xs
xsm
sm
md
lg

รวมพล 1 ล้าน ! ชัยชนะยิ่งใหญ่ของ “สงครามมวลชน” !!

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

โดยภาพรวม ในบริบทของการขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยประชาชนเป็น “เจ้าภาพ” นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2551 การรวมพลครั้งประวัติศาสตร์นำโดยองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ก็คือการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดของ “สงครามมวลชน” ที่จะนำไปสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ “แบบเบ็ดเสร็จ”ได้ในที่สุด

ในเชิงปริมาณ การรวมพลครั้งใหญ่นี้ จะมีมวลชนตื่นรู้จาก “ทุกฝ่าย” เดินทางมาเข้าร่วมอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวพันธมิตรฯ จำนวนคนจะไม่จำกัดแค่ 1 ล้าน แต่จะมากันอย่างมืดฟ้ามัวดิน เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่า ประชาชนคนไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สร้างอำนาจกำหนดของประชาชนขึ้นมาแทนที่อำนาจกำหนดของกลุ่มทุน (เฉพาะหน้านี้ก็คือกลุ่มทุนสามานย์ในระบอบทักษิณ) ดำเนินการปฏิรูปประเทศไทยอย่างรอบด้าน โดยถือเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

ในทางคุณภาพ การรวมพลครั้งใหญ่นี้ จะเป็นการต่อเชื่อมของ “ปัญญาตื่นรู้” ในหมู่มวลชนต่างกลุ่มต่างองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยการชูธง “เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่เอานักการเมือง ไม่เอาระบบรัฐสภา” โดยการ “ปฏิวัติประชาชน” สร้างความเป็นปึกแผ่นทางความคิดครั้งใหญ่ในขบวนการการเมืองภาคประชาชน

ในมิติของการทำ “สงครามมวลชน” ก็คือความเป็นเอกภาพครั้งใหญ่ของ “กองทัพมวลชนตื่นรู้” อันเป็นขั้นสุดยอดของพัฒนาการของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในขั้นแรก และภายใต้การนำขององค์การพิทักษ์สยามในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องกันของขบวนการการเมืองภาคประชาชน สามารถพัฒนาตนเองจนเติบใหญ่ พร้อมที่จะนำพาประเทศไทยก้าวพ้นจากวิกฤติและเดินไปสู่อนาคตได้อย่างแท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการรวมพลครั้งนี้ มีนัยทางประวัติศาสตร์อันสำคัญยิ่ง ตรงที่มันหมายถึงว่า มวลชนตื่นรู้ในเมืองได้เชื่อมประสานเข้ากับมวลชนตื่นรู้ในชนบทแล้วอย่างเป็นรูปธรรม!

การรวมพลสำเร็จ ก็เท่ากับการประกาศสถาปนา “กองทัพมวลชนตื่นรู้” ระดับชาติขึ้นอย่างเป็นทางการ


ความยิ่งใหญ่ของ “กองทัพมวลชนตื่นรู้”ระดับชาตินี้ อยู่ที่ “ที่มา” อันเกิดจากการรวมตัวกันเข้าของมวลชนตื่นรู้ในเมืองที่เป็นชาวพันธมิตรฯกับมวลชนตื่นรู้ในชนบทที่เป็นชาวพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย บนฐาน “ปัญญาตื่นรู้” ที่ยึดเอาความ “รู้จริง รู้คิด รู้ทำ” เป็นมาตรฐานวัด

ในทัศนะของผู้เขียน การรวมพลครั้งใหญ่นี้ ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่กลุ่มแกนนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มแกนนำองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่ายต้องตระหนักชัด เป็น “โอกาสใหญ่” ที่จะต้องฉวยจับให้มั่น แล้วยกระดับการนำขึ้นสู่ระดับชาติ สามารถดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างสอดสลับ เสริมประสานกันขับเคลื่อน “กองทัพมวลชนตื่นรู้” รุกโจมตี จนฝ่าย “ศัตรู” พ่ายแพ้ หรือยอมจำนน ให้ได้ในเร็ววัน !

โดยนัยนี้ การรวมพลครั้งประวัติศาสตร์นี้ “ทุกฝ่าย” จากทุกสายการจัดตั้งขององค์กรมวลชน จะต้องถือเป็นหน้าที่และ “โอกาสทอง” ระดมมวลชนในสังกัด รวมทั้งมวลชนทั่วไปที่เริ่มตื่นตัว เข้าร่วมสมทบเต็มที่

พร้อมกันนั้น กลุ่มแกนนำ โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มแกนนำองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย จะต้องเชื่อมประสาน แลกเปลี่ยน ปรึกษาหารือกันอย่างจริงจัง เพื่อปูทางให้แก่การก่อตั้งกองบัญชาการร่วมที่เป็นเอกภาพกัน บัญชาการรบในขั้นแตกหักด้วย “สงครามมวลชน” ซึ่งก็คือ รุกโจมตี เอาชนะ “ศัตรู” ด้วยพลังอำนาจของมวลชนตื่นรู้เรือนแสนเรือนล้าน ใช้ปริมาณและคุณภาพของมวลชนตื่นรู้สยบขวัญของฝ่าย “ศัตรู” ตั้งแต่เริ่มต้น

ทั้งนี้ โดยขั้นตอนของการขับเคลื่อน มวลชนพันธมิตรในเมืองกับมวลชนพิทักษ์สยามและเครือข่ายในชนบท จะต้องเร่งเชื่อมประสานการเคลื่อนพลให้เป็นไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การชูธง “เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ไม่เอานักการเมือง ไม่เอาระบบรัฐสภา” เพื่อเปิดทางให้แก่การนำเสนอคำขวัญ “ปฏิรูปประเทศ สร้างประชาธิปไตยประชาชน สถาปนาระบบสภาประชาชน”ในขั้นต่อไป

อีกนัยหนึ่ง การรวมตัวกันเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันของมวลชนพันธมิตรฯกับมวลชนพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย บนฐานความคิดเดียวกัน ภายใต้ “ธง” เดียวกัน เป็นสิ่งจำเป็นต้องเกิดขึ้นในทันทีทันใด เพื่อนำไปสู่ความเป็นเอกภาพของกลุ่มแกนนำในขั้นต่อไป

นั่นหมายถึงว่า เมื่อมวลชนตื่นรู้ “ทุกสาย” ขับเคลื่อนตัวเองไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างเป็นเอกภาพกัน บนฐาน “ปัญญาตื่นรู้” ร่วมกัน ในตัวมันเองก็คือเหตุปัจจัยที่จะนำไปสู่การเชื่อมประสานกันเข้าของกลุ่มแกนนำของขบวนการการเมืองภาคประชาชน โดยเฉพาะคือกลุ่มแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับกลุ่มแกนนำองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย

นั่นหมายถึงว่า ความเป็นปึกแผ่นของ “กองทัพมวลชนตื่นรู้” คือหลักประกันความเป็นเอกภาพของกลุ่มแกนนำ ตามกฎกำหนดของขบวนการการเมืองภาคประชาชน ที่ “มวลชนตื่นรู้”คือตัวกำหนดเอก (กลุ่มแกนนำไม่เพียงแต่จะต้อง “จุดเทียนปัญญา” ให้แก่มวลชนเท่านั้น แต่ยังต้องดำเนินการทุกอย่างตามเจตนารมณ์ของ “มวลชนตื่นรู้” อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้ตนต้อง “ตกแถว” ล้าหลังมวลชน)

ทั้งหมดนี้ สะท้อนถึง “แก่นแท้”ของการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยครั้งนี้ ที่ประชาชนเป็นเจ้าภาพ มวลชนตื่นรู้คืออำนาจกำหนด อันเป็น “อำนาจแก่นแกน” ที่อยู่เหนือสี เหนือฝ่าย ด้วยการขับเคลื่อนตนเองไปบนมาตรฐานเดียวกัน ยึดมั่นอยู่กับการปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ โดยมี “ปัญญาตื่นรู้” คือ “รู้จริง รู้คิด รู้ทำ” ซึ่งก็คือ “ปัญญาแก่นแกน” เป็นอาวุธเอก
กำลังโหลดความคิดเห็น