xs
xsm
sm
md
lg

จับอาการ“นช.แม้ว”สับสนอนาคต พ้อผ่านสไกป์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - จับอาการของ นช.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ และเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง ที่พูดผ่านสไกป์เข้ามายังที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าอดีตนายกฯ นักโทษหนีคำพิพากษาของศาลและหมายจับตำรวจนับสิบคดีคนนี้ กำลังอยู่ในอาการสับสนพะว้าพะวังอย่างหนักต่ออนาคตของตัวเอง

ด้านหนึ่ง นช.ทักษิณก็เป็นห่วงเสถียรภาพของรัฐบาลน้องสาวที่กำลังคลอดอภิมหาโปรเจกต์เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทในไม่กี่วันข้างหน้านี้ แต่อีกด้านหนึ่งก็กลัวว่าหากมัวแต่เสนอโครงการยักษ์เพื่อสวาปามงบประมาณ โดยไม่สนใจมวลชนคนเสื้อแดงก็อาจทำให้สูญเสียฐานคะเสียงสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า

การสไกป์เข้ามายังห้องประชุมพรรคเพื่อไทยในวันนั้น ซึ่งใช้เวลานานกว่า 30 นาที นช.ทักษิณกำชับให้ ส.ส.ของพรรคไปทำความเข้าใจกับประชาชน ให้เห็นคุณค่า อ้างว่าถ้าสำเร็จได้จะเหมือนกับการปฏิรูปประเทศไทยโดยเฉพาะเรื่องระบบขนส่งใหม่ทั้งหมดซึ่งตนได้ไปคุยกับทางจีนมาแล้วเพื่อเชื่อมโยงไปถึงประเทศต่างๆ

นช.ทักษิณยังได้เฉ่งลูกน้องว่าหักล้างไม่เป็น เมื่อถูกโจมตีจากพรรคประชาธิปัตย์ และย้ำว่า ส.ส.ทุกคนต้องมีความรู้จะได้ไปแย้งได้ เช่น เรื่องรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลบอกจะทำจากกรุงเทพฯ ถึงหนองคาย แต่ประชาธิปัตย์บอกจะทำถึงแค่โคราช เราต้องช่วยกันชี้แจง

พร้อมกันนั้นยังได้ตำหนิ ส.ส.ของพรรคที่ทำให้สภาล่ม และยื่นคำขาดว่าต่อไปจะต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก จะต้องไม่มี ส.ส.โดดประชุม ใครทำให้สภาฯ ล่มจะต้องตัดเบี้ยเลี้ยง ส.ส. ต้องทำงานเพื่อประชาชน เอางบประมาณไปลงสู่พื้นที่ ไปสอบถามเขาว่าต้องการอะไร เลือกตั้งรอบหน้าพวก ส.ส.เก่าที่พรรคเคยส่งลง คราวหน้าจะไม่ใช้วิธีแบบนี้อีกแล้ว หากได้ยินจากประชาชนมาว่าไม่ลงพื้นที่ไม่พบปะประชาชน ถ้าประชาชนไม่เอาก็จะไม่ส่งลงเหมือนกัน

ขณะเดียวกัน นช.ทักษิณก็ไม่วายหลุดปากเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้ตัวเองกลับเข้าประเทศได้โดยปราศจากความผิด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เหล่าบริวารซ้ายขวาหน้าหลังเคยพากันออกมาปฏิเสธอยู่ตลอดว่า การผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ได้ทำเพื่อนายใหญ่แต่ทำเพื่อคนทั้งประเทศ

จับอาการได้จากคำตัดพ้อของ นช.ทักษิณที่ผ่านสไกป์มาว่า “ผมบางทีก็แปลก ให้ข้อคิด คำแนะนำปรึกษาอะไรแก่เขาได้ แต่ตัวเองกลับเหมือนต้องลอยคออยู่กลางมหาสมุทร บางครั้งก็ถามตัวเอง ไปผลักดันคนโน้นไปอยู่ตำแหน่งโน้น ตำแหน่งนี้ แล้วตัวผมเองล่ะ จะกลับบ้านยังไง คนก็มีหลายประเภท บางคนก็อยากช่วยให้ได้กลับ บางคนก็บอกว่ารักผมนะแต่อย่าเพิ่งให้ผมรีบกลับมาเลย เพราะเดี๋ยวตัวเองจะไม่สำคัญ”

อย่างไรก็ตาม นช.ทักษิณคงได้ตระหนักแล้วว่า หากดันทุรังเดินหน้าออกกฎหมายล้างผิดให้ตัวเอง จะต้องเผชิญกับแรงต่อต้านอย่างมหาศาลแน่นอน ทั้งจากกระแสสังคม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคประชาธิปัตย์ นช.ทักษิณจึงพยายามพูดเลี่ยงๆ ไปว่า “เรื่องนิรโทษกรรมนั้น หาก ส.ส.จะเอายังไงก็เอากัน”

ขณะเดียวกันก็ยังเสนอทางออกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งก็มีจุดหมายปลายทางที่การล้างผิดให้เขานั่นเอง ว่า “เดี๋ยว ส.ส.กับ ส.ว.จะเสนอให้แก้รายมาตรา ส่วนวาระ 3 ที่ค้างอยู่ก็ให้ค้างไป ส่วนรายมาตราก็ให้ทำไป ไม่ต้องรอ ดีกว่าอยู่เฉยๆ เรื่องที่ควรแก้ไข คือ มาตราเกี่ยวกับการยุบพรรค มาตรา 68, 190 ถ้ากฎหมายเข้าก็ควรอยู่ในห้องประชุมห้ามขาด รัฐมนตรีขอให้เวลาแก่การเมืองด้วย เรามัวแต่สนใจประเทศไม่สนใจการเมืองก็ไม่ได้ ต้องสมดุล ต้องไปด้วยกัน”

หลังจาก นช.ทักษิณพูดผ่านสไกป์แล้วเสร็จ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงก็ออกมารับลูกทันที โดยให้ข้อมูลต่อที่ประชุมถึงความจำเป็นที่ต้องออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม แต่ถ้าเป็น พ.ร.ก.ก็ทำได้ทันที อาศัยเพียงการประชุม ครม. เรื่องนี้เป็นไงก็เป็นกันแม้จะถูกยื่นตีความก็ต้องทำ อย่างน้อยเราก็มีความชอบธรรม ประชาชนจะได้รู้ว่าเราได้ทำอย่างสุดฤทธิ์แล้ว จากนั้น นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ให้เหตุผลถึงต้องออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะจะได้เกิดข้อถกเถียงกันเต็มที่ในสภาฯ ไม่ต้องถูกยื่นตีความ

ขณะที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 12 มีนาคม เรื่องการปรองดองต้องนิรโทษให้ นช.ทักษิณด้วยใช่หรือไม่ว่า “ทำไมจะต้องยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ คนที่เป็นคนไทยทุกคนที่ทะเลาะกันต้องได้หมด จะยกเว้นไม่ได้”

นี่คือใบเสร็จอีกใบที่มัดตัว นช.ทักษิณว่า เป็นคนอยู่เบื้องหลังความกระเหี้ยนกระหือรือของ ส.ส.หรือ ส.ว.ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2550 ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ทั้งที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยทุกๆ สำนักโพลที่ผ่านมา ก็ระบุตรงกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้

นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า ขณะนี้ อำนาจบริหาร และนิติบัญญัติอยู่ภายใต้เงื้อมมือของ นช.ทักษิณเรียบร้อยแล้ว เพราะนอกจากเราจะมีนายกฯ หุ่นเชิด คณะรัฐมนตรีหุ่นเชิดแล้ว เรายังมีรัฐสภาหุ่นเชิดที่คอยทำตามคำบัญชาของ นช.ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น

กระนั้นก็ดี โจทย์ใหญ่ที่ นช.ทักษิณยังแก้ไม่ตกก็คือกระแสต่อต้านจากคนชั้นกลางในเมืองและปัญญาชนนั้นนับวันจะแรงขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง รวมทั้งเงื่อนงำการทุจริตที่ทยอยถูกปิดโปงออกมา

ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แม้ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนถึง 1 ล้านกว่าเสียง แพ้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ไปเพียง 1 แสนกว่าคะแนน แต่คะแนนส่วนหนึ่งก็มาจากความนิยมส่วนตัวต่อ พล.ต.อ.พงศพัศ ไม่ใช่มาจากพรรคเพื่อไทย

อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยมีความได้เปรียบจากการเป็นรัฐบาล ออกแคมเปญ “ไร้รอยต่อ” พร้อมทุ่มโครงการประชานิยมเกทับคู่แข่งอย่างชนิดไม่มีทางสู้ แต่ก็แปรเป็นคะแนนเอาชนะในการเลือกตั้งไม่ได้

ที่สำคัญคือ เมื่อมีกระแสข่าวลือว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยจะมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.หาก พล.ต.อ.พงศพัศได้ชัยชนะ ก็ทำให้คะแนนของ พล.ต.อ.พงศพัศวูบหายไปทันที

นี่ย่อมสะท้อนว่า คนกรุงเทพฯ มีข้อรังเกียจต่อเหล่าบริวารใกล้ชิด ของ นช.ทักษิณมากแค่ไหน เป็นปัญหาที่ นช.ทักษิณยังคิดไม่ตก หากจะเดินหน้าหักดิบออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่หากนิ่งเฉย ก็จะทำให้เสียมวลชนคนเสื้อแดงไปในที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น