ASTVผู้จัดการรายวัน-"ชูวิทย์"ฉุนกึก ถูก กทม. ปลดป้ายแฉปมสร้างโรงพักฉาว ยันเดินหน้าแฉต่อ พร้อมชง ป.ป.ช. เอาผิดบิ๊กตำรวจ ทั้ง "สุพร-เพรียวพันธ์-อดุลย์" ด้านผลตรวจทุจริตสร้างโรงพัก สตช.เผยไม่พบข้อมูลการโกง แถมช่วยยันพีซีซีฯ มีคุณสมบัติถูกต้อง ส่วนความเสียหาย โยนผู้รับเหมารายย่อยไปฟ้องร้องเอาเอง
วานนี้ (20 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงตอบโต้หลังจากที่นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้สั่งการให้ทุกเขตปลดป้ายที่มีข้อความเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ว่า ตนขอเป็นตัวแทนของชาว กทม. บอกไปยังผู้สมัครผู้ว่าราชการ กทม. ของทุกพรรคว่าสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ไม่ชอบขณะนี้ คือ รถแห่หาเสียง ซึ่งส่งเสียงดังรบกวน โดยเฉพาะในวันหยุดที่ประชาชนต้องการที่จะพักผ่อน และการติดป้ายหาเสียงของผู้สมัคร ปิดป้ายสถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงป้ายจราจร ได้ส่งผลกระทบต่อการสัญจรไปมาจนทำให้มีรถชนกันเป็นประจำ
นอกจากนี้ ยังมีป้ายป้ายต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็น แต่ กทม. ไม่จัดการกับป้ายเหล่านี้ กลับมาจัดการป้ายที่ตนทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบถึงการคอรัปชั่นที่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อปลดป้ายของตนออก ตนก็ไม่หยุด แต่จะเดินหน้ารณรงค์ “หยุดคอรัปชั่นประเทศไทย” ต่อไป โดยขณะนี้ได้ทำแบนเนอร์ 2000 ป้าย เข็มกลัด 1 แสนอัน รวมทั้งเสื้อยืด และสติกเกอร์อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อแจกให้กับประชาชน นักการเมือง เพื่อร่วมกันต่อสู้หยุดการคอรัปชั่นให้ได้ และขอให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสมาที่ตน
**ชงป.ป.ช.เอาผิดทุจิรตสร้างโรงพัก
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้พิจารณากล่าวโทษดำเนินคดีข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบหรือเลินเล่อต่อหน้าที่ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการอย่างร้ายแรง โดยให้ไต่สวนชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและวินัยกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังนี้ คือ พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. คณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างดังกล่าว และผู้ควบคุมงานโครงการก่อสร้างทุกนาย
***สตช.ยังยืนยันจ้างสร้างโรงพักถูกต้อง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษา (10) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานตรวจสอบพิจารณาการดำเนินคดีฐานฉ้อโกงจากกรณีการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง มาสอบถามถึงข้อมูลและขั้นตอนการปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างขั้นตอนการทำสัญญา รวมทั้งความเสียหายทั้งหมด
พล.ต.อ.เจตน์กล่าวภายหลังการประชุมว่า การทำงานครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งข้อมูลที่ได้มาเป็นคนละขั้นตอนกัน แต่เมื่อดูหลักฐานจากดีเอสไอแล้ว พบว่า มีการกระทำบางอย่างชี้ถึงเจตนาตามที่ดีเอสไอแจ้งมา
สำหรับกรณีที่มีผู้รับเหมาช่วงบางรายที่ได้รับความเสียหายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมตัวกันจะฟ้องบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะกระทำได้ รวมทั้งที่จะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกเลิกสัญญากับบริษัทคู่สัญญาก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งทำให้บริษัทรับเหมาช่วงได้รับผลกระทบจนไม่ได้รับค่าจ้าง ก่อนที่จะทิ้งงานในที่สุด โดยบริษัทเหล่านี้ ได้ยื่นข้อเสนอให้มีการทำสัญญาตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ข้อเสนอเหล่านี้ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะยังไม่มีการยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซีฯ
"ยังคงย้ำว่า การตรวจสอบคุณสมบัติ การประกวดราคา และการทำเอกสารสัญญาเริ่มแรก กับบริษัท พีซีซีฯ ถูกต้องตามขั้นตอน เพราะหนึ่งในคุณสมบัติที่ระบุไว้ คือ เคยมีประวัติทำสัญญาโครงการก่อสร้างที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ทางบริษัท พีซีซีฯ ได้เสนอผลงานโครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบกลับไปยังการเคหะฯ และพบมีการทำสัญญาจริง และก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดทุกอย่าง แต่อาจต้องเรียกบริษัท พีซีซีฯ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม"พล.ต.อ.เจตน์กล่าว
วานนี้ (20 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงตอบโต้หลังจากที่นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้สั่งการให้ทุกเขตปลดป้ายที่มีข้อความเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่ง ว่า ตนขอเป็นตัวแทนของชาว กทม. บอกไปยังผู้สมัครผู้ว่าราชการ กทม. ของทุกพรรคว่าสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ไม่ชอบขณะนี้ คือ รถแห่หาเสียง ซึ่งส่งเสียงดังรบกวน โดยเฉพาะในวันหยุดที่ประชาชนต้องการที่จะพักผ่อน และการติดป้ายหาเสียงของผู้สมัคร ปิดป้ายสถานที่ราชการต่างๆ รวมถึงป้ายจราจร ได้ส่งผลกระทบต่อการสัญจรไปมาจนทำให้มีรถชนกันเป็นประจำ
นอกจากนี้ ยังมีป้ายป้ายต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็น แต่ กทม. ไม่จัดการกับป้ายเหล่านี้ กลับมาจัดการป้ายที่ตนทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบถึงการคอรัปชั่นที่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อปลดป้ายของตนออก ตนก็ไม่หยุด แต่จะเดินหน้ารณรงค์ “หยุดคอรัปชั่นประเทศไทย” ต่อไป โดยขณะนี้ได้ทำแบนเนอร์ 2000 ป้าย เข็มกลัด 1 แสนอัน รวมทั้งเสื้อยืด และสติกเกอร์อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อแจกให้กับประชาชน นักการเมือง เพื่อร่วมกันต่อสู้หยุดการคอรัปชั่นให้ได้ และขอให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสมาที่ตน
**ชงป.ป.ช.เอาผิดทุจิรตสร้างโรงพัก
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้พิจารณากล่าวโทษดำเนินคดีข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบหรือเลินเล่อต่อหน้าที่ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่ง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการอย่างร้ายแรง โดยให้ไต่สวนชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและวินัยกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังนี้ คือ พล.ต.ท.สุพร พันธุ์เสือ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ,พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. คณะกรรมการตรวจการจ้างโครงการก่อสร้างดังกล่าว และผู้ควบคุมงานโครงการก่อสร้างทุกนาย
***สตช.ยังยืนยันจ้างสร้างโรงพักถูกต้อง
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษา (10) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานตรวจสอบพิจารณาการดำเนินคดีฐานฉ้อโกงจากกรณีการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง มาสอบถามถึงข้อมูลและขั้นตอนการปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างขั้นตอนการทำสัญญา รวมทั้งความเสียหายทั้งหมด
พล.ต.อ.เจตน์กล่าวภายหลังการประชุมว่า การทำงานครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งข้อมูลที่ได้มาเป็นคนละขั้นตอนกัน แต่เมื่อดูหลักฐานจากดีเอสไอแล้ว พบว่า มีการกระทำบางอย่างชี้ถึงเจตนาตามที่ดีเอสไอแจ้งมา
สำหรับกรณีที่มีผู้รับเหมาช่วงบางรายที่ได้รับความเสียหายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมตัวกันจะฟ้องบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะกระทำได้ รวมทั้งที่จะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกเลิกสัญญากับบริษัทคู่สัญญาก็สามารถกระทำได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซีฯ ซึ่งทำให้บริษัทรับเหมาช่วงได้รับผลกระทบจนไม่ได้รับค่าจ้าง ก่อนที่จะทิ้งงานในที่สุด โดยบริษัทเหล่านี้ ได้ยื่นข้อเสนอให้มีการทำสัญญาตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ข้อเสนอเหล่านี้ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะยังไม่มีการยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซีฯ
"ยังคงย้ำว่า การตรวจสอบคุณสมบัติ การประกวดราคา และการทำเอกสารสัญญาเริ่มแรก กับบริษัท พีซีซีฯ ถูกต้องตามขั้นตอน เพราะหนึ่งในคุณสมบัติที่ระบุไว้ คือ เคยมีประวัติทำสัญญาโครงการก่อสร้างที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ทางบริษัท พีซีซีฯ ได้เสนอผลงานโครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบกลับไปยังการเคหะฯ และพบมีการทำสัญญาจริง และก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดทุกอย่าง แต่อาจต้องเรียกบริษัท พีซีซีฯ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม"พล.ต.อ.เจตน์กล่าว