ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังเล็งปรับจีดีพีใหม่ในเดือนหน้า จากที่เคยประมาณการไว้ทั้งปีขยายตัว 5% เหตุเดือนแรกของปี 56 พบการเติบโตที่สมดุลขึ้น ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนกับการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวในระดับสูง การส่งออกโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เผย ม.ค.เดือนเดียวปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัว 108%
นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2556 เครื่องชี้ต่างๆ บ่งชี้ถึงการขยายตัวได้อย่างสมดุลมากขึ้นจากฐานที่ต่ำ เพราะผลกระทบจากน้ำท่วมในปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ประกอบกับการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ขยายตัวในระดับสูง ขณะที่การส่งออกขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 รวมถึงการผลิตยังมีสัญญาณการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกันทั้งภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคง โดยอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำและทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง
“ตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาสอดคล้องกับที่ สศค.คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตอย่างเร่งตัวขึ้นมาก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศออกมา ซึ่งในปี 2556 สศค.ยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ 5% แต่ขณะนี้เป็นเพียงเริ่มต้นของปี ต้องรอตัวเลขในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมก่อน จึงจะเห็นทั้งไตรมาส แต่หลายตัวก็ยังมีแรงส่งที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งการบริโภค การลงทุน และแม้แต่ภาคการผลิตเอง” นายบุญชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ สศค.จะปรับสมมุติฐานจากตัวเลขที่ออกมาใน 2 เดือนแรกของปี เพื่อประมาณการตัวเลขทั้งปีใหม่ โดยจะดูว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นอย่างไร การเติบโตที่แข็งแกร่งของทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมถึงภาคการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังมีแรงส่งจากโครงการรถยนต์คันแรก ที่มียอดเข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านคัน โดยได้ส่งมอบไปแล้ว 5-6 แสนคัน และยังเหลืออีก 6-7 แสนคันที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ นอกจากนั้น ยังมีรถยนต์ที่ไม่ได้เข้าโครงการอีกส่วนหนึ่ง โดยผู้ผลิตเองก็ประมาณการยอดการผลิตรถยนต์ปีนี้จะสูงถึง 2.8 ล้านคันจากปีก่อนที่ผลิตได้ 2 ล้านคัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออก ที่ลดลงจากปีก่อน เพราะมีแรงซื้อในประเทศเข้ามามาก
นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สศค.กล่าวว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเดือนมกราคมขยายตัวได้ดี ทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล โดยเครื่องชี้ด้านการบริโภคภาคเอกชน เช่น ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 16.1% และปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัว 108.6% เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัว 56.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐยังคงมีบทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยผลการเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนมกราคม มีทั้งสิ้น 2.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การส่งออกขยายตัว 16.1% นอกจากนั้น ด้านการผลิตพบว่า มีการขยายตัวเช่นกัน โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเบื้องต้น ขยายตัว 8.6% การท่องเที่ยวต่างประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 12.5% การผลิตภาคการเกษตรขยายตัว 0.8% ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังมีความมั่นคง โดยอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5% ของกำลังแรงงาน สัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 44% ของจีดีพี ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60%.
นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2556 เครื่องชี้ต่างๆ บ่งชี้ถึงการขยายตัวได้อย่างสมดุลมากขึ้นจากฐานที่ต่ำ เพราะผลกระทบจากน้ำท่วมในปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการใช้จ่ายภายในประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ประกอบกับการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ขยายตัวในระดับสูง ขณะที่การส่งออกขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 รวมถึงการผลิตยังมีสัญญาณการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกันทั้งภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคง โดยอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำและทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง
“ตัวเลขต่างๆ ที่ออกมาสอดคล้องกับที่ สศค.คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 จะเติบโตอย่างเร่งตัวขึ้นมาก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศออกมา ซึ่งในปี 2556 สศค.ยังคงประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ 5% แต่ขณะนี้เป็นเพียงเริ่มต้นของปี ต้องรอตัวเลขในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมก่อน จึงจะเห็นทั้งไตรมาส แต่หลายตัวก็ยังมีแรงส่งที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งการบริโภค การลงทุน และแม้แต่ภาคการผลิตเอง” นายบุญชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ สศค.จะปรับสมมุติฐานจากตัวเลขที่ออกมาใน 2 เดือนแรกของปี เพื่อประมาณการตัวเลขทั้งปีใหม่ โดยจะดูว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นอย่างไร การเติบโตที่แข็งแกร่งของทั้งการบริโภคและการลงทุน รวมถึงภาคการผลิต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังมีแรงส่งจากโครงการรถยนต์คันแรก ที่มียอดเข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านล้านคัน โดยได้ส่งมอบไปแล้ว 5-6 แสนคัน และยังเหลืออีก 6-7 แสนคันที่จะทยอยส่งมอบในปีนี้ นอกจากนั้น ยังมีรถยนต์ที่ไม่ได้เข้าโครงการอีกส่วนหนึ่ง โดยผู้ผลิตเองก็ประมาณการยอดการผลิตรถยนต์ปีนี้จะสูงถึง 2.8 ล้านคันจากปีก่อนที่ผลิตได้ 2 ล้านคัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นการส่งออก ที่ลดลงจากปีก่อน เพราะมีแรงซื้อในประเทศเข้ามามาก
นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการส่วนการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค สศค.กล่าวว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเดือนมกราคมขยายตัวได้ดี ทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล โดยเครื่องชี้ด้านการบริโภคภาคเอกชน เช่น ยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 16.1% และปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัว 108.6% เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัว 56.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐยังคงมีบทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยผลการเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนมกราคม มีทั้งสิ้น 2.08 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การส่งออกขยายตัว 16.1% นอกจากนั้น ด้านการผลิตพบว่า มีการขยายตัวเช่นกัน โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเบื้องต้น ขยายตัว 8.6% การท่องเที่ยวต่างประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 12.5% การผลิตภาคการเกษตรขยายตัว 0.8% ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังมีความมั่นคง โดยอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5% ของกำลังแรงงาน สัดส่วนหนี้สาธารณะอยู่ที่ 44% ของจีดีพี ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60%.
