ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แกนนำพันธมิตรฯ-นักวิชาการเวทีพันธมิตรฯ เปิดวงเสวนา “วิเคราะห์ วิกฤตประเทศไทย” ฉะนักการเมืองชั่วปิดประเทศ ชี้ 24 พ.ย. นี้ ชุมนุมเปิดประเทศ แช่แข็งนักการเมืองชั่ว พร้อมเสนอแก้กฎหมายทุจริตคอร์รัปชัน ซื้อสิทธิ-ขายเสีย ย้ำต้องไม่หมดอายุความ จำคุกตลอดชีวิต
สำหรับการจัดเวทีเสวนาพลังงานและการปฏิรูปประเทศไทย ที่บริเวณเวทีข้างสระน้ำเทศบาล สวนสาธารณะสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคึก โดยจัดให้มีการเสวนา “วิเคราะห์ วิกฤตประเทศไทย” ขึ้น โดยมีนายภิภพ ธงชัย แกนนำพันธมิตรฯ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ร่วมเวทีเสวนา ซึ่งดำเนินรายการโดย นายเติมศักดิ์ จารุปราณ นักวิชาการประจำเวทีพันธมิตรฯ
โดยนายพิภพ ธงชัย กล่าวในเวทีเสวนาว่า พันธมิตรฯ ร่วมกันทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวทีไหนที่มีความสมบูรณ์เท่าเวทีพันธมิตรฯ และที่สำคัญเราไม่กลัวใคร นับวันมีนักการเมืองเลวเอา เลวเอา คอร์รัปชันทุกอย่าง ทั้งงบประมาณ รวมไปถึงคอร์รัปชันเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติสำคัญของประเทศคือ เรื่องของพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 ของการทุจริตคอร์ปชันที่พันธมิตรฯ เคยมีมติกันมาแล้วคือการโหวตโน ซึ่งมีบางคนที่บอกว่าการโหวตโนเป็นการเสียเปล่า ทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้คะแนนเสียงไม่เพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริง เพราะเมื่อรวมคะแนนโหวตโนกับคะแนนที่พรรคบางพรรคได้แล้วยังมีคะแนนเสียที่น้อยอยู่ดี สาเหตุที่มีการโหวตโนก็เนื่องจากพรรคการเมืองบางพรรคการเมืองที่ไม่ยอมปฏิรูปตัวเอง เราจึงแสดงความรู้สึกโดยการโหวตโน
และขณะนี้ การโหวตโนกำลังกลายเป็นกระแสที่ลงไปถึงการเลือกตั้งในระบบท้องถิ่นแล้ว ซึ่งประชาชนในพื้นที่บางแห่งออกมาแสดงความไม่พอใจในตัวบุคคลที่ลงสมัครโดยการรณรงค์ให้มีการโหวตโนเพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่พอใจการบริหารของคุณ และที่มาของนักการเมือง และในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เป็นเป็นโจทย์การเมืองที่สำคัญ การชุมนุมวันที่ 24 ไม่ใช่การปิดประเทศ ไม่ใช่การแช่แข็งนักการเมือง แต่เป็นการเปิดประเทศให้เห็นแสงสว่าง มากกว่าที่จะเป็นการปิดประเทศ
นายภิภพ ยังได้กล่าวต่อไปว่า การปฏิรูปประเทศไทยนั้นจะต้องแก้ในหลายเรื่อง เช่น การแก้กฎหมายการเลือกตั้งที่จะต้องให้กระจายทุกกลุ่มอาชีพ ไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มอาชีพ กลุ่มสกุลคนดังเหมือนปัจจุบันที่จำกัดอยู่ที่กลุ่มชินวัตร กลุ่มศิลปอาชา ถ้าจำกัดอยู่แบบนี้ก็เรียกว่าเป็นการปิดประเทศหรือเปล่า เป็นการปิดประตูตีแมวหรือเปล่า เพราะฉะนั้น จะมีกล่าวหาว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นการปิดประเทศเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่การกระทำของนักการเมืองปัจุบันเป็นการปิดประเทศโดยนักการเมืองเลว แต่เราจะทำการเปิดประเทศ รวมทั้งจะต้องปกป้องไม่ให้ต่างชาติมากอบโกยประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ ถ้าไม่มีกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาชี้หน้าได้เลยว่า นักการเมืองยุคนี้ขายชาติขายแผ่นดินหมดแน่
นอกจากนั้น จะต้องแก้ร่างกฎหมายทุจริตคอร์รัปชันไม่ให้มีอายุความ ผู้กระทำความผิดต้องคุกตลอดชีวิต เรื่องต่างๆ ประชาชนสามารถนำเรื่องขึ้นสู่ศาลได้ถ้าเห็นว่านักการเมืองทำเรื่องไม่ถูกต้อง เช่น เรื่องของการตรวจสอบที่มาของเงิน ทรัพย์สินของนักการเมือง เชื่อว่าถ้ามีการตรวจสอบอย่างจริงจังนักการเมืองก็ตอบไม่ได้แล้ว เรื่องต่อมาที่จะต้องแก้ไขคือ เรื่องของการแก้กฎหมายซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งการกระทำผิดเรื่องนี้จะต้องไม่จำกัดอายุความเช่นเดียวกัน รวมทั้งจะต้องแก้เรื่องของการโหวตโน โดย ส.ส.ที่แพ้โหวตโนไม่สามารถที่จะกลับมาลงเลือกตั้งใหม่ได้ รวมทั้งห้ามลงสมัครอีก
อาจารย์พิภพ กล่าวต่อไปว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะเดินหน้าใน 15 ประเด็น โดยการเปิดเวทีเสวนาในทุกพื้นที่จนกระทั่งประชาชนมีเหตุผล ถึงตอนนั้นเราจะมีการออกมาชุมนุมใหญ่เพื่อปฏิรูปประเทศไทย เพื่อมุ่งไปสู่การปฏิรูปทุกด้าน ทางออกของประเทศยังมี โดยเฉพาะพี่น้องพันธมิตรฯ ที่มีความรู้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน พันธมิตรฯ จะมาร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในอนาคต การปฏิรูปจะต้องเกิดตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับประเทศ
ขณะที่ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง กล่าวว่า ประเทศไทยเสียหายก็เพราะนักการเมืองชั่ว ที่ผ่านมา นักการเมองชั่วบอกว่าพื้นที่ไหนไม่เลือกมันเอาไว้ทีหลัง จังหวัดไหนเลือกมันเอาไปก่อน ซึ่งเป็นการยุแยงทำให้เกิดความแตกแยก แตกความสามัคคีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อที่มันจะเขมือบแผ่นดินไทย เขมือบผลประโยชน์จากประเทศไทย นักการเมืองชั่วพยายามสร้างภาพว่าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่มันไม่ใช่ เพราะการเลือกตั้งมีการทุจริต มีการซื้อสิทธิขายเสีย นักการเมืองได้มาโดยไม่ชอบ เมื่อเข้ามาแล้วก็เขมือบเอา เขมือบเอาทำให้นักการเมืองชั่วรวยเอารวยเอา เขมือบเอาอ่าวไทยจะหมดแล้วทั้งน้ำมัน แก๊ส
นักการเมืองไทยชั่วโดยไม่รักศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เมื่อเข้ามาโดยการซื้อเสียงมาถึงก็ขายสิทธิขอประชาชนที่เลือกเข้ามา ขายศักดิ์ศรีของคนทั้งประเทศเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้อง ประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเหมือนที่นักการเมืองชั่วบอก เพราะมีแต่การขายสิทธิ ขายเสียง ขายชาติ ขายทรัพย์สินของแผ่นดิน ผู้นำประเทศที่เดินทางมาบ้านเราจะมองว่ามาแล้วจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์แก่คนของเขา ซึ่งต่างกับผู้นำประเทศไทยที่ไปที่ไหนก็มีแต่เร่ขาย แต่ขายแล้วประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่ไปตกอยู่กับคนเพียงคนเดียว
ด้าน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวถึงทางออกของวิกฤตประเทศไทยจากสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหยิบยกประเด็นการปฏิรูปการเมือง ซึ่งปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยปัจจุบัน คือ ขาดความสมดุลเชิงอำนาจ การขาดความสมดุลเชิงอำนาจ หมายความว่า ในสังคมไทยนั้นมีกลุ่มทุนบางกลุ่ม มีอำนาจมากเกินไป และกลุ่มบางกลุ่มมีอำนาจน้อยเกินไป กลุ่มที่มีอำนาจมากในสังคมไทย แล้วก็ครอบคลุมอื่นทั้งหมด ก็คือกลุ่มทุนสามานย์ โดยระบบของการเมืองไทยนั้น ก็เปิดโอกาสให้กลุ่มทุนสามานย์ได้เข้ามามีอำนาจสูงสุดเหนือกลุ่มอื่นๆ กลุ่มอื่นๆ นั้นโอกาสเข้าถึงอำนาจก็มีน้อย เพราะว่าระบบการเลือกตั้งนั้นมันเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้มีเงิน มีทุนที่จะเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง ส่วนผู้ที่ไร้ทุนก็มีโอกาสน้อย หรือแทบจะไม่มีโอกาสเลยในการเข้าถึงอำนาจทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้การเมืองของไทยประสบกับปัญหาการขาดสมดุลทางอำนาจ
สำหรับการจัดเวทีเสวนาพลังงานและการปฏิรูปประเทศไทย ที่บริเวณเวทีข้างสระน้ำเทศบาล สวนสาธารณะสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคึก โดยจัดให้มีการเสวนา “วิเคราะห์ วิกฤตประเทศไทย” ขึ้น โดยมีนายภิภพ ธงชัย แกนนำพันธมิตรฯ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ร่วมเวทีเสวนา ซึ่งดำเนินรายการโดย นายเติมศักดิ์ จารุปราณ นักวิชาการประจำเวทีพันธมิตรฯ
โดยนายพิภพ ธงชัย กล่าวในเวทีเสวนาว่า พันธมิตรฯ ร่วมกันทำงานมาอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวทีไหนที่มีความสมบูรณ์เท่าเวทีพันธมิตรฯ และที่สำคัญเราไม่กลัวใคร นับวันมีนักการเมืองเลวเอา เลวเอา คอร์รัปชันทุกอย่าง ทั้งงบประมาณ รวมไปถึงคอร์รัปชันเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติสำคัญของประเทศคือ เรื่องของพลังงาน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 15 ของการทุจริตคอร์ปชันที่พันธมิตรฯ เคยมีมติกันมาแล้วคือการโหวตโน ซึ่งมีบางคนที่บอกว่าการโหวตโนเป็นการเสียเปล่า ทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้คะแนนเสียงไม่เพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริง เพราะเมื่อรวมคะแนนโหวตโนกับคะแนนที่พรรคบางพรรคได้แล้วยังมีคะแนนเสียที่น้อยอยู่ดี สาเหตุที่มีการโหวตโนก็เนื่องจากพรรคการเมืองบางพรรคการเมืองที่ไม่ยอมปฏิรูปตัวเอง เราจึงแสดงความรู้สึกโดยการโหวตโน
และขณะนี้ การโหวตโนกำลังกลายเป็นกระแสที่ลงไปถึงการเลือกตั้งในระบบท้องถิ่นแล้ว ซึ่งประชาชนในพื้นที่บางแห่งออกมาแสดงความไม่พอใจในตัวบุคคลที่ลงสมัครโดยการรณรงค์ให้มีการโหวตโนเพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่พอใจการบริหารของคุณ และที่มาของนักการเมือง และในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เป็นเป็นโจทย์การเมืองที่สำคัญ การชุมนุมวันที่ 24 ไม่ใช่การปิดประเทศ ไม่ใช่การแช่แข็งนักการเมือง แต่เป็นการเปิดประเทศให้เห็นแสงสว่าง มากกว่าที่จะเป็นการปิดประเทศ
นายภิภพ ยังได้กล่าวต่อไปว่า การปฏิรูปประเทศไทยนั้นจะต้องแก้ในหลายเรื่อง เช่น การแก้กฎหมายการเลือกตั้งที่จะต้องให้กระจายทุกกลุ่มอาชีพ ไม่ใช่จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มอาชีพ กลุ่มสกุลคนดังเหมือนปัจจุบันที่จำกัดอยู่ที่กลุ่มชินวัตร กลุ่มศิลปอาชา ถ้าจำกัดอยู่แบบนี้ก็เรียกว่าเป็นการปิดประเทศหรือเปล่า เป็นการปิดประตูตีแมวหรือเปล่า เพราะฉะนั้น จะมีกล่าวหาว่าการชุมนุมของประชาชนเป็นการปิดประเทศเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่การกระทำของนักการเมืองปัจุบันเป็นการปิดประเทศโดยนักการเมืองเลว แต่เราจะทำการเปิดประเทศ รวมทั้งจะต้องปกป้องไม่ให้ต่างชาติมากอบโกยประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ ถ้าไม่มีกฎหมายดังกล่าวขึ้นมาชี้หน้าได้เลยว่า นักการเมืองยุคนี้ขายชาติขายแผ่นดินหมดแน่
นอกจากนั้น จะต้องแก้ร่างกฎหมายทุจริตคอร์รัปชันไม่ให้มีอายุความ ผู้กระทำความผิดต้องคุกตลอดชีวิต เรื่องต่างๆ ประชาชนสามารถนำเรื่องขึ้นสู่ศาลได้ถ้าเห็นว่านักการเมืองทำเรื่องไม่ถูกต้อง เช่น เรื่องของการตรวจสอบที่มาของเงิน ทรัพย์สินของนักการเมือง เชื่อว่าถ้ามีการตรวจสอบอย่างจริงจังนักการเมืองก็ตอบไม่ได้แล้ว เรื่องต่อมาที่จะต้องแก้ไขคือ เรื่องของการแก้กฎหมายซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งการกระทำผิดเรื่องนี้จะต้องไม่จำกัดอายุความเช่นเดียวกัน รวมทั้งจะต้องแก้เรื่องของการโหวตโน โดย ส.ส.ที่แพ้โหวตโนไม่สามารถที่จะกลับมาลงเลือกตั้งใหม่ได้ รวมทั้งห้ามลงสมัครอีก
อาจารย์พิภพ กล่าวต่อไปว่า การเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะเดินหน้าใน 15 ประเด็น โดยการเปิดเวทีเสวนาในทุกพื้นที่จนกระทั่งประชาชนมีเหตุผล ถึงตอนนั้นเราจะมีการออกมาชุมนุมใหญ่เพื่อปฏิรูปประเทศไทย เพื่อมุ่งไปสู่การปฏิรูปทุกด้าน ทางออกของประเทศยังมี โดยเฉพาะพี่น้องพันธมิตรฯ ที่มีความรู้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน พันธมิตรฯ จะมาร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยในอนาคต การปฏิรูปจะต้องเกิดตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับประเทศ
ขณะที่ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง กล่าวว่า ประเทศไทยเสียหายก็เพราะนักการเมืองชั่ว ที่ผ่านมา นักการเมองชั่วบอกว่าพื้นที่ไหนไม่เลือกมันเอาไว้ทีหลัง จังหวัดไหนเลือกมันเอาไปก่อน ซึ่งเป็นการยุแยงทำให้เกิดความแตกแยก แตกความสามัคคีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อที่มันจะเขมือบแผ่นดินไทย เขมือบผลประโยชน์จากประเทศไทย นักการเมืองชั่วพยายามสร้างภาพว่าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย แต่มันไม่ใช่ เพราะการเลือกตั้งมีการทุจริต มีการซื้อสิทธิขายเสีย นักการเมืองได้มาโดยไม่ชอบ เมื่อเข้ามาแล้วก็เขมือบเอา เขมือบเอาทำให้นักการเมืองชั่วรวยเอารวยเอา เขมือบเอาอ่าวไทยจะหมดแล้วทั้งน้ำมัน แก๊ส
นักการเมืองไทยชั่วโดยไม่รักศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เมื่อเข้ามาโดยการซื้อเสียงมาถึงก็ขายสิทธิขอประชาชนที่เลือกเข้ามา ขายศักดิ์ศรีของคนทั้งประเทศเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้อง ประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเหมือนที่นักการเมืองชั่วบอก เพราะมีแต่การขายสิทธิ ขายเสียง ขายชาติ ขายทรัพย์สินของแผ่นดิน ผู้นำประเทศที่เดินทางมาบ้านเราจะมองว่ามาแล้วจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์แก่คนของเขา ซึ่งต่างกับผู้นำประเทศไทยที่ไปที่ไหนก็มีแต่เร่ขาย แต่ขายแล้วประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่ไปตกอยู่กับคนเพียงคนเดียว
ด้าน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวถึงทางออกของวิกฤตประเทศไทยจากสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหยิบยกประเด็นการปฏิรูปการเมือง ซึ่งปัญหาทางการเมืองของประเทศไทยปัจจุบัน คือ ขาดความสมดุลเชิงอำนาจ การขาดความสมดุลเชิงอำนาจ หมายความว่า ในสังคมไทยนั้นมีกลุ่มทุนบางกลุ่ม มีอำนาจมากเกินไป และกลุ่มบางกลุ่มมีอำนาจน้อยเกินไป กลุ่มที่มีอำนาจมากในสังคมไทย แล้วก็ครอบคลุมอื่นทั้งหมด ก็คือกลุ่มทุนสามานย์ โดยระบบของการเมืองไทยนั้น ก็เปิดโอกาสให้กลุ่มทุนสามานย์ได้เข้ามามีอำนาจสูงสุดเหนือกลุ่มอื่นๆ กลุ่มอื่นๆ นั้นโอกาสเข้าถึงอำนาจก็มีน้อย เพราะว่าระบบการเลือกตั้งนั้นมันเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้มีเงิน มีทุนที่จะเข้าไปมีอำนาจทางการเมือง ส่วนผู้ที่ไร้ทุนก็มีโอกาสน้อย หรือแทบจะไม่มีโอกาสเลยในการเข้าถึงอำนาจทางการเมือง จึงเป็นเหตุให้การเมืองของไทยประสบกับปัญหาการขาดสมดุลทางอำนาจ