เซ็นทรัล อัดฉีดเต็มเหนี่ยวหวังปลุก แฟมิลี่มาร์ท ผงาดไทย ทุ่ม 10,000 ล้านบาท แผน 5 ปีทะลุ 3,000 สาขา โกยรายได้ 70,000 ล้านบาส ผนึกกำลังธุกริจเครือซีอาร์ซีสร้างแกร่ง
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มซีอาร์ซีเข้ามาถือหุ้นในสยามแฟมิลี่มาร์ทด้วยจำนวน 51% แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 49% เป้นของญี่ปุ่นโคอ อิโดชูและแฟมิลี่มาร์ทญี่ปุ่น จากนี้ไปแฟมิลี่มาร์ทจะต้องรุกตลาดหนักขึ้น (Aggressive) เนื่องจากมีคตวามพร้อมและตลาดคอนวีเนียนสโตร์ยังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งการเข้าถึงคอนวีเนียนสโตร์ของเมืองไทยปัจจบันนี้ยังอยุ่ที่ 6,000 คนต่อ 1 สาขา ขณะที่ไต้หวันนั้นใน 1 สาขาครอบคลุมประชากร 3,000 คน
แผนลงทุน 5 ปี จากนี้ (ตั้งแต่ ปี 2556 – 2560 ) จะใช้งบประมาณรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อขยาย สาขาให้ครบ 3,000 สาขา รวมทั้งการพัฒนาระบบงานต่างๆ การสร้างคลังสินค้า การพัฒนาสินค้า และการตลาด ส่วนปีนี้มีแผนลงทมุน 1,000 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่รวม 200 แห่ง จากปัจจุบันมีสาขา 800 แห่ง โดยที่ปีที่แล้วเปิดใหม่ 100 กว่าสาขาและถึงสิ้นปีที่แล้วมี 792 สาขา สัดส่วนสาขาบริษัท 88% สัดส่วนแฟรนไชส์ 12%
สำหรับรายได้เมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโต 13% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เติบโต 23% ซึ่งคาดว่าตามแผนงานในปี 2560 จะมียอดขายประมาณ 60,000 – 70,000 ล้านบาท ขณะนี้ลูกค้ามียอดการใช้จ่ายในแฟมิลี่มาร์ทประมาณ 60 บาทต่อบิล และมียอดลุกค้าใช้บริการเฉลี่ย 777 คนต่อวัน ต่อสาขา
“ทำเลที่เราจะเปิดสาขายังมีอีกมาก โดยฉพาะตามต่างจังหวัด เพราะคนมีรายไค้มากขึ้น ชุมชนขยายตัวออกไป ตลาดก็เปิดกว้าง แต่ก็คงมีบ้างที่แย่งทำเลกับคู่แข่ง ซึ่งเราคง จะขยายต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะภาคใต้กับภาค ตะวันออก รวมทั้งตลาดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ตอนนี้เรามี 3 จังหวัดหลักท่องเที่ยวสำคัญแล้วคือ ภูเก็ต พัทยา สมุย รวม 3 จังหวัดนี้มากกว่า 300สาขา ลูกค้าหลักคือ ยุโรป รัสเซียและเอเซีย
อย่างไรก็ตามในส่วนของสาขาท็อปส์เดลี่เดิมที่มีแผนจะเปลี่ยนเป็นร้าแฟมิลี่มาร์ทนั้น ขณะนี้เป็นที่แน่นอนว่า สาขาขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 250 ตารางเมตร จะยังคงเป็นท็อปส์เดลี่ แต่สาขาที่พื้นที่ต่ำกว่า 250 ตารางเมตรจะปรับเป็นแฟมิลี่มาร์ทในสาขชาที่ปรับได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซึ่งเวลานี้ท็อปส์เดลี่มีสาขาประมาณ 120 สาขา ขณะนี้แฟมิลี่มาร์ทมี 2โมเดลคือ แบบทั่วไปกับแบบพรีเมียมมีสาขาที่สุวรรณภูมิ
นางจุฑารัตน์ วงศ์สุวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย การตลาด กล่าวว่า ปีนี้จะใช้งบตลาด 150 ล้านบาท แยกเป็น 60% สำหรับสาขาในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนอีก 40% ใช้กับสาขาใน 3 จังหวัดดังกล่าว เน้นทั้งบีโลว์เดอะไลน์ อะโบฟเดอะไลน์ กิจกรรม อีเวนต์ทั้งในและนอกร้าน รวมทั้งการรีเฟรชแบรนด์ด้วย ในคอนเซ็ปท์ “นิวแฟมิลี่มาร์ท”
อีกทั้งยังมีการผนึกกำลังกันระหส่างท็อปส์แลพะแฟมิลี่มาร์ทรวมทั้งหน่วยอื่นในเครือเพื่อจัดซื้อสินต้าร่วมกันทำให้ต้นทุนต่ำลงและมีการเจรจาความร่วมมือกับธุรกิจอื่นเครือซีอาร์ซีด้วยกันเพื่อสร้งความแข็งแกร่งให้กับแฟมิลี่มาร์ทมากขึ้น
สำหรับสินค้าในแฟมิลี่มาร์ท มีประมาณ 7,000-8,000 เอสเคยุ แล้วแต่ทำเล สัดส่วนสินค้าอาหารมากกว่า 72% และที่ไม่ใช่อาหาร 28% รวมทั้งจะมีสินค้าที่ซัพพลายเออร์ผลิตให้เป็นการเฉพาะแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยเพื่อสร้างควาแตกต่างจากคู่แข่งประมาณ 20%ของสินค้าทั้งมด รวมทั้งกลยุทธ์การวางสินค้าตามพื้นที่ของแต่ละสาขา
“เราจะมุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น เช่น สินค้าอาหารพร้อมทานหรือรีดดี้ ทูอีท/อาร์ทีอี แบรนด์ควิกเสิร์ฟ ทั้งสินครแช่เยือกแข็ง และสินครแช่เย็น กว่า 50 เมนู ซึ่งเดือนมีนาคมนี้จะเปิดตัว 5 เมนูใหม่เช่น ยากิโซบะหมู ข้าวปลาแซลมอนย่างซีอิ๋ว ข้าวแกงกะหรี่หมูญี่ปุ่น เป็นต้น 2.สินค้าคิตตี้คอลเลคชั่น
ซึ่งแฟมิลี่มาร์ทได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย จะให้ความสำคัญกับกลุ่ม อาหาร เช่น หมากฝรั่ง เยลลี่ สแน็กแบบไทย"
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มซีอาร์ซีเข้ามาถือหุ้นในสยามแฟมิลี่มาร์ทด้วยจำนวน 51% แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 49% เป้นของญี่ปุ่นโคอ อิโดชูและแฟมิลี่มาร์ทญี่ปุ่น จากนี้ไปแฟมิลี่มาร์ทจะต้องรุกตลาดหนักขึ้น (Aggressive) เนื่องจากมีคตวามพร้อมและตลาดคอนวีเนียนสโตร์ยังมีโอกาสอีกมาก ซึ่งการเข้าถึงคอนวีเนียนสโตร์ของเมืองไทยปัจจบันนี้ยังอยุ่ที่ 6,000 คนต่อ 1 สาขา ขณะที่ไต้หวันนั้นใน 1 สาขาครอบคลุมประชากร 3,000 คน
แผนลงทุน 5 ปี จากนี้ (ตั้งแต่ ปี 2556 – 2560 ) จะใช้งบประมาณรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อขยาย สาขาให้ครบ 3,000 สาขา รวมทั้งการพัฒนาระบบงานต่างๆ การสร้างคลังสินค้า การพัฒนาสินค้า และการตลาด ส่วนปีนี้มีแผนลงทมุน 1,000 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่รวม 200 แห่ง จากปัจจุบันมีสาขา 800 แห่ง โดยที่ปีที่แล้วเปิดใหม่ 100 กว่าสาขาและถึงสิ้นปีที่แล้วมี 792 สาขา สัดส่วนสาขาบริษัท 88% สัดส่วนแฟรนไชส์ 12%
สำหรับรายได้เมื่อปีที่แล้วมีประมาณ 12,000 ล้านบาท เติบโต 13% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เติบโต 23% ซึ่งคาดว่าตามแผนงานในปี 2560 จะมียอดขายประมาณ 60,000 – 70,000 ล้านบาท ขณะนี้ลูกค้ามียอดการใช้จ่ายในแฟมิลี่มาร์ทประมาณ 60 บาทต่อบิล และมียอดลุกค้าใช้บริการเฉลี่ย 777 คนต่อวัน ต่อสาขา
“ทำเลที่เราจะเปิดสาขายังมีอีกมาก โดยฉพาะตามต่างจังหวัด เพราะคนมีรายไค้มากขึ้น ชุมชนขยายตัวออกไป ตลาดก็เปิดกว้าง แต่ก็คงมีบ้างที่แย่งทำเลกับคู่แข่ง ซึ่งเราคง จะขยายต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะภาคใต้กับภาค ตะวันออก รวมทั้งตลาดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ตอนนี้เรามี 3 จังหวัดหลักท่องเที่ยวสำคัญแล้วคือ ภูเก็ต พัทยา สมุย รวม 3 จังหวัดนี้มากกว่า 300สาขา ลูกค้าหลักคือ ยุโรป รัสเซียและเอเซีย
อย่างไรก็ตามในส่วนของสาขาท็อปส์เดลี่เดิมที่มีแผนจะเปลี่ยนเป็นร้าแฟมิลี่มาร์ทนั้น ขณะนี้เป็นที่แน่นอนว่า สาขาขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากกว่า 250 ตารางเมตร จะยังคงเป็นท็อปส์เดลี่ แต่สาขาที่พื้นที่ต่ำกว่า 250 ตารางเมตรจะปรับเป็นแฟมิลี่มาร์ทในสาขชาที่ปรับได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาซึ่งเวลานี้ท็อปส์เดลี่มีสาขาประมาณ 120 สาขา ขณะนี้แฟมิลี่มาร์ทมี 2โมเดลคือ แบบทั่วไปกับแบบพรีเมียมมีสาขาที่สุวรรณภูมิ
นางจุฑารัตน์ วงศ์สุวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย การตลาด กล่าวว่า ปีนี้จะใช้งบตลาด 150 ล้านบาท แยกเป็น 60% สำหรับสาขาในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนอีก 40% ใช้กับสาขาใน 3 จังหวัดดังกล่าว เน้นทั้งบีโลว์เดอะไลน์ อะโบฟเดอะไลน์ กิจกรรม อีเวนต์ทั้งในและนอกร้าน รวมทั้งการรีเฟรชแบรนด์ด้วย ในคอนเซ็ปท์ “นิวแฟมิลี่มาร์ท”
อีกทั้งยังมีการผนึกกำลังกันระหส่างท็อปส์แลพะแฟมิลี่มาร์ทรวมทั้งหน่วยอื่นในเครือเพื่อจัดซื้อสินต้าร่วมกันทำให้ต้นทุนต่ำลงและมีการเจรจาความร่วมมือกับธุรกิจอื่นเครือซีอาร์ซีด้วยกันเพื่อสร้งความแข็งแกร่งให้กับแฟมิลี่มาร์ทมากขึ้น
สำหรับสินค้าในแฟมิลี่มาร์ท มีประมาณ 7,000-8,000 เอสเคยุ แล้วแต่ทำเล สัดส่วนสินค้าอาหารมากกว่า 72% และที่ไม่ใช่อาหาร 28% รวมทั้งจะมีสินค้าที่ซัพพลายเออร์ผลิตให้เป็นการเฉพาะแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยเพื่อสร้างควาแตกต่างจากคู่แข่งประมาณ 20%ของสินค้าทั้งมด รวมทั้งกลยุทธ์การวางสินค้าตามพื้นที่ของแต่ละสาขา
“เราจะมุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น เช่น สินค้าอาหารพร้อมทานหรือรีดดี้ ทูอีท/อาร์ทีอี แบรนด์ควิกเสิร์ฟ ทั้งสินครแช่เยือกแข็ง และสินครแช่เย็น กว่า 50 เมนู ซึ่งเดือนมีนาคมนี้จะเปิดตัว 5 เมนูใหม่เช่น ยากิโซบะหมู ข้าวปลาแซลมอนย่างซีอิ๋ว ข้าวแกงกะหรี่หมูญี่ปุ่น เป็นต้น 2.สินค้าคิตตี้คอลเลคชั่น
ซึ่งแฟมิลี่มาร์ทได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย จะให้ความสำคัญกับกลุ่ม อาหาร เช่น หมากฝรั่ง เยลลี่ สแน็กแบบไทย"