สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
สัจจธรรมแห่งมนุษย์โลกได้จารึกไว้อย่างชัดเจนว่า..
คนชั่วครองอำนาจที่ใด-ที่นั้นจะเสื่อมทราม คนดีครองอำนาจที่ใด-ที่นั้นจะเปี่ยมความยุติธรรมเสมอ
ฐานอำนาจที่เหลี่ยมใช้เงินและตำแหน่งซื้อไว้ในอุ้งมือ คือ ฐานนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ฐานกำนันผู้ใหญ่บ้าน ฐานข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรม ฐานประชาชนอาชีพต่างๆ แต่เน้นฐานคนยากจนเป็นหลัก ฯลฯ
ตลอดเวลาที่เหลี่ยมคุมอำนาจรัฐอยู่ เขายึดฐานเสียงเหล่านั้นได้แล้วเป็นส่วนใหญ่!
แต่ฐานสำคัญที่เป็นอุปสรรค ในการยึดอำนาจรัฐเพื่อโกงกินอย่างถาวร คือ ศาลทุกศาลและกองทัพทุกกองทัพ ทุกวันนี้เหลี่ยมกับพวก ยังยึด 2 ฐานหลักนี้ไม่ได้ 100 % ทว่าเหลี่ยมไม่เคยละความพยายามที่จะยึด 2 ฐานสำคัญนี้อีก
แต่ฐานที่สำคัญยิ่ง ซึ่งจะช่วยเหลี่ยมหาเสียงเลือกตั้ง คือ การใช้พระทั่วประเทศเป็นหัวคะแนน เพราะคนไทยนับถือพระสงฆ์องค์เจ้าครับ
ยิ่งวงการพระสงฆ์ไทยวันนี้เหลวแหลกสิ้นดี แม้สังคมพระยังมีทั้งพระจริงที่ดีมากมาย แต่ก็มีพระที่ไม่พึงเรียกว่าพระอีกไม่น้อย เพราะเป็นพระที่หลงลาภยศเงินทอง จนบังอาจใช้ผ้าเหลืองบังหน้า
พระเก๊หรือพระชั่วพวกนี้ ได้ทอดทิ้งคำสอนแห่งการละ-โลภ-โกรธ-หลง ไม่สนสวรรค์ในอก-นรกในใจ แต่กลับเน้นให้จ่ายเงินมากได้ขึ้นสวรรค์เร็ว จนผู้คนที่หลงเล่ห์อลัชชีเหล่านี้ ต้องกู้เงินเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว เพื่อนำเงินไปซื้อบุญจอมปลอม จนครอบครัวฆราวาสไม่น้อยบ้านแตก เพราะหลงเชื่อว่า..เงินจะนำมนุษย์ซื้อทางลัดไปสู่สวรรค์ได้ ตามที่อลัชชีทั้งหลายพร่ำโกหกไว้..
พระที่ไม่ใช่พระพวกนี้ ไม่เน้นการทำดีได้ดี-ทำชั่วได้ชั่ว ไม่แพร่ธรรม-ปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า แต่กลับนำคำสอนอุตริวิตถารของตน ปลอมปนไปกับคำสอนขององค์พระศาสดา เพื่อโกยผลประโยชน์จากชาวพุทธเข้าตนตลอดเวลา ความชั่วของคนสารเลวที่สวมผ้าเหลืองนี้ ไม่ต่างไปจากพวกโจรการเมืองแต่ประการใดเลย
ต้องตำหนิความหย่อนยานของพระผู้ใหญ่ ที่ปล่อยให้วงการสงฆ์เหลวแหลก จนมีพระเก๊ พระหัวคะแนน พระหากินกับพุทธพาณิชย์ รวมทั้งพระชั่วอีกสารพัด ซึ่งทำให้ชาวพุทธเสื่อมศรัทธาไม่น้อย ท่ามกลางความไม่รับผิดชอบของพระผู้ใหญ่
แถมพระผู้ใหญ่ บางรูปนั่นแหละตัวดี เป็นตัวอย่างเลวๆที่ลุ่มหลงในลาภยศเงินทอง จนไม่ทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง ไม่ทำให้วงการสงฆ์เปี่ยมธรรมแห่งพระพุทธเจ้า ปล่อยให้ จิ้งเหลือง แพร่พันธุ์ชั่วเต็มไปหมดในวงการสงฆ์
ทั้งหมดต้องโทษนักการเมืองชั่วและพระผู้ใหญ่บางรูป ที่ทำให้ศาสนาและพระสงฆ์ไทย เดินสู่ความเสื่อมทรามแบบสุดๆ โดยเฉพาะพระใหญ่น้อยเองนั่นแหละ ที่มิได้กระทำตนเคร่งครัดในหนทางธรรมแห่งพระพุทธเจ้า แต่กลับไปหลงอยู่ในโลกแห่งความโลภ หลงในฆราวาสผู้บริจาคเงินทองมาก หลงกับการวิ่งเต้นขอยศถาบรรดาศักดิ์แห่งสงฆ์ ฯลฯ
พระไม่น้อยจึงกลายเป็นผู้ไม่รู้จักพอเพียง จนวงการพระสงฆ์และศาสนาในวันนี้ มีแต่เรื่องต่ำทรามไม่ต่างไปจาก วงการนักการเมืองที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่ในขณะนี้
การที่นักการเมืองทุนสามานย์อย่างเหลี่ยม จะใช้พระทั่วประเทศเป็นหัวคะแนนได้นั้น เหลี่ยมจะต้องยึดอำนาจคณะรัฐบาลพระให้ได้เสียก่อน คณะรัฐบาลพระนั้นมีอำนาจสูงสุด ในการโยกย้ายแต่งตั้งพระใหญ่น้อยทั่วประเทศไทยครับ
ผมไม่รู้ว่านักการเมืองชั่วอย่างเหลี่ยมและพวก ส่งพระผู้ใหญ่ที่เป็นพวกพ้องตน เข้าไปรัฐประหารยึดครอง คณะรัฐบาลพระไว้ในกำมือได้แล้วหรือยัง?
หลายคนถามว่าคณะรัฐบาลพระใช่เถรสมาคมหรือเปล่า..อืม..คิดเอาเองนะครับ?
เฮ้อ..ถ้าเหลี่ยมยังยึดไม่ได้-ก็โชคดี แต่ถ้ายึดได้แล้ว..ก็เป็นกรรมใหญ่หลวงของชาติไทย!
มาถึงตรงนี้..อดคิดถึงพายัพ ชินวัตร น้องชายคนเดียวของทักษิณ ชินวัตร ที่หลบไปบวชพระ ณวัดป่าพุทธคยา ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 ที่มีฉายาว่า พระพายัพ เขมคุโณ ที่กำหนดจะสึกในวันที่ 11 มีนาคม 2556 นี้ รวมบวชพระแค่ 30 วันเท่านั้น
แต่พระพายัพบวชปุ๊บส้มก็หล่นใส่ปั๊บ เพราะสมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ได้แต่งตั้งให้เป็นพระฐานานุกรม หรือพระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณาจารย์ทันที
แม้พระระดับสมเด็จพระราชาคณะหรือรองสมเด็จฯ จะแต่งตั้งพระฐานานุกรม หรือที่เรียกว่าพระครูปลัดฯได้เอง แต่ธรรมเนียมปฏิบัติการแต่งตั้งตำแหน่งนี้ของสงฆ์ จะต้องบวชเรียนแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี! ต้องรู้พระธรรมวินัย 227 ข้ออย่างขึ้นใจ พระพายัพบวชแค่ไม่กี่วัน จะรู้ซึ้งในพระธรรมวินัย 227 ข้อได้หรือ?
งานนี้พระพายัพจึงไม่ควรรับตำแหน่งส้มหล่นนี้ ในขณะที่พระระดับสมเด็จพระธีรญาณมุนี ก็ไม่ควรประจบคฤหัสน์ผู้ร่ำรวย แบบไม่เหมาะสมเฉก เช่นกัน!
แต่การประจบคฤหัสน์ผู้ร่ำรวยของพระจีวรแดง ที่เป็นตัวตลกเหลืองก็ใช่เล่น ได้ออกมาแถช่วย ทั้งพระพายัพและสมเด็จพระธีรญาณมุนี แบบเอาสีข้างเข้าถูหรือไปแบบน้ำขุ่นๆ ว่า
แต่งตั้งตำแหน่งนี้ข้ามหัวได้ ถ้าคนผู้นั้นทำคุณประโยชน์ให้กับพุทธศาสนามาก เห็นว่าซื้อที่ดินและสร้างโบสถ์ให้วัดมิใช่หรือ แต่ พระสมยอม ที่ชอบประจบคฤหัสน์รวยทรัพย์ลืมไปว่า
การรับบริจาคทานจากฆราวาสนั้น ภิกษุต้องดูว่า..คนบริจาคมีศีลไหม? มีศรัทธาจริงไหม? วัตถุทานที่บริจาคบริสุทธิ์ไหม?
คนโกง-ไม่มีศีลใช่ไหม? เงิน-ที่ผู้บริจาคทานแก่สงฆ์โกงมา เป็นเงินบริสุทธิ์ได้หรือ? สงฆ์ที่รับเงินบริจาคทานสกปรกไว้ ต้องอาบัติปราชิกหมดความเป็นพระเลยนะเจี๊ยะ!
พระยากจนแต่แพร่ธรรมและปฏิบัติธรรม 10 ปี ทำคุณประโยชน์แก่ศาสนาน้อยกว่า ฆราวาสขี้โกงที่ถวายวัตถุทานไม่บริสุทธิ์หรือ? เห็นเงินสำคัญกว่าพระผู้แพร่ธรรมและปฏิบัติธรรม 10 ปีหรือ?
ว่าไปแล้ว..พระสงฆ์ใหญ่น้อยบางรูป ที่ใช้ศาสนาและผ้าเหลืองบังหน้า ด้วยละโมบโลภมากในวัตถุทาน โดยไม่แยแสในความถูกผิด-ควรไม่ควร แถมยังหลอกคนชั่วเหล่านั้นว่า ทำบุญให้พระและศาสนามากๆ จะได้ตัดกรรมชั่วมากมายที่ก่อไว้ ให้บรรเทาหรือหมดได้นะโยม ฯลฯ
อดนึกถึงเจ้าคุณอุดมแห่งวัดเทพศิรินทราวาส ที่เอาใจคฤหัสน์ผู้ร่ำรวยผิดๆ จนเกิดมหกรรมหลอกเงินฆราวาส ที่หลงเชื่อว่า จะได้รับเครื่องราชย์จากเบื้องสูง วังวนแห่งผลประโยชน์ส่วนตน ทำให้เจ้าคุณอุดมวัดเทพศิรินฯถูกจับสึก และติดคุกอยู่จนทุกวันนี้ไงล่ะครับ
จะเป็นพระใหญ่หรือพระน้อย แต่เมื่อบวชเป็นพระแล้ว ก็ต้องทำความดีเหนือปุถุชนทั่วไป ถ้าทำไม่ได้ก็สึกไปซะ..อย่าอยู่เป็นอลัชชี แปดเปื้อนวงการสงฆ์เลยนะพ่อเจ้าประคุณ..จริงไหม?
พี่ชายหน้าเหลี่ยม น้องชายหน้ายาว น้องสาวหน้าเอ๋อ แห่งตระกูลโกงจนชิน ที่ยิ่งใหญ่ในอำนาจการเมือง มิเพียงทำให้ชาติและพระมหากษัตริย์อ่อนแอลงเท่านั้น แต่ได้ทำให้ศาสนจักรด่างพร้อยเสื่อมทรามลงอีกด้วย
วงการสงฆ์วันนี้ ใครเป็นสงฆ์หัวคะแนนสายเหลี่ยม หรือเป็นสงฆ์แอบครองจีวรแดง จะได้ดิบได้ดีมีตำแหน่งใหญ่ข้ามหัวสงฆ์ที่ทำดี จนศาสนากำลังเดินไปสู่วิบัติแห่งศรัทธาอยู่ในขณะนี้
ทางโลกคนชั่วได้ครองเมืองแล้ว ทางธรรมไม่รู้คนชั่วใส่ผ้าเหลือง ได้ครองศาสนจักรแล้วหรือยัง?
งานนี้..อธิบดีกรมศาสนา นายปรีชา กันธิยะ ได้ปล่อยไก่ไว้ว่า พระอุปัชฌาย์ของพระพายัพตั้งให้เป็นพระครูปลัดนั้น-ก็แค่ฉายาน่ะ ไม่ใช่การตั้งตำแหน่งพระฐานานุกรมแต่ประการใด
เพราะพระพายัพเผยว่า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูปลัดจริง แต่มิใช่พระครูปลัดขิกนะเจี๊ยะ
เฮ้อ..ดีนะที่บวชแค่ 1 เดือน จึงได้เป็นแค่พระครูปลัด หากพระพายัพบวชต่อ แล้วทุ่มเงินให้กับพระผู้ใหญ่บางรูป ที่บวชมิใช่เพื่อการหลุดพ้น แต่บวชเพื่อใช้ผ้าเหลืองเป็นช่องโกยวัตถุทาน ถ้าพระพายัพแจกเงินแบบสุดลิ่มทิ่มประตู เหมือนพวกนักการเมืองชั่วซื้อเสียงคนไทย
“พระพายัพ”ก็อาจได้ฉายา “พระสังฆราชาพายับเยิน” ก็ได้นะ..จริงไหมล่ะ..?