xs
xsm
sm
md
lg

ไทยสมุทรตั้งเป้าโต 16% ชี้สินเชื่ออสังหาฯ น่าสนกว่าหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไทยสมุทรประกันชีวิตตั้งเป้าเบี้ยรับรวมปีงูเล็ก 1.7 หมื่นล้านบาท เล็งเพิ่มตัวแทนอีก 5,000 คนเพื่อขยายธุรกิจ ขณะเดียวกันตั้งเป้าการลงทุนปีนี้ทำยิลด์อีก 6.1% ยันไม่ปรับพอร์ตหุ้นแม้แนวโน้มยังอยู่ในช่วงขาขึ้น เหตุมีความเสี่ยงสูง แต่เล็งบุกสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีหลักประกันแทน

นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยรับรวมในปีนี้ไว้ที่ 17,183 ล้านบาท เติบโต 16% เป็นเบี้ยปีแรก 5,900 ล้านบาท เติบโต 30% เบี้ยปีต่ออายุ 11,285 ล้านบาท เติบโต 10% โดยเบี้ย 90% น่าจะมาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทนเป็นหลักเหมือนกับทุกปีที่่ผ่านมา

ส่วนในปี 2555 ผลการดำเนินงานของบริษัทมีเบี้ยประกันรับรวม 14,801 ล้านบาท เติบโต 12% เป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 4,544 ล้านบาท เติบโต 31% เบี้ยประกันปีต่ออายุ 10,257 ล้านบาท เติบโต 5%

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่ 5,000 คน และเพิ่มตัวแทนคุณภาพที่มีผลงานสม่ำเสมอเป็น 20,000 คน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 17,000 คน

นอกจากนี้ยังได้เตรียมทำการปรับปรุงสาขาให้มีความทันสมัยในปีนี้จะปรับปรุงสาขาเพิ่มอีก 93 สาขา จากปีที่ผ่านมาได้ปรับปรุงไปแล้ว 77 สาขา วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวแทนให้มีคุณภาพเพิ่ม รวมถึงจัดอบรมให้ความรู้กับตัวแทน นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบไอทีให้มีความทันสมัย เพิ่มความคล่องตัวให้แก่ตัวแทน เพื่อให้อัตราการเติบโตผ่านช่องทางตัวแทนอยู่ในอัตรา 30% ต่อเนื่องทุกปี

ขณะที่นโยบายการลงทุนของบริษัท นางนุสรากล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนเอาไว้ที่ 6.1% โดยในปีที่่ผ่านมาสามารถทำได้ที่ 6.53% สูงกว่าที่เคยตั้งเป้าเอาไว้ 6.2% โดยปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์การลงทุนทั้หมดกว่า 7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในอสังหาของบริษัทมีอยู่ 16% ลงทุนในเช่าซื้อ 2% ลงทุนในหุ้นแค่ 2% ที่เหลือลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ตราสารหนี้ต่างๆ

“ช่วงที่ผ่านมาการลงทุนในหุ้นถือว่าให้ผลตอบแทนสูงมาก แต่บริษัทจำเป็นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรับเพิ่มสัดส่วนนี้ เนื่องจากจะต้องกำหนดการลงทุนให้สอดคล้องกับสินค้าที่ทำการขาย เนื่องจากกรมธรรม์ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นแบบระยะยาวทำให้ต้องนำไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาวเป็นส่วนใหญ่” นางนุสรากล่าว

ส่วนในปีนี้บริษัทมองว่า การลงทุนอีกประเภทที่เหมาะสมคือการลงทุนในสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันซึ่งที่ผ่านมาจะร่วมอยู่ในพอร์ตการลงทุนเช่าซื้อของบริษัท โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น เพราะตลาดหุ้นมีความผันผวน เมื่อเทียบกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยกู้แล้วต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และปล่อยกู้ไม่เกิน 70% ของหลักประกันน่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า

นอกจากนี้ หากสามารถควบคุมให้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง หรือ RBC รวมทั้งการบริหารทรัพย์สินต่อหนี้สินของบริษัทก็อยู่ในอัตราที่สมดุลกันมาตลอดแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากเมื่อดูตามความเสี่ยงแล้วหากธนาคารพาณิชย์สามารถทำได้บริษัทประกันก็น่าจะทำได้เช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น