสติปัญญา ความรู้ ออกแนวเอ๋อ
เมื่อเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ต้องหาทางออก หนทางแก้ไขด้วยวิธีการพิเศษ ซึ่งอาจเป็นการ “หวังมากเกินไป” หรือไม่มีทางเป็นไปได้ในยุคนี้
นั่นคือถ้าจะไม่ให้บ้านเมืองนี้ประสบความหายนะทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และทรัพยากรธรรมชาติ เราจะต้องมีผู้นำเข้มแข็ง สุจริต มือสะอาด กล้าหาญ มีความรู้ ความสามารถ ฯลฯ เพียงแค่นี้ หลายคนคงส่ายหัว
จะหาคนแบบนี้ได้ที่ไหน แม้แต่แม่ทัพนายกอง กลายเป็นพวกเอาตัวรอด อยากอยู่สบายๆ หลังเกษียณอายุ ไม่อยากมีปัญหาจนไร้ความน่าเชื่อถือ
พูดให้ตรง ชัดเจน คือเราต้องหยุดการเมืองระบบเลือกตั้ง ปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การจัดสรรการใช้ทรัพยากรแผ่นดินเพื่อคนไทย เช่นเอาสัมปทานทรัพยากรมาเป็นของรัฐ เว้นแต่จะต่อรองให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
เราต้องมีผู้นำแบบบุรุษเหล็ก หรือ Strong Man หรือผู้นำ นักการเมืองแนวฮูโก ชาเวซ หรือใครที่สุจริต เห็นแก่ประชาชน กล้าทำในสิ่งที่ยากเย็น ถ้าจำเป็นต้องปิดประเทศ ก็ต้องทำเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างของแผ่นดินอย่างเด็ดขาด
ถ้าเราได้ผู้นำแบบนี้ จะมาจากการเปลี่ยนแปลงการเมืองอย่างไรก็สุดแล้วแต่ หรืออาจเป็นนายทหารผู้มีบารมี สิ่งแรกที่ต้องทำคือคำประกาศปฏิรูปประเทศ หยุดการเมืองซึ่งเต็มไปด้วยการทุจริต คอร์รัปชัน ปรับระบบราชการ
จับนักการเมือง เครือข่าย บริวาร ขบวนการชั่วร้าย ข้าราชการกังฉินดำเนินคดีตามกฎหมาย ออกกฎหมายจัดการคนทุจริต ด้วยโทษสูงสุดคือประหารชีวิต และยึดทรัพย์สินของครอบครัว เครือข่ายบริวารเข้าเป็นของรัฐ
ตรวจสอบการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ใครเป็นตัวแทน นอมินีของต่างชาติ การถือครองโดยผิดกฎหมายให้ยึดเป็นของรัฐ ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ให้ชาวนามีที่ดินทำกินโดยเช่า สั่งห้ามนำเข้าสารเคมีเกษตร ปุ๋ยเคมีเกษตรทุกชนิด สนับสนุนเกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์โดยยกเลิกการใช้สารเคมีเร่ง
ปิดประเทศก็ได้ ถ้าจำเป็น! ถ้าสังคมโลกแซงชั่น ไม่คบ หรือมาตรการอื่นใด ไทยอยู่ได้แน่! ดูพม่าเป็นตัวอย่าง เลิกพูดเรื่องเสียบรรยากาศการลงทุนซะที
มีใครกล้าอาสา มีแม่ทัพนายกองไฟแรงเหลืออีกหรือไม่ ก่อนสิ้นชาติ!
ยิ่งเห็นเค้าลางตัวเร่งของการโกงกินจนสิ้นชาติ โดยตระกูลโกงทั้งโคตรวางตัวทายาทการเมืองสืบทอดอำนาจไม่สิ้นสุด ก็ยิ่งเห็นความจำเป็นเร่งด่วนที่บ้านจะต้องเร่งหาทางออก เพื่อหยุดกระแสพลังอำนาจชั่วร้ายก่อนจะหายนะ
ถ้าแม่นางโพยปูโพรกเน่าในมีเหตุต้องพ้นจากอำนาจ คืนสู่สภาพจมไม่ลงปลงไม่ตกวีนแตก เป็นบุคคลช่างแต่งตัว ชอบกิน ชอบเที่ยวเหมือนเดิม บักเหลี่ยมต้องหาตัวแทนคนใหม่มาสืบอำนาจจนกว่าตัวเองจะมีโอกาสคืนสู่เหย้า
และวันนั้นไม่มีวันมาถึง ตราบใดที่ยังปราศจากจิตสำนึกด้านดีในหัวกะโหลกเหลี่ยม ทั้งยังไม่เลิกราในการวางแผนชั่วร้ายเพื่อบ่อนทำลายสถาบัน โครงสร้างของแผ่นดินด้วยการสั่งให้โคตรเหง้าเหล่ากอ ขี้ข้าทาสบริวารโกงกินสารพัดทั้งเงินภาษี งบประมาณ และกู้มหาศาลด้วยวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาท
ใครจะพูด เตือน ท้วงติงอย่างไรก็ไม่ยอมฟังว่าการกู้เงินเป็นการเปิดช่องทางสู่ความไม่มั่นคง บ้านเมืองจะสะสมหนี้สินเกินกำลังจะใช้คืนได้ ผลสุดท้ายจะไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ซึ่งประสบชะตากรรมจากการใช้จ่ายเงินเกินรายได้ ฟุ่มเฟือย ทุจริต คอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์โดยระบบเครือญาติ บริวาร
มีอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง 3 รายพูดเตือนอย่างจริงจัง ยกตัวอย่างมาชี้ให้เห็น แต่ภาครัฐตัวแทนของรัฐบาลนางปูโพรกไม่มีใครกล้าออกมาชี้แจง โต้แย้ง มีแต่คำพูดอ้อมแอ้มเชิงแหลจากนักโกหกไวท์ลาย
ป่วยการที่จะพูดเหตุผลกับขบวนการอาชญากรการเมืองหน้าด้าน ไร้จิตสำนึกจ้องแต่ขายชาติ แต่ละวันไม่มีแนวโน้มว่าจะมีอะไรดีขึ้น ข่าวเลวร้ายเรื่องข้าวเน่า รถคันแรกโดนยึด หนี้สิน ธนาคารจะล้ม ภัยแล้ง ไม่มีโกดังเก็บข้าว ความดันทุรังจะเดินหน้าด้วยโครงการสารพัด ล้วนแต่เสี่ยงต่อความล่มจม
เมื่อพูดถึงปัญหา และเห็นภัยร้ายโดยเครือข่ายของขี้ข้าตัวแทนบักเหลี่ยม โอกาสของนางซาลาเปายัดไส้ขาหมูจะมาจ่อคิวเป็นนายกฯ ต่อจากนางปูโพรกเน่าใน ทำให้เห็นว่าคนไทยกำลังโดยหยามน้ำหน้าโดยบักเหลี่ยม ซึ่งเชื่อว่าต้องเป็นคนจากโคตรเหง้าพวกโกงทั้งโคตรเท่านั้นมีสิทธิเป็นนายกฯ ได้
จะหาทางออกอย่างไร ในสภาพการณ์ซึ่งไม่เป็นปกติ นอกเหนือตำรารัฐศาสตร์ทุกฉบับในโลก? เพียงแค่โจทย์ง่ายๆ ว่าทำไมประชากรเกือบ 70 ล้านคน มีอารยธรรมยาวนาน มีความสมบูรณ์ในแผ่นดิน ต้องทนยอมมีผู้นำรัฐบาลนานเกือบ 2 ปี ทั้งๆ ดูแล้วไม่ปกติด้านสติปัญญา ความรู้ ออกแนวเอ๋อ
เมื่อเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ต้องหาทางออก หนทางแก้ไขด้วยวิธีการพิเศษ ซึ่งอาจเป็นการ “หวังมากเกินไป” หรือไม่มีทางเป็นไปได้ในยุคนี้
นั่นคือถ้าจะไม่ให้บ้านเมืองนี้ประสบความหายนะทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และทรัพยากรธรรมชาติ เราจะต้องมีผู้นำเข้มแข็ง สุจริต มือสะอาด กล้าหาญ มีความรู้ ความสามารถ ฯลฯ เพียงแค่นี้ หลายคนคงส่ายหัว
จะหาคนแบบนี้ได้ที่ไหน แม้แต่แม่ทัพนายกอง กลายเป็นพวกเอาตัวรอด อยากอยู่สบายๆ หลังเกษียณอายุ ไม่อยากมีปัญหาจนไร้ความน่าเชื่อถือ
พูดให้ตรง ชัดเจน คือเราต้องหยุดการเมืองระบบเลือกตั้ง ปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา การจัดสรรการใช้ทรัพยากรแผ่นดินเพื่อคนไทย เช่นเอาสัมปทานทรัพยากรมาเป็นของรัฐ เว้นแต่จะต่อรองให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
เราต้องมีผู้นำแบบบุรุษเหล็ก หรือ Strong Man หรือผู้นำ นักการเมืองแนวฮูโก ชาเวซ หรือใครที่สุจริต เห็นแก่ประชาชน กล้าทำในสิ่งที่ยากเย็น ถ้าจำเป็นต้องปิดประเทศ ก็ต้องทำเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างของแผ่นดินอย่างเด็ดขาด
ถ้าเราได้ผู้นำแบบนี้ จะมาจากการเปลี่ยนแปลงการเมืองอย่างไรก็สุดแล้วแต่ หรืออาจเป็นนายทหารผู้มีบารมี สิ่งแรกที่ต้องทำคือคำประกาศปฏิรูปประเทศ หยุดการเมืองซึ่งเต็มไปด้วยการทุจริต คอร์รัปชัน ปรับระบบราชการ
จับนักการเมือง เครือข่าย บริวาร ขบวนการชั่วร้าย ข้าราชการกังฉินดำเนินคดีตามกฎหมาย ออกกฎหมายจัดการคนทุจริต ด้วยโทษสูงสุดคือประหารชีวิต และยึดทรัพย์สินของครอบครัว เครือข่ายบริวารเข้าเป็นของรัฐ
ตรวจสอบการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ใครเป็นตัวแทน นอมินีของต่างชาติ การถือครองโดยผิดกฎหมายให้ยึดเป็นของรัฐ ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ให้ชาวนามีที่ดินทำกินโดยเช่า สั่งห้ามนำเข้าสารเคมีเกษตร ปุ๋ยเคมีเกษตรทุกชนิด สนับสนุนเกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์โดยยกเลิกการใช้สารเคมีเร่ง
ปิดประเทศก็ได้ ถ้าจำเป็น! ถ้าสังคมโลกแซงชั่น ไม่คบ หรือมาตรการอื่นใด ไทยอยู่ได้แน่! ดูพม่าเป็นตัวอย่าง เลิกพูดเรื่องเสียบรรยากาศการลงทุนซะที
มีใครกล้าอาสา มีแม่ทัพนายกองไฟแรงเหลืออีกหรือไม่ ก่อนสิ้นชาติ!
