ASTVผู้จัดการรายวัน–เอ็กโก กรุ๊ป ทุ่มงบลงทุนปีนี้ 1.64 หมื่นล้านบาท เพื่อเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมใหม่-โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์-ลม ล่าสุดจับมือพันธมิตรต่างชาติเข้าประมูลไอพีพี 1.8พันเมกะวัตต์ในอินโดฯ และเล็งซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในฮ่องกง-มาเก๊า คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 2 นี้ แย้มITDจีบร่วมทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินทวาย
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้เตรียมงบลงทุนเบื้องต้นในปีนี้ 1.64 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่รวมโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าเคซอนส่วนขยาย การซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่ในต่างประเทศ และการเข้าร่วมประมูลสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีในไทย
โดยงบลงทุนปีนี้ จะนำไปใช้ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมใหม่ กำลังผลิต 920 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 7.5 พันล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอราคาค่าไฟต่อเรกูเลเตอร์ น่าจะรู้ผลในไตรมาส 2นี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์โก) 57 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 4.7 พันล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังลมเทพพนา วินฟาร์มที่ชัยภูมิ 6.9 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 2 พันล้านบาท และใส่เงินเพิ่มทุนในโครงการพลังน้ำไซยะบุรีอีก 1 พันกว่าล้านบาท เป็นต้น
แหล่งเงินที่ใช้ในการลงทุนปีนี้ จะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินเป็นหลัก เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) ต่ำอยู่แค่ 0.4 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถในการกู้เงินอีกมาก และไม่มีนโยบายที่จะออกหุ้นกู้หรือเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด
นายสหัสกล่าวว่า ได้จับมือกับพันธมิตรต่างชาติทั้งฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอินโดนีเซียเพื่อเข้าประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1.8 พันเมกะวัตต์ที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ไตรมาส 4/2556 และยังได้เข้าร่วมประมูลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วที่ฮ่องกง และมาเก๊า ในสัดส่วน 19-20% ใช้เงิน 5-6 พันล้านบาทต่อแห่ง คาดว่าจะรู้ผลในปลายไตรมาส 2 นี้ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเคซอนส่วนขยายอีก 500 เมกะวัตต์ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ทเนอร์นั้น น่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 3/2556 โดยบริษัทจะถือหุ้น 50%
สำหรับโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมฯที่ทวาย ประเทศพม่า ได้รับการติดต่อจากบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD)ให้เข้าร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเฟสแรก 280เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทก็สนใจ หลังจากอายุเอ็มโอยูระหว่างอิตาเลียนไทยฯ กับบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง (RATCH) สิ้นสุดลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2-3 นี้ โดยยอมรับว่าโครงการนี้มีความเสี่ยงด้านการจัดเก็บเงินค่าไฟฟ้าจากโรงงานในนิคมอุตสากรรม
ส่วนการลงทุนใหม่ในประเทศไทย บริษัทเตรียมยื่นประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่ 2 โรง น่าจะรู้ผลในไตรมาส 3 รวมทั้งสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 170 เมกะวัตต์ที่ชัยภูมิ ซึ่งได้เสนอยังรัฐบาลแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นตัวเลข 2 หลักจากปีก่อนที่มีกำไรก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนและก่อนกำไรทางบัญชีจากการรวมธุรกิจ จำนวน 6,060 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์โซลาร์โก โรงไฟฟ้าพลังลมเทพนา โรงไฟฟ้าจากขยะที่หาดใหญ่เข้ามา รวมทั้งรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าเคซอน
ธุรกิจเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ขณะเดียวกันปีนี้จะรับรู้กำไรเข้ามา 600 ล้านบาทจากปีก่อนที่โรงไฟฟ้าเอกโก โคเจน และแก่งคอยต้องปิดซ่อมบำรุงไป ทำให้บริษัทกำไรลดไป 600 ล้านบาท
นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ได้เตรียมงบลงทุนเบื้องต้นในปีนี้ 1.64 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่รวมโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าเคซอนส่วนขยาย การซื้อกิจการโรงไฟฟ้าใหม่ในต่างประเทศ และการเข้าร่วมประมูลสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีในไทย
โดยงบลงทุนปีนี้ จะนำไปใช้ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอมใหม่ กำลังผลิต 920 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 7.5 พันล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอราคาค่าไฟต่อเรกูเลเตอร์ น่าจะรู้ผลในไตรมาส 2นี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์โก) 57 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 4.7 พันล้านบาท โรงไฟฟ้าพลังลมเทพพนา วินฟาร์มที่ชัยภูมิ 6.9 เมกะวัตต์ ใช้เงิน 2 พันล้านบาท และใส่เงินเพิ่มทุนในโครงการพลังน้ำไซยะบุรีอีก 1 พันกว่าล้านบาท เป็นต้น
แหล่งเงินที่ใช้ในการลงทุนปีนี้ จะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินเป็นหลัก เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) ต่ำอยู่แค่ 0.4 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถในการกู้เงินอีกมาก และไม่มีนโยบายที่จะออกหุ้นกู้หรือเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด
นายสหัสกล่าวว่า ได้จับมือกับพันธมิตรต่างชาติทั้งฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและอินโดนีเซียเพื่อเข้าประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1.8 พันเมกะวัตต์ที่อินโดนีเซีย คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ไตรมาส 4/2556 และยังได้เข้าร่วมประมูลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วที่ฮ่องกง และมาเก๊า ในสัดส่วน 19-20% ใช้เงิน 5-6 พันล้านบาทต่อแห่ง คาดว่าจะรู้ผลในปลายไตรมาส 2 นี้ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเคซอนส่วนขยายอีก 500 เมกะวัตต์ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ทเนอร์นั้น น่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 3/2556 โดยบริษัทจะถือหุ้น 50%
สำหรับโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมฯที่ทวาย ประเทศพม่า ได้รับการติดต่อจากบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD)ให้เข้าร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเฟสแรก 280เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทก็สนใจ หลังจากอายุเอ็มโอยูระหว่างอิตาเลียนไทยฯ กับบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง (RATCH) สิ้นสุดลง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2-3 นี้ โดยยอมรับว่าโครงการนี้มีความเสี่ยงด้านการจัดเก็บเงินค่าไฟฟ้าจากโรงงานในนิคมอุตสากรรม
ส่วนการลงทุนใหม่ในประเทศไทย บริษัทเตรียมยื่นประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่ 2 โรง น่าจะรู้ผลในไตรมาส 3 รวมทั้งสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังลมอีก 170 เมกะวัตต์ที่ชัยภูมิ ซึ่งได้เสนอยังรัฐบาลแล้ว
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นตัวเลข 2 หลักจากปีก่อนที่มีกำไรก่อนผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยนและก่อนกำไรทางบัญชีจากการรวมธุรกิจ จำนวน 6,060 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์โซลาร์โก โรงไฟฟ้าพลังลมเทพนา โรงไฟฟ้าจากขยะที่หาดใหญ่เข้ามา รวมทั้งรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าเคซอน
ธุรกิจเหมืองถ่านหินและโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ขณะเดียวกันปีนี้จะรับรู้กำไรเข้ามา 600 ล้านบาทจากปีก่อนที่โรงไฟฟ้าเอกโก โคเจน และแก่งคอยต้องปิดซ่อมบำรุงไป ทำให้บริษัทกำไรลดไป 600 ล้านบาท