เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (6 มี.ค.) ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก (นปอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปี 2556 เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมว่า เป็นการประชุมหารือร่วมกันในทุกเหล่าทัพ และคณะกรรมการทั้งหมดได้เข้าประชุมร่วมกันครบทุกคน โดยทั้งหมดเป็นไปตามที่เหล่าทัพเสนอขึ้นมา และรมว.กลาโหม จะดูภาพรวมในฐานะที่เป็นคณะกรรมการ
ทั้งนี้ผบ.เหล่าทัพได้ชี้แจงเหตุผล และหลักการในการปรับย้ายทั้งหมด ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น ขอให้รอดูว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนไม่ต้องการให้ทุกคนมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากนัก เพราะเป็นเรื่องภายในของเหล่าทัพทหาร ดังนั้นไม่ว่าใครจะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบวินัยของกองทัพ โดยจะดำเนินการอย่างอื่นที่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้
"ในวันนี้ (6 มี.ค.) ทุกเหล่าทัพจะส่งบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารกลางปีให้กับ รมว.กลาโหม โดยในส่วนของกองทัพบก บัญชีโยกย้ายได้ดำเนินการเสร็จมาก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีการปรับแก้ไขแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 4 แทนพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ก็พิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยดูจากคุณสมบัติและการทำหน้าที่ และต้องเป็นคนเก่าที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่คนใหม่ที่มาจากที่อื่น เพราะต้องเป็นคนที่เคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากจะต้องมีการสานต่องาน รวมถึงเรื่องของความอาวุโสด้วย" ผบ.ทบ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารกลางปี ร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางรมว.กลาโหม ได้ให้ผบ.เหล่าทัพ กลับไปจัดทำบัญชีรายชื่ออีกครั้ง โดยการปรับย้ายในครั้งนี้ไม่มีการปรับย้ายตำแหน่งมากนัก ซึ่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายกลางปีจะมีทั้งหมด 79 อัตรา โดยในส่วนของกองทัพบก มีการปรับย้าย 35 อัตรา เบื้องต้นผบ.ทบ.ได้ปรับย้ายในส่วนของตำแหน่งของพล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนก.ย.นี้ ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในอัตรา พลเอก โดยขยับ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 3 ซึ่งเป็นน้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3
ส่วนพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 จะถูกขยับเข้ามากินอัตราพลเอกก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปลายปีนี้ ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ โดยพล.ท.อุดมชัย ได้เสนอชื่อ พล.ท.กิตติ อินทรสร (ตท.14) รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งถือเป็นนายทหารที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความต้องการปรับเปลี่ยนในตำแหน่งของ พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ( ผบ.พล.ม.2รอ. ) และพล.ต.ศักดา สารีพันธ์ ผู้ บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ (ผบ.พล.ป.) ขยับขึ้นมากินอัตราพลโท ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก่อนจะเกษียณอายุราชการ แต่เนื่องจากติดขัดเรื่องอัตรา เพราะการปรับย้ายในส่วนของกองทัพบกครั้งนี้ มีพลเอก 4 ตำแหน่ง พลโท 3 ตำแหน่ง และพลตรี มีเพียง 11 ตำแหน่ง ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนจะมีผลกระทบ จึงทำให้ไม่สามารถขยับตำแหน่งได้
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาบัญชีปรับย้ายยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด โดยพล.อ.อ.สุกำพล จะเชิญ ผบ.เหล่าทัพมาพูดคุยหารือข้อสรุปอีกครั้ง ในวันที่ 9 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ผบ.เหล่าทัพได้ชี้แจงเหตุผล และหลักการในการปรับย้ายทั้งหมด ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น ขอให้รอดูว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนไม่ต้องการให้ทุกคนมาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากนัก เพราะเป็นเรื่องภายในของเหล่าทัพทหาร ดังนั้นไม่ว่าใครจะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบวินัยของกองทัพ โดยจะดำเนินการอย่างอื่นที่ฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้
"ในวันนี้ (6 มี.ค.) ทุกเหล่าทัพจะส่งบัญชีรายชื่อปรับย้ายนายทหารกลางปีให้กับ รมว.กลาโหม โดยในส่วนของกองทัพบก บัญชีโยกย้ายได้ดำเนินการเสร็จมาก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีการปรับแก้ไขแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 4 แทนพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ ก็พิจารณาเรียบร้อยแล้ว โดยดูจากคุณสมบัติและการทำหน้าที่ และต้องเป็นคนเก่าที่อยู่ในพื้นที่ ไม่ใช่คนใหม่ที่มาจากที่อื่น เพราะต้องเป็นคนที่เคยทำงานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากจะต้องมีการสานต่องาน รวมถึงเรื่องของความอาวุโสด้วย" ผบ.ทบ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้หารือเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารกลางปี ร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางรมว.กลาโหม ได้ให้ผบ.เหล่าทัพ กลับไปจัดทำบัญชีรายชื่ออีกครั้ง โดยการปรับย้ายในครั้งนี้ไม่มีการปรับย้ายตำแหน่งมากนัก ซึ่งบัญชีรายชื่อโยกย้ายกลางปีจะมีทั้งหมด 79 อัตรา โดยในส่วนของกองทัพบก มีการปรับย้าย 35 อัตรา เบื้องต้นผบ.ทบ.ได้ปรับย้ายในส่วนของตำแหน่งของพล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 ที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือนก.ย.นี้ ให้มาดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ในอัตรา พลเอก โดยขยับ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 3 ซึ่งเป็นน้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3
ส่วนพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 จะถูกขยับเข้ามากินอัตราพลเอกก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในปลายปีนี้ ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ โดยพล.ท.อุดมชัย ได้เสนอชื่อ พล.ท.กิตติ อินทรสร (ตท.14) รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งถือเป็นนายทหารที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความต้องการปรับเปลี่ยนในตำแหน่งของ พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ( ผบ.พล.ม.2รอ. ) และพล.ต.ศักดา สารีพันธ์ ผู้ บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ (ผบ.พล.ป.) ขยับขึ้นมากินอัตราพลโท ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก่อนจะเกษียณอายุราชการ แต่เนื่องจากติดขัดเรื่องอัตรา เพราะการปรับย้ายในส่วนของกองทัพบกครั้งนี้ มีพลเอก 4 ตำแหน่ง พลโท 3 ตำแหน่ง และพลตรี มีเพียง 11 ตำแหน่ง ซึ่งหากมีการปรับเปลี่ยนจะมีผลกระทบ จึงทำให้ไม่สามารถขยับตำแหน่งได้
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาบัญชีปรับย้ายยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด โดยพล.อ.อ.สุกำพล จะเชิญ ผบ.เหล่าทัพมาพูดคุยหารือข้อสรุปอีกครั้ง ในวันที่ 9 มี.ค.นี้