00 ยังคงเดินหน้า “สร้างสันติภาพ” เพื่อดับไฟใต้ในแบบของ “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศปก.กปต. ดูแลงานด้านยุทธศาสตร์ตามปฏิทินบอกว่า ในวันที่ 28 มี.ค. จะนัดหารือกับ มหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกฯมาเลย์ ที่รัฐกลันตัน ขณะเดียวกันทางเลขาฯสมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาฯศอ.บต.ไปคุยกับหัวโจกบีอาร์เอ็นในวันเดียวกัน ที่มาเลย์ด้วย แถมย้ำว่าคนที่ไปคุยด้วยเป็น “ตัวจริง” ก็ไม่อยากเถียงให้มากความ แต่คนแรกนั่นแหละ ใช่เลย ส่วนจะได้เรื่องและจะได้พบกันจริงหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
00 การเจรจาพูดคุยถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ขณะเดียวกันต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง และความเข้าใจสถานการณ์ รวมไปถึงแต่ละฝ่ายต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น มองแค่ประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะหน้า อย่างที่คนของฝ่ายความมั่นคงของไทยบางคนกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เฉลิม- ภราดร-ทวี มันไม่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญคนพวกนี้ไม่เคยมีเครดิต มีสถานะถูกทำให้เข้าใจว่าเป็น “ลูกน้อง” ของ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ดังนั้นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ก็ต้องถูกมองว่าทำไปภายใต้ยุทธศาสตร์ที่เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจของทักษิณ ในระยะยาวเป็นหลัก
00 ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาในพื้นที่โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบหลักของตำรวจ ก็ปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย ตรงกันข้ามกลับเลวร้ายลงไป เพราะกลุ่มก่อการร้ายได้ขยายพื้นที่รุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพิจารณาตามยุทธศาสตร์ก็ต้องพูดความจริงว่า “ฝ่ายโจรกำลังเปิดเกมรุก” กำลังฮึกเหิม ดังนั้นหากมองแบบนี้ การเจรจาให้เกิดความสงบก็ยังเกิดขึ้นได้ยาก และที่สำคัญกลุ่มที่เคลื่อนไหวมีมากมาย และหากย้อนกลับไปก็เหมือนกับการพูดซ้ำๆ นั่นคือ ต้นเหตุมาจาก ตัวของ ทักษิณ นั่นแหละ
00 กลับขึ้นมาเมืองหลวง ที่กรุงเทพฯกันบ้าง แม้ว่า กกต.ยังไม่รับรองให้ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. โดยอ้างว่าต้องรอการพิจารณาคำร้องอีกระยะหนึ่ง ก็เอาเถอะ เพราะในที่สุดแล้วเชื่อว่าต้องไฟเขียวอยู่แล้ว เอาเป็นว่าในช่วงเวลาที่เหลือมาจับตาดูความเคลื่อนไหวในปชป.กันดีกว่า เพราะเท่าที่เห็นเริ่มมีแนวโน้มว่าการเป็นผู้ว่าฯกทม. เทอมสองของเขาทำท่า “ไม่หมู” แน่นอน อย่างน้อยในเรื่องของการเข้ามามีส่วนร่วมของพรรค และควบคุมการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปฏิเสธความจริงไม่ได้ เพราะถ้าคนในพรรคไม่ระดมมาช่วยทุกทาง งัดสารพัดวิชามารออกมาถล่มช่วยรับรองป่านนี้ได้กลับไปซดไวน์เงียบๆ ที่บ้านแล้ว
00 ดังนั้น นอกเหนือจากเรื่อง “แบ่งเค้ก” แบ่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯแล้ว ในการทำงานก็ต้องทำงานผ่านการประสานงานกับพรรค ทั้งในเรื่องทีมประชาสัมพันธ์ผลงาน หรือแม้แต่ “ทีมตอบโต้เร็ว” ผ่านทางสื่อต่างๆโดยเฉพาะ “ช่องสีฟ้า” เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่ง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ช่องทีวีดาวเทียมดังกล่าวมีอิทธิพลไม่น้อย อย่างน้อยในเรื่องการตอบโต้ และอย่าได้แปลกใจที่มีข่าวว่า หนึ่งใน “สามเกลอ” ในรายการ “สายล่อฟ้า” อย่าง ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต จะมาเป็นรองผู้ว่าฯ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งใน “แก๊งไอติม” สายตรง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้
00 หากมองในเชิงการเมืองแล้วถือว่าการบริหารกรุงเทพฯของ สุขุมพันธุ์ เที่ยวนี้ยังเป็นการ “เดิมพัน” ถึงอนาคตการเมืองระดับชาติของปชป.อีกด้วย เพราะถ้าผลงานออกมาห่วย ไม่เป็นไปตามที่คุยโม้เอาไว้ ถึงตอนนั้นก็หลับตานึกภาพได้เลย และยิ่ง มาร์ค บอกว่าเป็นการเลือกตั้งที่สะท้อนการเมืองระดับชาติอย่างที่ว่าจริง มันก็ยิ่งน่ากังวล เพราะอนาคตของปชป. ขึ้นอยู่กับการบริหารกทม. และนี่อาจเป็นเหตุผลหรือข้ออ้างในการเข้ามาแทรกแซงและควบคุมการทำงานเอาไว้ตั้งแต่ต้นมือ
00 ความเคลื่อนไหวเรื่องการล้างผิดให้ แม้ว ทำท่าสะดุดอีกรอบ ที่คราวนี้มาในรูป พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบคลุมเครือให้เอื้อต่อการตีความตบตา เบื้องต้น “ขุดบ่อล่อ” ว่าจะให้ทุกสีทุกกลุ่มได้ประโยชน์ แต่ถึงอย่างไรอย่างไรก็ดี ทางพันธมิตรฯได้ประกาศท่าทีชัดเจนแล้วว่า จะไม่ยอมให้นิรโทษคดีอาญา-คดีทุจริต และถ้าจะนิรโทษฯ คนที่ทำผิดพ.ร.บ.ฉุกเฉิน ก็ต้องสอบถามทุกกลุ่มให้ออกเสียงสนับสนุนเอกฉันท์ ไม่ใช่เสียงข้างมาก พร้อมทั้งให้ถอน พ.ร.บ.นิรโทษฯ ที่ตบตาในชื่อต่างๆค้างอยู่ในสภาออกมาให้หมดเสียก่อน และย้ำว่า ถ้าเสนอ พ.ร.บ.อุบาทว์ที่ว่านั่นเข้าสภาอีกเมื่อใด ก็เดินหน้าชุมนุมทันที ชัดเจนมั๊ย แม้ว !!
00 การเจรจาพูดคุยถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ขณะเดียวกันต้องอยู่บนพื้นฐานความจริง และความเข้าใจสถานการณ์ รวมไปถึงแต่ละฝ่ายต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น มองแค่ประโยชน์ทางการเมืองเฉพาะหน้า อย่างที่คนของฝ่ายความมั่นคงของไทยบางคนกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เฉลิม- ภราดร-ทวี มันไม่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญคนพวกนี้ไม่เคยมีเครดิต มีสถานะถูกทำให้เข้าใจว่าเป็น “ลูกน้อง” ของ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ดังนั้นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ก็ต้องถูกมองว่าทำไปภายใต้ยุทธศาสตร์ที่เป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจของทักษิณ ในระยะยาวเป็นหลัก
00 ขณะเดียวกัน เมื่อหันมาพิจารณาในพื้นที่โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบหลักของตำรวจ ก็ปรากฏว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย ตรงกันข้ามกลับเลวร้ายลงไป เพราะกลุ่มก่อการร้ายได้ขยายพื้นที่รุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพิจารณาตามยุทธศาสตร์ก็ต้องพูดความจริงว่า “ฝ่ายโจรกำลังเปิดเกมรุก” กำลังฮึกเหิม ดังนั้นหากมองแบบนี้ การเจรจาให้เกิดความสงบก็ยังเกิดขึ้นได้ยาก และที่สำคัญกลุ่มที่เคลื่อนไหวมีมากมาย และหากย้อนกลับไปก็เหมือนกับการพูดซ้ำๆ นั่นคือ ต้นเหตุมาจาก ตัวของ ทักษิณ นั่นแหละ
00 กลับขึ้นมาเมืองหลวง ที่กรุงเทพฯกันบ้าง แม้ว่า กกต.ยังไม่รับรองให้ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. โดยอ้างว่าต้องรอการพิจารณาคำร้องอีกระยะหนึ่ง ก็เอาเถอะ เพราะในที่สุดแล้วเชื่อว่าต้องไฟเขียวอยู่แล้ว เอาเป็นว่าในช่วงเวลาที่เหลือมาจับตาดูความเคลื่อนไหวในปชป.กันดีกว่า เพราะเท่าที่เห็นเริ่มมีแนวโน้มว่าการเป็นผู้ว่าฯกทม. เทอมสองของเขาทำท่า “ไม่หมู” แน่นอน อย่างน้อยในเรื่องของการเข้ามามีส่วนร่วมของพรรค และควบคุมการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปฏิเสธความจริงไม่ได้ เพราะถ้าคนในพรรคไม่ระดมมาช่วยทุกทาง งัดสารพัดวิชามารออกมาถล่มช่วยรับรองป่านนี้ได้กลับไปซดไวน์เงียบๆ ที่บ้านแล้ว
00 ดังนั้น นอกเหนือจากเรื่อง “แบ่งเค้ก” แบ่งเก้าอี้รองผู้ว่าฯแล้ว ในการทำงานก็ต้องทำงานผ่านการประสานงานกับพรรค ทั้งในเรื่องทีมประชาสัมพันธ์ผลงาน หรือแม้แต่ “ทีมตอบโต้เร็ว” ผ่านทางสื่อต่างๆโดยเฉพาะ “ช่องสีฟ้า” เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่ง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ช่องทีวีดาวเทียมดังกล่าวมีอิทธิพลไม่น้อย อย่างน้อยในเรื่องการตอบโต้ และอย่าได้แปลกใจที่มีข่าวว่า หนึ่งใน “สามเกลอ” ในรายการ “สายล่อฟ้า” อย่าง ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต จะมาเป็นรองผู้ว่าฯ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งใน “แก๊งไอติม” สายตรง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้
00 หากมองในเชิงการเมืองแล้วถือว่าการบริหารกรุงเทพฯของ สุขุมพันธุ์ เที่ยวนี้ยังเป็นการ “เดิมพัน” ถึงอนาคตการเมืองระดับชาติของปชป.อีกด้วย เพราะถ้าผลงานออกมาห่วย ไม่เป็นไปตามที่คุยโม้เอาไว้ ถึงตอนนั้นก็หลับตานึกภาพได้เลย และยิ่ง มาร์ค บอกว่าเป็นการเลือกตั้งที่สะท้อนการเมืองระดับชาติอย่างที่ว่าจริง มันก็ยิ่งน่ากังวล เพราะอนาคตของปชป. ขึ้นอยู่กับการบริหารกทม. และนี่อาจเป็นเหตุผลหรือข้ออ้างในการเข้ามาแทรกแซงและควบคุมการทำงานเอาไว้ตั้งแต่ต้นมือ
00 ความเคลื่อนไหวเรื่องการล้างผิดให้ แม้ว ทำท่าสะดุดอีกรอบ ที่คราวนี้มาในรูป พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบคลุมเครือให้เอื้อต่อการตีความตบตา เบื้องต้น “ขุดบ่อล่อ” ว่าจะให้ทุกสีทุกกลุ่มได้ประโยชน์ แต่ถึงอย่างไรอย่างไรก็ดี ทางพันธมิตรฯได้ประกาศท่าทีชัดเจนแล้วว่า จะไม่ยอมให้นิรโทษคดีอาญา-คดีทุจริต และถ้าจะนิรโทษฯ คนที่ทำผิดพ.ร.บ.ฉุกเฉิน ก็ต้องสอบถามทุกกลุ่มให้ออกเสียงสนับสนุนเอกฉันท์ ไม่ใช่เสียงข้างมาก พร้อมทั้งให้ถอน พ.ร.บ.นิรโทษฯ ที่ตบตาในชื่อต่างๆค้างอยู่ในสภาออกมาให้หมดเสียก่อน และย้ำว่า ถ้าเสนอ พ.ร.บ.อุบาทว์ที่ว่านั่นเข้าสภาอีกเมื่อใด ก็เดินหน้าชุมนุมทันที ชัดเจนมั๊ย แม้ว !!
