ASTVผู้จัดการรายวัน - กลุ่มยูนิเวนเจอร์ฯเปิดแผนบันใด 3 ขั้นดึงโกลเด้นแลนด์พ้นขาดทุน ปีแรกขอวางระบบบริหารภายใน เดินหน้าพัฒนาที่ดินย่านคลองเตย ผุดสนง.-โรงแรม มูลค่า 4.7 พันล้านบาท พร้อมเปิดบ้านเดี่ยวอีก 2 โครงการ ปี 57 ตั้งเป้า 3 ปี รายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 56
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแผนธุรกิจระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2558 เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้มีกำไรให้ได้ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันขาดทุนสะสมกว่า 1,300 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์บันใด 3 ขั้น GO to gold ได้แก่ ขั้นที่ 1 ปี 56 “ปรับพื้นฐาน” เน้นการปรับปรุงการบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ได้แก่ โครงสร้างองค์กร ระบบการเงิน บัญชี รวมถึงระบบไอที
โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินได้ไม่น้อยกว่า 10-20 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงอาคารสำนักงาน เซอร์วิสอาพร์ทเมนท์ต่างๆ ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 20-30 ล้านบาท/อาคารบันใดขั้นที่ 2 ปี 57 “สร้างคุณค่า”ให้กับทรัพย์สินที่มีอยู่ หากทรัพย์สินชิ้นใดที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักหรือไม่สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจหลักได้ก็จะขายออกไป และบันใดขั้นที่ 3 ปี 58 “นำพาสู่การเติบโต” โดยตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท มาจากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 5,000 ล้านบาท และที่เหลือจะมาจากธุรกิจให้เช่า อาทิ อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ โรงแรม รวมถึงรายได้อื่นๆ
สำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ได้มาจากธุรกิจหลัก หรือไม่สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจหลักได้ เช่น สนามกอล์ฟ ขนาด 2,096 ไร่ มูลค่า 693 ล้านบาท ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา, ที่ดินขนาด 30 ไร่ ที่ อ.เชียงของ จงเชียงราย, ที่ดินขนาด 40 ไร่ ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และที่ดินขนาด 118 ไร่ มูลค่า 251 ล้านบาท จ.กระบี่ เป็นต้น
ส่วนที่ดินที่คาดว่าจะมีศักยภาพและสร้างเพิ่มให้แก่บริษัทได้ก็จะนำมาพัฒนา เช่น โครงการอินซ์เคป ซึ่งเป็นที่ดินเปล่าและอาคารโกดังสินค้าเนื้อที่ 31 ไร่ มูลค่า 797 ล้านบาท บนถนนรามคำแหง ใกล้โอสถสภา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำมาพัฒนาเป็นอะไร และที่ดินขนาดกว่า 8 ไร่ ซ.ไผ่สิงโต
"GOLD มีทรัพย์สินที่น่าสนใจและมีมูลค่ามาก แต่ยังขาดเงินทุน หลายโครงการยังมีข้อพิพาทเรื่องเดิมๆ มีค่าใช้จ่ายด้านการเงินและบุคคลค่อนข้างสูงแต่มีรายได้น้อย ทำให้มีผลขาดทุนติดต่อกันหลายปี แต่เมื่อ บมจ.ยูนิเวนเจอร์(UV)เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 51% ทำให้เกิดความพร้อมด้านการเงิน และสร้างความเชื่อมั่นในตัวบริษัท"นายธนพล กล่าว
ส่วนในปี 56 คาดว่ารายได้จะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,600 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่มีรายได้จากการขาย และไม่มีรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์เหมือนปีก่อน แม้ปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้ค่าเช่ามากขึ้น จากการเพิ่มพื้นที่เช่าจาก 60% เป็น 85% แต่ปีนี้จะเห็นผลขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 613 ล้านบาท เนื่องจากยังต้องมีการตั้งสำรองด้อยค่าทรัพย์สินอีก
ในปี 56 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่าราว 6,700 ล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการไผ่สิงโต เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ย่านรัชดา-พระราม 4 มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 ปี และในไตรมาส 4/56 จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ได้เตรียมงบจัดซื้อที่ดินในเขตกรุงเทพฯรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ 1,000 ล้านบาท
“การพัฒนาโครงการของโกลเดนท์ แลนด์ หลังจากนี้จะไม่เน้นพัฒนาโครงการระดับบนเท่านั้น แต่จะเน้นโครงการที่ขายได้ ขายง่ายเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะบ้านระดับกลางราคา 5 ล้านบาท บวกลบ ส่วนทาวน์เฮาส์ก็จะอยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท และจะไม่พัฒนาคอนโดฯ เพราะจะไปทับซ้อนกับแกรนด์ ยูนิตี้ฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเช่นเดียวกัน” นายธนพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และยังมีกรณีข้อพิพาทจากเรื่องเดิม ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 7-8% คาดมีข้อสรุปภายในไตรมาส 2/56 แต่ยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 1,300 ล้านบาทในช่วง 3 ปีนี้
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแผนธุรกิจระยะ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2558 เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้มีกำไรให้ได้ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันขาดทุนสะสมกว่า 1,300 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์บันใด 3 ขั้น GO to gold ได้แก่ ขั้นที่ 1 ปี 56 “ปรับพื้นฐาน” เน้นการปรับปรุงการบริหารองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ได้แก่ โครงสร้างองค์กร ระบบการเงิน บัญชี รวมถึงระบบไอที
โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินได้ไม่น้อยกว่า 10-20 ล้านบาท รวมถึงการปรับปรุงอาคารสำนักงาน เซอร์วิสอาพร์ทเมนท์ต่างๆ ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมา โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 20-30 ล้านบาท/อาคารบันใดขั้นที่ 2 ปี 57 “สร้างคุณค่า”ให้กับทรัพย์สินที่มีอยู่ หากทรัพย์สินชิ้นใดที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักหรือไม่สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจหลักได้ก็จะขายออกไป และบันใดขั้นที่ 3 ปี 58 “นำพาสู่การเติบโต” โดยตั้งเป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท มาจากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 5,000 ล้านบาท และที่เหลือจะมาจากธุรกิจให้เช่า อาทิ อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ โรงแรม รวมถึงรายได้อื่นๆ
สำหรับสินทรัพย์ที่ไม่ได้มาจากธุรกิจหลัก หรือไม่สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจหลักได้ เช่น สนามกอล์ฟ ขนาด 2,096 ไร่ มูลค่า 693 ล้านบาท ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา, ที่ดินขนาด 30 ไร่ ที่ อ.เชียงของ จงเชียงราย, ที่ดินขนาด 40 ไร่ ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และที่ดินขนาด 118 ไร่ มูลค่า 251 ล้านบาท จ.กระบี่ เป็นต้น
ส่วนที่ดินที่คาดว่าจะมีศักยภาพและสร้างเพิ่มให้แก่บริษัทได้ก็จะนำมาพัฒนา เช่น โครงการอินซ์เคป ซึ่งเป็นที่ดินเปล่าและอาคารโกดังสินค้าเนื้อที่ 31 ไร่ มูลค่า 797 ล้านบาท บนถนนรามคำแหง ใกล้โอสถสภา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำมาพัฒนาเป็นอะไร และที่ดินขนาดกว่า 8 ไร่ ซ.ไผ่สิงโต
"GOLD มีทรัพย์สินที่น่าสนใจและมีมูลค่ามาก แต่ยังขาดเงินทุน หลายโครงการยังมีข้อพิพาทเรื่องเดิมๆ มีค่าใช้จ่ายด้านการเงินและบุคคลค่อนข้างสูงแต่มีรายได้น้อย ทำให้มีผลขาดทุนติดต่อกันหลายปี แต่เมื่อ บมจ.ยูนิเวนเจอร์(UV)เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ในสัดส่วน 51% ทำให้เกิดความพร้อมด้านการเงิน และสร้างความเชื่อมั่นในตัวบริษัท"นายธนพล กล่าว
ส่วนในปี 56 คาดว่ารายได้จะอยู่ระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 1,600 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่มีรายได้จากการขาย และไม่มีรายได้จากการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์เหมือนปีก่อน แม้ปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้ค่าเช่ามากขึ้น จากการเพิ่มพื้นที่เช่าจาก 60% เป็น 85% แต่ปีนี้จะเห็นผลขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 613 ล้านบาท เนื่องจากยังต้องมีการตั้งสำรองด้อยค่าทรัพย์สินอีก
ในปี 56 บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่าราว 6,700 ล้านบาท ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการไผ่สิงโต เป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ย่านรัชดา-พระราม 4 มูลค่าโครงการ 4,700 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 ปี และในไตรมาส 4/56 จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่าลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ได้เตรียมงบจัดซื้อที่ดินในเขตกรุงเทพฯรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ 1,000 ล้านบาท
“การพัฒนาโครงการของโกลเดนท์ แลนด์ หลังจากนี้จะไม่เน้นพัฒนาโครงการระดับบนเท่านั้น แต่จะเน้นโครงการที่ขายได้ ขายง่ายเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะบ้านระดับกลางราคา 5 ล้านบาท บวกลบ ส่วนทาวน์เฮาส์ก็จะอยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท และจะไม่พัฒนาคอนโดฯ เพราะจะไปทับซ้อนกับแกรนด์ ยูนิตี้ฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเช่นเดียวกัน” นายธนพลกล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และยังมีกรณีข้อพิพาทจากเรื่องเดิม ทำให้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง 7-8% คาดมีข้อสรุปภายในไตรมาส 2/56 แต่ยังไม่มีแผนล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 1,300 ล้านบาทในช่วง 3 ปีนี้