วานนี้(11 มี.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบคดี พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งเบื้องต้นจากการแถลงข่าวของ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้นั้น มีรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายคน รวมถึง นายสมบัติ จันทรวงศ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเคยออกมาเปิดเผย โดยยอมรับว่าได้เคยรับฝากเงินจาก นางณัฐณิชาช์ ภรรยา พล.อ.เสถียร 18 ล้านบาท และได้ทยอยคืนไปบางส่วนแล้ว
มีรายงานว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้คืนเงินจำนวน 6 แสนบาทเศษ ให้แก่นายสมบัติไปแล้ว เนื่องจากพิสูจน์ทราบได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินเก็บส่วนตัวของนายสมับัติ ไม่เกี่ยวพันกับการตรวจสอบแต่อย่างใด
ขณะที่นายสมบัติ ก็ได้รับเงินคืนจากการอายัดของ ป.ป.ช. ราว 6 แสนบาทจริง เนื่องจากเงินส่วนนี้เป็นของตัวเอง ไม่ใช่เงินที่เคยรับฝากจากนางณัฐณิชาช์ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน
“โดยยังเหลือเงินอีกราว 7 ล้านบาทที่ ป.ป.ช.อายัดไว้ต่อ ขณะที่หลังจากนี้ก็ยังไม่มีการนัดให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมกับทาง ป.ป.ช. ขณะที่ ป.ป.ช.จะเรียกใครสอบหรือขอข้อมูลเพิ่มนั้นตนเองไม่ทราบรายละเอียด”
มีรายงานว่า นายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลการเป็นเจ้าของโรงแรมในต่างจังหวัดของ นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยา พล.อ.เสถียร อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีทั้งสิ้น 2 แห่ง แห่งหนึ่งได้ขายไปก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี และอีกแห่งยังมีชื่อ นางณัฐณิชาช์ เป็นเจ้าของ แต่ยังไม่ได้รายละเอียด ส่วนผู้ที่มาซื้อโรงแรม จะเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงยังชีพให้ ศปภ.ช่วงน้ำท่วมหรือไม่ อย่างไรนั้น ต้องมีการพิจารณา หากเป็นความเกี่ยวข้อง มีข้อเท็จจริง และเกี่ยวพันกัน ก็จะเชิญมาสอบด้วยเช่นกัน.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ครอบครัวเพิ่มทองอินทร์ ได้แต่งตั้ง นายนคร ชมพูชาติ เป็นทนายความ สู้ ป.ป.ช.คดีอายัดเงิน พร้อมทรัพย์สิน มูลค่า 65 ล้านบาทโดยวันที่ 11 มีนาคม นายนคร จะส่งหนังสือถามปปช. เพื่อขอคำชี้แจงว่า ทำไมจึงสั่งอายัด โดยไม่มีรายละเอียดชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนคร ถือว่าทนายความคดีดัง ที่จ่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน อยู่เบื้องหลังคดีดังๆ มากมายหลายเรื่อง เป็นหนึ่งในทนายไม่กี่คนที่ร่วมต่อสู้ "คดีสิทธิมนุษยชน" เช่น คดีกรณีสันติอโศก โดยเฉพาะคดีที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ และสมณะชาวอโศก ถูกกล่าวหา ,คดีกบฏไอทีวี ,คดีฟ้องร้องให้แก้ไขและเพิกถอนสิทธิบัตรยาต้านไวรัส DDI ,คดีชินคอร์ป ,คดีหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ,รวมถึงคดี กฟผ. ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เป็นต้น
มีรายงานว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้คืนเงินจำนวน 6 แสนบาทเศษ ให้แก่นายสมบัติไปแล้ว เนื่องจากพิสูจน์ทราบได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินเก็บส่วนตัวของนายสมับัติ ไม่เกี่ยวพันกับการตรวจสอบแต่อย่างใด
ขณะที่นายสมบัติ ก็ได้รับเงินคืนจากการอายัดของ ป.ป.ช. ราว 6 แสนบาทจริง เนื่องจากเงินส่วนนี้เป็นของตัวเอง ไม่ใช่เงินที่เคยรับฝากจากนางณัฐณิชาช์ ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน
“โดยยังเหลือเงินอีกราว 7 ล้านบาทที่ ป.ป.ช.อายัดไว้ต่อ ขณะที่หลังจากนี้ก็ยังไม่มีการนัดให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมกับทาง ป.ป.ช. ขณะที่ ป.ป.ช.จะเรียกใครสอบหรือขอข้อมูลเพิ่มนั้นตนเองไม่ทราบรายละเอียด”
มีรายงานว่า นายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช. ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลการเป็นเจ้าของโรงแรมในต่างจังหวัดของ นางณัฐณิชาช์ เพิ่มทองอินทร์ ภรรยา พล.อ.เสถียร อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีทั้งสิ้น 2 แห่ง แห่งหนึ่งได้ขายไปก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี และอีกแห่งยังมีชื่อ นางณัฐณิชาช์ เป็นเจ้าของ แต่ยังไม่ได้รายละเอียด ส่วนผู้ที่มาซื้อโรงแรม จะเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อถุงยังชีพให้ ศปภ.ช่วงน้ำท่วมหรือไม่ อย่างไรนั้น ต้องมีการพิจารณา หากเป็นความเกี่ยวข้อง มีข้อเท็จจริง และเกี่ยวพันกัน ก็จะเชิญมาสอบด้วยเช่นกัน.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ครอบครัวเพิ่มทองอินทร์ ได้แต่งตั้ง นายนคร ชมพูชาติ เป็นทนายความ สู้ ป.ป.ช.คดีอายัดเงิน พร้อมทรัพย์สิน มูลค่า 65 ล้านบาทโดยวันที่ 11 มีนาคม นายนคร จะส่งหนังสือถามปปช. เพื่อขอคำชี้แจงว่า ทำไมจึงสั่งอายัด โดยไม่มีรายละเอียดชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนคร ถือว่าทนายความคดีดัง ที่จ่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน อยู่เบื้องหลังคดีดังๆ มากมายหลายเรื่อง เป็นหนึ่งในทนายไม่กี่คนที่ร่วมต่อสู้ "คดีสิทธิมนุษยชน" เช่น คดีกรณีสันติอโศก โดยเฉพาะคดีที่พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ และสมณะชาวอโศก ถูกกล่าวหา ,คดีกบฏไอทีวี ,คดีฟ้องร้องให้แก้ไขและเพิกถอนสิทธิบัตรยาต้านไวรัส DDI ,คดีชินคอร์ป ,คดีหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ,รวมถึงคดี กฟผ. ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เป็นต้น
