“ประยุทธ์” เผยปรับย้ายนายพลตามระเบียบกองทัพ และเป็นที่ยอมรับ ก่อนให้ คกก.กลั่นกรอง รับไม่ได้เป็นง่ายๆ แจงต้องมีงานทำ ยันไม่ได้ตั้งมาปกป้อง เคลียร์ น้องชายสอบเป็นทหารเอง ชี้คุมภาค 4 อยากเห็นเป็นคนทำงานในพื้นที่ รับนายพลเสี่ยงชีวิต-คุก
วันนี้ (5 มี.ค.) ที่มูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชวังดุสิต (สนามเสือป่า) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลครั้งแรก เพื่อหารือถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารกลางปี 2556 ว่า รมว.กลาโหมได้เรียกประชุมเพื่อหารือร่วมกันในการจัดทำแผนโยกย้ายตำแหน่งชั้นนายพลช่วงกลางปีในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งมีตำแหน่งที่ไม่มาก และส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งที่จะปรับทดแทนตำแหน่งผู้ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ต.ค. 2556 ซึ่งเราได้เก็บอัตราไว้ให้คนเหล่านี้ได้เจริญเติบโต เพราะเขาก็รับราชการมาเป็นเวลานานพอสมควร และควรจะได้รับการพิจารณาให้ถูกเลื่อนยศที่สูงขึ้น
เมื่อถามว่าในส่วนของระดับแม่ทัพภาคได้ให้นโยบายอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นเรื่องของระเบียบกองทัพบกอยู่แล้วในเรื่องของการตั้งแต่งที่ต้องผ่านคณะกรรมการของกองทัพบกเมื่อมีการเสนอขึ้นมาจากกองทัพ มันไม่ใช่จะมาจี้ว่าใครได้หรือไม่ได้ แต่จะต้องมีการเสนอขึ้นมา หลังจากนั้นคณะกรรมการของกองทัพบกจะทำหน้าที่กลั้นกรองว่าคุณสมบัติได้หรือไม่ ถ้าได้ก็จะดูว่าตำแหน่งมีที่ว่างตรงไหนก็จะใส่ไปตรงนั้น
“อย่ากลัวว่าผมจะตั้งคนตามที่ผมต้องการ เพราะผมตั้งอย่างนั้นไม่ได้ ผมยึดหลักการว่าการตั้งคนขึ้นมาต้องตั้งด้วยความรู้ความสามารถและด้วยคุณสมบัติของเขาเป็นหลัก ต้องมีความอาวุโสและได้รับการยอมรับ คนเหล่านี้ก็จะต้องรับการกลั้นกรองไปตามลำดับตั้งแต่เป็นนายทหารชั้นผู้น้อยจนขึ้นเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ การจะเป็นนายทหารชั้นนายพลไม่ได้เป็นง่ายๆ และอย่าบอกว่าเป็นนายพลจะไม่มีงานทำ เพราะยังมีคณะทำงาน 16-17 คณะ และมีงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้เขาทำ ดังนั้นนายพลมีงานทำ มีตำแหน่งและมีหน้าที่กันทุกคน การแต่งตั้งคนหากคิดว่าจะมาปกป้องเรายิ่งทำไม่ได้ ถ้าปกป้องด้วยความดีนั้นดีที่สุด ถ้าตั้งเขาหวังว่าจะให้คนคนนี้เข้ามามีอำนาจเพื่อมาปกป้อง ผมไม่ทำ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่ามีความลำบากใจเรื่องการแต่งตั้ง พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งเป็นน้องชายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “ลำบากใจเรื่องอะไร และเขาเป็นใคร เขาสอบเขาโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 ตามผมมา ผมไม่ได้เป็นคนให้เขาเข้าโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เขาก็สอบของเขาเอง และโตมาเอง หรือจะต้องให้เขาเปลี่ยนนามสกุล”
เมื่อถามต่อว่าส่วนตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ควรจะเป็นคนในหรือคนนอก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวแม่ทัพภาคที่ 4 ก็เป็นคนตั้งมาเอง ซึ่งทำอย่างไรให้กระบวนการแก้ไขปัญหาเข้ามา ใครเป็นก็ได้อยู่แล้ว ถ้าทำตามยุทธศาสตร์และทุกคนต้องทำตามยุทธศาสตร์ ไม่ใช่ว่าจะตั้งคนที่มาทำอะไรก็ได้ อย่างนั้นจะตั้งไม่ได้ ต้องตั้งคนที่ทำงานตามยุทธศาสตร์ และคำสั่งตามกฎหมาย เพราะต้องทำงานในกรอบงานที่มีอยู่และตามระเบียบวินัย เก่งแค่ไหนถ้าไม่มีระเบียบวินัยก็เป็นอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เป็นคนกำหนดว่าจะต้องเป็นคนที่โตมาจากกองทัพภาคที่ 4 แต่โดยปกติควรจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จะดีกว่าเนื่องจากรู้ปัญหา ส่วนที่มีคนของกองทัพภาคที่ 1, 2 และ 3 เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยนั้นเป็นคนละเรื่อง คนจะเป็นนายพลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาเสี่ยงคุก เสี่ยงเป็นและตายมามาก