ASTVผู้จัดการรายวัน-กกต.กทม.ปัดสวะพ้นตัว หลังปูดข่าวให้ใบเหลือง "สุขุมพันธุ์" แจงแค่ให้ความเห็น "เจ๊สด"อัด "ทวีศักดิ์"ทำงานออฟไซต์ ยอมรับหนักใจสอยไม่สอย เหตุหลักฐานต้องชัด "มาร์ค"มั่นใจไม่ผิดกฎหมาย วอน กกต. ทำงานตรงไปตรงมา "เหลิม"แถ ปัดชี้นำ "ศิริโชค"ท่องคาถาโพสต์ภาพเผาเมืองไม่ผิด แต่ตัดต่อภาพดาราเชียร์ผิด
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กกต.กทม. มีมติให้ใบเหลืองกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะอำนาจหน้าที่ในการที่จะชี้ขาดให้ใบเหลือง หรือใบแดงกับผู้ใดนั้น ต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต.กลาง ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของ กกต.กทม. ส่วนมติที่ กกต.กทม.เตรียมเสนอความเห็นไปยังกกต.กลางในวันนี้ (14 มี.ค.) เป็นเพียงความเห็นและข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมถึงหลักฐานประกอบความคิดเห็นเท่านั้น โดยกกต.กทม.ยังไม่ได้เซ็นต์ลงนามมติดังกล่าว เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบถ้อยคำให้ถูกต้องอีกครั้ง ซึ่งกกต.กทม.จะมีการประชุมและเซ็นต์ลงนามในมติดังกล่าวในการประชุมวันนี้ (14มี.ค.) เวลา 13.00 น. ก่อนที่จะเสนอให้กกต.กลางพิจารณาต่อไป
สำหรับวาระการประชุมของ กกต.กทม. จะมีการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ค้างการพิจารณาอยู่ โดยจะเป็นคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องขอให้กกต.กทม.ตรวจสอบนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ปราศรัยหาเสียงในลักษณะใส่ร้ายป้ายสี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย และคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบการปราศรัยของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่จะมีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 31 คน เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ไม่เกิน 9 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.กทม.ต้องมีการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจงก่อนที่จะลงมติให้ใบเหลืองหรือไม่ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า ในกระบวนการตรวจสอบของกกต.กทม. เบื้องต้นยังไม่มีการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เนื่องจากตนเห็นว่าการเชิญใครมาชี้แจงข้อมูล หรือสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงถึงตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มากกว่านี้ ดังนั้น เรื่องของการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจง คงให้เป็นดุลยพินิจของกกต.กลาง
**“เจ๊สด”อัด กกต.กทม. ออฟไซด์
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ทราบจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครเพียงว่ามีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เข้ามา 20 เรื่อง สั่งไม่รับ 3 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ร้องม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ 9 เรื่อง โดยจะส่งมาให้กกต.กลางพิจารณา 2 เรื่อง ซึ่งขณะนี้ กกต.กลางยังไม่ได้รับ หากได้รับแล้ว ที่ประชุมกกต. ก็ต้องพิจารณาก่อนว่าพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือถ้าทาง กกต.กทม. มีการสอบถ้อยคำของฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมกกต.ก็จะพิจารณาเพื่อมีมติต่อไป ซึ่งคงจะไม่ทันเข้าที่ประชุมกกต.ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งกกต.กลางไม่มีประชุมแล้ว ดังนั้น ที่ประชุมกกต.คงจะได้มีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ กกต.กลางได้เคยมีหนังสือแจ้งไปยังกกต.จังหวัดทุกจังหวัดแล้วว่า เมื่อมีมติว่าจะเสนอ กกต.กลาง อย่างไร จะเปิดเผยไม่ได้ ถือเป็นความลับทางราชการ สำนวนต่างๆ ไม่ควรมีการพูดว่าจะเสนอให้ใบแดง ใบเหลือง เพราะถ้าไปบอกเช่นนั้น คนที่จะถูกกดดัน ก็คือ กกต.กลางที่จะต้องเป็นผู้วินิจฉัยขั้นตอนสุดท้าย
“เมื่อถึงเวลา กกต.กลางพิจารณา ก็จะถูกจับจ้องว่าจะวินิจฉัยไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ ก็อยากเรียกร้องไปยังกกต.จังหวัดให้ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบ ไม่ใช่กกต.จังหวัดเป็นศาลต้น แล้วกกต.กลางเป็นศาลอุทธรณ์ เพราะอำนาจของ กกต.จังหวัด แค่พิจารณาว่าควรจะรับเป็นคำร้องหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมา มีมากที่กกต.กลางไม่เห็นด้วยกับมติที่กกต.จังหวัดเสนอมา และมีมากถึงร้อยละ 60 ที่เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว ศาลยกคำร้องไม่เห็นตามกกต. ฉะนั้นคำตอบต่างๆ จึงต้องรอฟังศาล เว้นแต่จะสอยก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง และถ้าทำเช่นนั้นการจะให้ใบเหลือง ใบแดง ก็ต้องใช้เสียงของที่ประชุมกกต.ถึง 4 ใน 5 ซึ่งมากกว่ากรณีปกติ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำแถลงของประธานกกต.กทม.สอดรับกับคำสัมภาษณ์ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น ที่ระบุว่ากกต. จะให้ใบเหลืองม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นางสดศรี กล่าวว่า เป็นผลจากการพูดไปก่อนของประธานกกต.กทม.โดยไม่คิดว่าจะมีผลกระทบไปที่ไหนบ้าง โดยหลักแล้วต้องคิดว่าผลลัทธ์มันจะมากระทบกับองค์กร อีกทั้งการพูดไปก่อน ทำให้ตัวประธานกกต.กทม. ถูกมองว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ซึ่งประธานกกต.ควรจะบอกแต่เพียงว่า กกต.กทม.มีมติส่งเรื่องมายังกกต.กลางกี่เรื่องเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นางสดศรี ยอมรับว่า กกต.ค่อนข้างหนักใจหากจะต้องมีการพิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดง ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ก่อนการประกาศรับรองผล เพราะถ้าจะทำเช่นนั้นต้องมีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งระยะเวลาที่เหลือในกรอบเวลา 30 วัน ค่อนข้างกระชั้นชิด อาจไม่ทันกับการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้ากกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน แล้วไปสอยภายหลัง ก็จะมีศาลอุทธรณ์ช่วยกลั่นกรองว่าหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าที่กกต.เสนอไปนั้นรับฟังได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะสอยก่อนหรือหลังประกาศรับรองผล หากเป็นการสั่งเลือกตั้งใหม่โดยไม่เพิกถอนสิทธิ รัฐจะต้องเป็นสนับสนุนงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่
** "มาร์ค"มั่นใจเรื่องไม่เข้าข่าย ม.57(5)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเป็นการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะ กกต.จังหวัดมีหน้าที่นำเสนอ และสรุปความเห็นไปยังกกต.กลาง โดยกกต.กลางมีอำนาจเต็มว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นจึงต้องรอดูว่าวันที่ 14 มี.ค.นี้ กกต.กลางจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งตนยังมั่นใจว่าข้อร้องเรียน ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีส่วนใดที่เข้าข่ายความผิด ตามมาตรา 57 (5) ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ที่ว่ามีใครไปขู่เข็ญ บังคับหลอกลวง ซึ่งตนรู้ว่ามีความพยายามจากคนที่แพ้หรือไม่พอใจ มาปั่นกระแสเรื่องใบเหลือง ใบแดง จึงอยากขอให้กกต.ทำงานโดยปราศจากแรงกดดัน ว่าไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฟันธงว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ จะได้ใบเหลืองหรือใบแดงนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรเพราะ ร.ต.อ.เฉลิมเคยฟันธงว่าพ.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทยจะชนะมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตนเห็นว่า ร.ต.อ. เฉลิมคงไม่รู้กฎหมายว่ากรณีการให้ใบแดงนั้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากข้อร้องเรียนไม่ได้เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร ซึ่งแค่นี้ก็เห็นชัดว่าไม่รู้กฎหมาย คงเป็นความพยายามจะปลุกกระแสผู้สนับสนุนตัวเอง เพราะทำอย่างนี้มาตลอด แต่สังคมและผู้รับผิดชอบต้องเข้มแข็งทำอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตนหวังว่าหลัง กกต.มีการตัดสินชี้ขาดแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะทุกคนต้องเคารพกติกา
**"ศิริโชค"ยันโพสต์ภาพเผาเมืองไม่ผิด
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแถลงข่าวของ กกต.กทม. อาจจะมีความสับสน มีความเข้าใจผิด ทำให้สังคมเกิดความเชื่อว่าจะมีใบเหลืองเกิดขึ้น ซึ่งในข้อกฎหมาย กกต.ท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรอง และแสดงความคิดเห็นกับเรื่องที่ได้รับการร้องเรียน ซึ่งไม่มีอำนาจว่าจะให้ใบเหลืองใบแดงหรือใบขาว เพราะอำนาจชี้ขาดอยู่ที่ กกต.กลาง ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องที่ กกต.กทม.รับมามีทั้งหมด 3 เรื่อง และได้ส่งให้กกต.กลางวินิจฉัย โดยมีการรวมเรื่องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รวมเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องของตน และอีกเรื่องเป็นกรณีของนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระ ดังนั้น การที่คนเข้าใจว่ายกไปเรื่องหนึ่ง และให้ใบเหลืองเรื่องหนึ่งนั้นจึงไม่ใช่
ส่วนกรณีของตนมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องของการสื่อสาร เพราะภาพที่ตนโพสต์นั้น ได้ระบุชัดว่าเป็นภาพตัดต่อ ไม่ได้กล่าวถึง พล.ต.อ.พงศพัศ เลย แต่กล่าวถึงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว และเหตุผลที่ตนต้องพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะมีภาพนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ปรากฏตัวบนรถหาเสียงด้วย เพราะไม่ว่านายณัฐวุฒิจะไปปรากฏตัวที่ไหน คนก็จะคิดถึงเรื่องเผาบ้านเผาเมือง ตนยืนยันว่า จะดูมุมไหนกรณีนี้ก็ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการไปบอกว่า อย่าไปเลือกใคร หรือให้ไปเลือกใคร และไม่ได้มีการกล่าวหาผู้สมัครว่าเผาบ้านเผาเมือง ขณะเดียวกันภาพที่กกต.ควรจะไปเล่นงาน เป็นภาพตัดต่อนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว นักมวยชื่อดัง ซึ่งเป็นการชักจูงให้คนเข้าใจผิด แล้วไปลงคะแนนเสียงให้เบอร์ 9 และภาพดังกล่าวก็มีที่มาที่ไปชัดเจนว่าเป็นเสื้อแดงคลับ หรือกรณีของภาพตัดต่อนายธงไชย แมคอินไตย์ หรือนายณเดชน์ คูกิมิยะ ให้คนเข้าใจผิดว่าสนับสนุนเบอร์ 9 เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายชัดเจน
**“เฉลิม” ออกตัวปัดกดดัน กกต.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนเรียนกฎหมายก็ต้องพูดอย่างที่ตนพูด มันชัด และเป็นกรณีตัวอย่างมาแล้ว ไม่ได้ไปกดดัน แค่อยากถามว่า ที่เขาชนะมาล้านกว่าคะแนน ก่อนชนะเขาทำอะไรมาหรือไม่
“เมื่อวันที่ 12มี.ค. ผมให้สัมภาษณ์เรื่องกกต. ปลาบู่ชนเขื่อนบอกว่าผมไปแทรกแซง ผมจะแทรกแซงได้อย่างไร กกต.เป็นองค์กรอิสระ หมอนี่ถ้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ ผมก็เหนื่อยแทนในฐานะคนกทม. จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้ ไม่มีเงินปลูกบ้าน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
**"ยะใส" ชี้มีพิรุธที่มุ่งสอบแต่"สุขุมพันธ์"
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ข่าวปล่อยกรณี กกต.กทม.เสนอ กกต.กลาง ให้ใบเหลืองม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แม้ผู้เกี่ยวข้องจะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม ข่าวชิ้นนี้หวังผลสร้างกระแสชี้นำ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ใหม่อีกครั้ง เท่าที่ติดตามเรื่องร้องเรียนและกระบวนการพิจารณาของ กกต.กทม.นั้น เห็นว่ามีข้อพิรุธและน่าเคลือบแคลงสงสัยอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการให้ข่าวถึงกระบวรการพิจารณาข้อกล่าวหาการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของฝั่งม.ร.ว.สุขุมพันธ์ คนเดียวเป็นหลัก แต่เรื่องร้องเรียนว่ารัฐบาลและ พล.ต.อ.พงศพัศ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.กทม.ไม่ได้รายงานความคืบหน้าให้ประชาชนรับรู้เลย
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กกต.กทม. มีมติให้ใบเหลืองกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะอำนาจหน้าที่ในการที่จะชี้ขาดให้ใบเหลือง หรือใบแดงกับผู้ใดนั้น ต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต.กลาง ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ของ กกต.กทม. ส่วนมติที่ กกต.กทม.เตรียมเสนอความเห็นไปยังกกต.กลางในวันนี้ (14 มี.ค.) เป็นเพียงความเห็นและข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมถึงหลักฐานประกอบความคิดเห็นเท่านั้น โดยกกต.กทม.ยังไม่ได้เซ็นต์ลงนามมติดังกล่าว เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบถ้อยคำให้ถูกต้องอีกครั้ง ซึ่งกกต.กทม.จะมีการประชุมและเซ็นต์ลงนามในมติดังกล่าวในการประชุมวันนี้ (14มี.ค.) เวลา 13.00 น. ก่อนที่จะเสนอให้กกต.กลางพิจารณาต่อไป
สำหรับวาระการประชุมของ กกต.กทม. จะมีการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ค้างการพิจารณาอยู่ โดยจะเป็นคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องขอให้กกต.กทม.ตรวจสอบนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ปราศรัยหาเสียงในลักษณะใส่ร้ายป้ายสี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย และคำร้องที่ขอให้ตรวจสอบการปราศรัยของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่จะมีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 31 คน เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ไม่เกิน 9 คน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กกต.กทม.ต้องมีการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจงก่อนที่จะลงมติให้ใบเหลืองหรือไม่ พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า ในกระบวนการตรวจสอบของกกต.กทม. เบื้องต้นยังไม่มีการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เนื่องจากตนเห็นว่าการเชิญใครมาชี้แจงข้อมูล หรือสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงถึงตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มากกว่านี้ ดังนั้น เรื่องของการเรียกม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาชี้แจง คงให้เป็นดุลยพินิจของกกต.กลาง
**“เจ๊สด”อัด กกต.กทม. ออฟไซด์
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ทราบจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครเพียงว่ามีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เข้ามา 20 เรื่อง สั่งไม่รับ 3 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ร้องม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ 9 เรื่อง โดยจะส่งมาให้กกต.กลางพิจารณา 2 เรื่อง ซึ่งขณะนี้ กกต.กลางยังไม่ได้รับ หากได้รับแล้ว ที่ประชุมกกต. ก็ต้องพิจารณาก่อนว่าพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือถ้าทาง กกต.กทม. มีการสอบถ้อยคำของฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมกกต.ก็จะพิจารณาเพื่อมีมติต่อไป ซึ่งคงจะไม่ทันเข้าที่ประชุมกกต.ในสัปดาห์นี้ รวมทั้งกกต.กลางไม่มีประชุมแล้ว ดังนั้น ที่ประชุมกกต.คงจะได้มีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ กกต.กลางได้เคยมีหนังสือแจ้งไปยังกกต.จังหวัดทุกจังหวัดแล้วว่า เมื่อมีมติว่าจะเสนอ กกต.กลาง อย่างไร จะเปิดเผยไม่ได้ ถือเป็นความลับทางราชการ สำนวนต่างๆ ไม่ควรมีการพูดว่าจะเสนอให้ใบแดง ใบเหลือง เพราะถ้าไปบอกเช่นนั้น คนที่จะถูกกดดัน ก็คือ กกต.กลางที่จะต้องเป็นผู้วินิจฉัยขั้นตอนสุดท้าย
“เมื่อถึงเวลา กกต.กลางพิจารณา ก็จะถูกจับจ้องว่าจะวินิจฉัยไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ ก็อยากเรียกร้องไปยังกกต.จังหวัดให้ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบ ไม่ใช่กกต.จังหวัดเป็นศาลต้น แล้วกกต.กลางเป็นศาลอุทธรณ์ เพราะอำนาจของ กกต.จังหวัด แค่พิจารณาว่าควรจะรับเป็นคำร้องหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมา มีมากที่กกต.กลางไม่เห็นด้วยกับมติที่กกต.จังหวัดเสนอมา และมีมากถึงร้อยละ 60 ที่เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้ว ศาลยกคำร้องไม่เห็นตามกกต. ฉะนั้นคำตอบต่างๆ จึงต้องรอฟังศาล เว้นแต่จะสอยก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง และถ้าทำเช่นนั้นการจะให้ใบเหลือง ใบแดง ก็ต้องใช้เสียงของที่ประชุมกกต.ถึง 4 ใน 5 ซึ่งมากกว่ากรณีปกติ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำแถลงของประธานกกต.กทม.สอดรับกับคำสัมภาษณ์ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้น ที่ระบุว่ากกต. จะให้ใบเหลืองม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นางสดศรี กล่าวว่า เป็นผลจากการพูดไปก่อนของประธานกกต.กทม.โดยไม่คิดว่าจะมีผลกระทบไปที่ไหนบ้าง โดยหลักแล้วต้องคิดว่าผลลัทธ์มันจะมากระทบกับองค์กร อีกทั้งการพูดไปก่อน ทำให้ตัวประธานกกต.กทม. ถูกมองว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ซึ่งประธานกกต.ควรจะบอกแต่เพียงว่า กกต.กทม.มีมติส่งเรื่องมายังกกต.กลางกี่เรื่องเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นางสดศรี ยอมรับว่า กกต.ค่อนข้างหนักใจหากจะต้องมีการพิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดง ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. ก่อนการประกาศรับรองผล เพราะถ้าจะทำเช่นนั้นต้องมีหลักฐานชัดเจน อีกทั้งระยะเวลาที่เหลือในกรอบเวลา 30 วัน ค่อนข้างกระชั้นชิด อาจไม่ทันกับการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้ากกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน แล้วไปสอยภายหลัง ก็จะมีศาลอุทธรณ์ช่วยกลั่นกรองว่าหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าที่กกต.เสนอไปนั้นรับฟังได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะสอยก่อนหรือหลังประกาศรับรองผล หากเป็นการสั่งเลือกตั้งใหม่โดยไม่เพิกถอนสิทธิ รัฐจะต้องเป็นสนับสนุนงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่
** "มาร์ค"มั่นใจเรื่องไม่เข้าข่าย ม.57(5)
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเป็นการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะ กกต.จังหวัดมีหน้าที่นำเสนอ และสรุปความเห็นไปยังกกต.กลาง โดยกกต.กลางมีอำนาจเต็มว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นจึงต้องรอดูว่าวันที่ 14 มี.ค.นี้ กกต.กลางจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งตนยังมั่นใจว่าข้อร้องเรียน ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีส่วนใดที่เข้าข่ายความผิด ตามมาตรา 57 (5) ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ที่ว่ามีใครไปขู่เข็ญ บังคับหลอกลวง ซึ่งตนรู้ว่ามีความพยายามจากคนที่แพ้หรือไม่พอใจ มาปั่นกระแสเรื่องใบเหลือง ใบแดง จึงอยากขอให้กกต.ทำงานโดยปราศจากแรงกดดัน ว่าไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฟันธงว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ จะได้ใบเหลืองหรือใบแดงนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรเพราะ ร.ต.อ.เฉลิมเคยฟันธงว่าพ.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทยจะชนะมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ตนเห็นว่า ร.ต.อ. เฉลิมคงไม่รู้กฎหมายว่ากรณีการให้ใบแดงนั้น เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากข้อร้องเรียนไม่ได้เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร ซึ่งแค่นี้ก็เห็นชัดว่าไม่รู้กฎหมาย คงเป็นความพยายามจะปลุกกระแสผู้สนับสนุนตัวเอง เพราะทำอย่างนี้มาตลอด แต่สังคมและผู้รับผิดชอบต้องเข้มแข็งทำอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งตนหวังว่าหลัง กกต.มีการตัดสินชี้ขาดแล้ว ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะทุกคนต้องเคารพกติกา
**"ศิริโชค"ยันโพสต์ภาพเผาเมืองไม่ผิด
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแถลงข่าวของ กกต.กทม. อาจจะมีความสับสน มีความเข้าใจผิด ทำให้สังคมเกิดความเชื่อว่าจะมีใบเหลืองเกิดขึ้น ซึ่งในข้อกฎหมาย กกต.ท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรอง และแสดงความคิดเห็นกับเรื่องที่ได้รับการร้องเรียน ซึ่งไม่มีอำนาจว่าจะให้ใบเหลืองใบแดงหรือใบขาว เพราะอำนาจชี้ขาดอยู่ที่ กกต.กลาง ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องที่ กกต.กทม.รับมามีทั้งหมด 3 เรื่อง และได้ส่งให้กกต.กลางวินิจฉัย โดยมีการรวมเรื่องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์รวมเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องของตน และอีกเรื่องเป็นกรณีของนายเสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการอิสระ ดังนั้น การที่คนเข้าใจว่ายกไปเรื่องหนึ่ง และให้ใบเหลืองเรื่องหนึ่งนั้นจึงไม่ใช่
ส่วนกรณีของตนมีความคลาดเคลื่อนในเรื่องของการสื่อสาร เพราะภาพที่ตนโพสต์นั้น ได้ระบุชัดว่าเป็นภาพตัดต่อ ไม่ได้กล่าวถึง พล.ต.อ.พงศพัศ เลย แต่กล่าวถึงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว และเหตุผลที่ตนต้องพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะมีภาพนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ปรากฏตัวบนรถหาเสียงด้วย เพราะไม่ว่านายณัฐวุฒิจะไปปรากฏตัวที่ไหน คนก็จะคิดถึงเรื่องเผาบ้านเผาเมือง ตนยืนยันว่า จะดูมุมไหนกรณีนี้ก็ไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่มีการไปบอกว่า อย่าไปเลือกใคร หรือให้ไปเลือกใคร และไม่ได้มีการกล่าวหาผู้สมัครว่าเผาบ้านเผาเมือง ขณะเดียวกันภาพที่กกต.ควรจะไปเล่นงาน เป็นภาพตัดต่อนายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือบัวขาว นักมวยชื่อดัง ซึ่งเป็นการชักจูงให้คนเข้าใจผิด แล้วไปลงคะแนนเสียงให้เบอร์ 9 และภาพดังกล่าวก็มีที่มาที่ไปชัดเจนว่าเป็นเสื้อแดงคลับ หรือกรณีของภาพตัดต่อนายธงไชย แมคอินไตย์ หรือนายณเดชน์ คูกิมิยะ ให้คนเข้าใจผิดว่าสนับสนุนเบอร์ 9 เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายชัดเจน
**“เฉลิม” ออกตัวปัดกดดัน กกต.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนเรียนกฎหมายก็ต้องพูดอย่างที่ตนพูด มันชัด และเป็นกรณีตัวอย่างมาแล้ว ไม่ได้ไปกดดัน แค่อยากถามว่า ที่เขาชนะมาล้านกว่าคะแนน ก่อนชนะเขาทำอะไรมาหรือไม่
“เมื่อวันที่ 12มี.ค. ผมให้สัมภาษณ์เรื่องกกต. ปลาบู่ชนเขื่อนบอกว่าผมไปแทรกแซง ผมจะแทรกแซงได้อย่างไร กกต.เป็นองค์กรอิสระ หมอนี่ถ้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ ผมก็เหนื่อยแทนในฐานะคนกทม. จะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้ ไม่มีเงินปลูกบ้าน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
**"ยะใส" ชี้มีพิรุธที่มุ่งสอบแต่"สุขุมพันธ์"
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ข่าวปล่อยกรณี กกต.กทม.เสนอ กกต.กลาง ให้ใบเหลืองม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แม้ผู้เกี่ยวข้องจะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวแล้ว แต่ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม ข่าวชิ้นนี้หวังผลสร้างกระแสชี้นำ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ใหม่อีกครั้ง เท่าที่ติดตามเรื่องร้องเรียนและกระบวนการพิจารณาของ กกต.กทม.นั้น เห็นว่ามีข้อพิรุธและน่าเคลือบแคลงสงสัยอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการให้ข่าวถึงกระบวรการพิจารณาข้อกล่าวหาการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของฝั่งม.ร.ว.สุขุมพันธ์ คนเดียวเป็นหลัก แต่เรื่องร้องเรียนว่ารัฐบาลและ พล.ต.อ.พงศพัศ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต.กทม.ไม่ได้รายงานความคืบหน้าให้ประชาชนรับรู้เลย